คลังเก็บหมวดหมู่: คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย

การวิจัยยีนยันการให้ลูกกินนมแม่ลดมะเร็งเต้านม

IMG_1059

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? การให้ลูกกินนมแม่นั้น มีการศึกษามาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแนวโน้มของผลการศึกษาชี้ว่า นมแม่ช่วยลดมะเร็งเต้านมได้ จึงมีการทบทวนศึกษาโดยการรวบรวมการศึกษาวิจัยใหม่ ๆ ตั้งแต่ในปี 2551-2557 กว่า 1000 งานวิจัยมีวิเคราะห์ พบว่า การที่มารดาเคยให้ลูกกินนมแม่ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึงราวร้อยละ 40 และในกรณีที่มารดาให้นมลูกได้นานจะลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50 สำหรับกลไกในการลดการเกิดมะเร็งมีการอธิบายว่า

  • กลไกแรกเกิดจากการที่ขณะมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่มีการตกไข่ ทำให้ลดความโอกาสหรือระยะเวลาในการได้รับฮอร์โมนเพศของสตรีลง
  • กลไกที่สองเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเต้านมที่พัฒนาไปสู่ระยะที่สมบูรณ์ในขณะที่ให้นมแม่
  • กลไกที่สามเกิดจากการลดการได้รับสารพิษจำพวก organochlorine ในระหว่างที่มารดาให้นมแม่
  • กลไกที่สี่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของ growth factor เบต้าที่มีผลในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง

? ? ? ? ? ?ดังนั้น จากการทบทวนวิเคราะห์งานวิจัยที่ทันสมัยยืนยันว่า การให้นมลูกช่วยลดมะเร็งเต้านมได้1

เอกสารอ้างอิง

  1. Zhou Y, Chen J, Li Q, Huang W, Lan H, Jiang H. Association between breastfeeding and breast cancer risk: evidence from a meta-analysis. Breastfeed Med 2015;10:175-82.

 

การใช้ยาสตรีขับน้ำคาวปลาขณะให้นมบุตร

IMG_1240

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ความเชื่อในการกินยาขับน้ำคาวปลาหลังคลอดบุตรยังพบอยู่มากในประเทศไทย จากการสำรวจโดยการเยี่ยมบ้านของมารดาที่คลอดบุตรที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พบมีการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตรในหนึ่งเดือนแรกหลังคลอดร้อยละ 31.4 โดยที่ยาที่พบว่ามีการใช้มากที่สุด คือ ยาสตรีที่รับประทานเพื่อขับน้ำคาวปลาโดยพบร้อยละ 25 ของสตรีหลังคลอดทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 80 ของยาที่มารดาใช้ในขณะหลังคลอดในเดือนแรก ยาสตรีที่ใช้ขับน้ำคาวปลามีส่วนประกอบของสมุนไพรหลายชนิด บางชนิดออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศสตรี บางชนิดออกฤทธิ์กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก โดยมีแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายสารออกฤทธิ์ของสมุนไพร

? ? ? ? ? ? ? ? การใช้หรือรับประทานแอลกอฮอล์ในระหว่างให้นมบุตร แอลกอฮอล์จะเพิ่มระดับในน้ำนมได้อย่างรวดเร็วหลังการรับประทานของมารดา โดยที่ระดับแอลกอฮอล์ในน้ำนมจะใกล้เคียงกับในกระแสเลือดของมารดา ผลเสียของแอลกอฮอล์ต่อการให้นมบุตร จะทำให้การตอบสนองของฮอร์โมนออกซิโตซินต่อการดูดนมของทารกลดลง1 และพบว่าอาจทำให้ปริมาณน้ำนมลดลงด้วย2 นอกจากนี้ หากทารกได้รับแอลกอฮอล์จะทำให้ทารกง่วงหลับ ปลุกไม่ค่อยตื่น ไม่สนใจจะกินนม ทำให้น้ำหนักขึ้นน้อย มีผลคะแนนการประเมินความฉลาดของการพูดน้อยลง3 สำหรับความจำเป็นในการรับประทานยาสตรีเพื่อช่วยขับน้ำคาวปลานั้น ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากในขณะหลังคลอด แพทย์จะฉีดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกให้กับมารดาทุกรายอยู่แล้ว และการที่มารดาให้นมลูกจะช่วยให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้นและเข้าอู่ได้ตามปกติ เมื่อพิจารณาดูแล้ว จึงไม่มีความคุ้มค่าที่จะเสี่ยงในการกินยาสตรีที่ช่วยในการขับน้ำคาวปลาที่มีผลกระทบต่อนมแม่และสุขภาพทารก

เอกสารอ้างอิง

  1. Coiro V, Alboni A, Gramellini D, et al. Inhibition by ethanol of the oxytocin response to breast stimulation in normal women and the role of endogenous opioids. Acta Endocrinol (Copenh) 1992;126:213-6.
  2. Giglia RC, Binns CW, Alfonso HS, Scott JA, Oddy WH. The effect of alcohol intake on breastfeeding duration in Australian women. Acta Paediatr 2008;97:624-9.
  3. May PA, Hasken JM, Blankenship J, et al. Breastfeeding and maternal alcohol use: Prevalence and effects on child outcomes and fetal alcohol spectrum disorders. Reprod Toxicol 2016;63:13-21.

 

การใช้ยาของมารดาขณะให้นมบุตร

IMG_3463

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? หลังคลอดขณะที่มารดาให้นมลูก มารดาอาจเจ็บป่วยและจำเป็นต้องรับประทานยา ซึ่งยานั้นมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อแนะนำที่แตกต่างกันในระหว่างการให้นม ดังนั้น คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์และเภสัชกรผู้ที่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา จึงมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสอบถามว่า สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในระยะที่ให้นมบุตรหรือไม่ หลังจากนั้น จึงพิจารณาการแนะนำการใช้ยาในระหว่างให้นมบุตรในแต่ละตัวยา ข้อควรระวังต่างๆ ที่ควรให้การสังเกตหรือใส่ใจในกรณีที่สงสัยจะเกิดอาการหรือความผิดปกติจากการใช้ยาในมารดาและทารก ความชุกของการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตรมีรายงานอาจสูงถึงร้อยละ 661 และมีการซื้อยาเองจากร้านขายยาร้อยละ 172

ในประเทศไทย ยังมีการศึกษาในเรื่องการใช้ยาของมารดาขณะให้นมบุตรน้อย แต่จากการสำรวจโดยการเยี่ยมบ้านของมารดาที่คลอดบุตรที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พบมีการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตรในหนึ่งเดือนแรกหลังคลอดร้อยละ 31.4 โดยที่ยาที่พบว่ามีการใช้มากที่สุด คือ ยาสตรีที่รับประทานเพื่อขับน้ำคาวปลาโดยพบร้อยละ 25 ของสตรีหลังคลอด สตรีที่รับประทานยาเหล่านี้ มักซื้อจากร้านขายยาเอง และขาดการให้คำแนะนำในการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตร สิ่งเหล่านี้ อาจมีผลต่อการที่มารดาจะให้ลูกกินนมแม่ ซึ่งในมารดาบางคนอาจวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยในการใช้ยาทำให้หยุดการให้นมแม่ชั่วคราวหรือถาวร ดังนั้น ควรมีการศึกษาถึงผลกระทบของการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตรต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในอนาคตต่อไป

เอกสารอ้างอิง

  1. Schirm E, Schwagermann MP, Tobi H, de Jong-van den Berg LT. Drug use during breastfeeding. A survey from the Netherlands. Eur J Clin Nutr 2004;58:386-90.
  2. Al-Sawalha NA, Tahaineh L, Sawalha A, Almomani BA. Medication Use in Breastfeeding Women: A National Study. Breastfeed Med 2016;11:386-91.

 

การที่ทารกอ้วนเกิดจากแม่ป้อนนมมากเกินไปใช่ไหม

img_2129

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? เมื่อทารกร้อง หากไม่ได้มีการสังเกตว่า ทารกร้องเพราะเหตุใด การตอบสนองโดยการป้อนนมแก่ทารก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกอ้วน และเกิดภาวะอ้วนในระยะยาวเมื่อทารกเติบโตขึ้น มีการศึกษาพบว่า การตอบสนองต่อทารกเมื่อทารกร้องด้วยการให้นมมากกว่าการดูว่าทารกร้องหรือไม่สบายตัวจากสิ่งใด มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มของน้ำหนักทารกที่มากกว่า การป้อนนมของมารดาที่มากกว่า และโอกาสการให้นมขวดที่เพิ่มขึ้น1 ดังนั้น มารดาจำเป็นต้องมีความรู้ว่า ลูกหิวลูกจะมีอาการอย่างไร และสังเกตได้ว่าลูกว่าร้องเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งในบางครั้งในมารดาที่ขาดประสบการณ์ บุคลากรทางการแพทย์ควรสอนและชี้ให้เห็นว่า อาการใดเป็นอาการที่บ่งบอกว่าลูกหิว ซึ่งจะช่วยฝึกให้ลูกได้มีพฤติกรรมการกินที่เหมาะสม และป้องกันภาวะอ้วนในอนาคตเมื่อทารกโตขึ้น

เอกสารอ้างอิง

  1. Buvinger E, Rosenblum K, Miller AL, Kaciroti NA, Lumeng JC. Observed infant food cue responsivity: Associations with maternal report of infant eating behavior, breastfeeding, and infant weight gain. Appetite 2017.

นมแม่ ปัจจัยสำคัญในสุขภาพชีวิตระยะยาว

IMG_3490

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ?สิ่งที่เป็นตัวกำหนดสุขภาพชีวิตในระยะยาวนอกเหนือจากพันธุกรรม ได้แก่ สารอาหารที่ได้รับในช่วงแรกเกิด ซึ่งมีการศึกษาพบว่าปัจจัยที่สำคัญเหล่านี้คือ นมแม่ และวิตามินดี ส่วนปัจจัยอื่น ได้แก่ แบคทีเรีย probiotics และพันธุศาสตร์กระบวนการเหนือพันธุกรรม (epigenesis)1 ซึ่งสิ่งที่ควบคุมและสนับสนุนได้ คือ การที่มารดาให้ลูกได้กินนมแม่ ซึ่งเป็นเสมือนมอบหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยสร้างสุขภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูก โดยหากร่วมกับการดูแลเอาใจใส่ การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ การกินอาหารที่ได้สัดส่วนที่สมดุลของมารดา การได้รับวิตามินดี และแบคทีเรีย probiotics ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้น สุขภาพที่ดีของลูกขึ้นอยู่กับมารดาที่เป็นเสมือนพระพรหมผู้สร้างสรรค์และบันดาลสิ่งแวดล้อมพร้อมสุขภาพที่ดีแก่ลูกได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Berti C, Agostoni C, Davanzo R, et al. Early-life nutritional exposures and lifelong health: immediate and long-lasting impacts of probiotics, vitamin D, and breastfeeding. Nutr Rev 2017.