รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ข้อควรระวังในระหว่างการดูแลรักษาการเจ็บหัวนม ได้แก่
มารดาไม่ควรหยุดการให้นมเพื่อพักหัวนม
เพราะการหยุดให้นมจะทำให้เต้านมคัด
ทำให้ลานนมและหัวนมแข็งซึ่งจะยากในการเข้าเต้ามากขึ้น นอกจากนี้ การที่มารดาหยุดให้ลูกดูดนมจะทำให้การสร้างน้ำนมลดลงด้วย
ไม่ควรจำกัดความถี่ในการให้นมและระยะเวลาการให้นมในแต่ละครั้ง
เพราะการจำกัดการให้นมจะไม่ช่วยลดการเจ็บหัวนม
หากปัญหาหรือสาเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข การที่เพิ่มระยะเวลาของการให้นมแต่ละครั้งห่างออกไปจะสัมพันธ์การที่มารดามีน้ำนมลดลง22
และการดูดเพียงหนึ่งนาทีของการเข้าเต้าที่ไม่เหมาะสม จะสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือผลเสียต่อหัวนมและเต้านมได้
ซึ่งจะต่างจากการดูดนาน 20
นาทีของการเข้าเต้าที่เหมาะสม จะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อหัวนมและเต้านมเลย ไม่ควรใช้ครีมบำรุงผิว
หรือสารหล่อลื่นใด ๆ ที่หัวนม เพราะทารกจะดูดกลืนเข้าไปและเกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ผิวบริเวณหัวนมจะมีความไวต่อสารต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มการเจ็บหัวนมขึ้นได้
ขณะที่การทาน้ำมันหล่อลื่นที่หัวนมไม่ได้ช่วยให้การเข้าเต้าดีขึ้น9 การใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนม
(nipple
shield) หากจะใช้ควรใช้ชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะบางครั้งการใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนมที่เป็นประจำในระยะยาว
อาจทำให้กระตุ้นการสร้างน้ำนมของเต้านมได้น้อยลง ทำให้น้ำนมไหลน้อยลงด้วย
ซึ่งการที่น้ำนมไหลน้อยลงอาจมีผลต่อการดูดของทารกโดยอาจทำให้ทารกดูดนมแรงขึ้น
ขบหรือมีการกัดหัวนม ทำให้มารดากลับมาเจ็บหัวนมเพิ่มขึ้นอีกได้ นอกจากนี้ การใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนมยังต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดและการปนเปื้อนเชื้อที่อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนม
หากทำความสะอาดได้ไม่เหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
9. Morland-Schultz K, Hill PD. Prevention of and therapies for nipple pain: a systematic review. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2005;34:428-37.
22. McClellan HL, Hepworth AR, Kent JC, et
al. Breastfeeding frequency, milk volume, and duration in mother-infant dyads
with persistent nipple pain. Breastfeed Med 2012;7:275-81.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษฺ์
วิธีการปฏิบัติที่จะช่วยลดอาการเจ็บหัวนม ทำให้มารดารู้สึกสบายขึ้นขณะทำการแก้ไขสาเหตุหลัก และหัวนมที่เจ็บกำลังจะหาย ได้แก่
ทาน้ำนมที่บีบออกมาจากเต้านมที่หัวนม ซึ่งจะช่วยหล่อลื่น ทำให้หัวนมชุ่มชื้นขึ้น ช่วยเคลือบรักษาสภาพผิวหนังบริเวณหัวนมและลานนม และลดการเสียดสี ประคบอุ่นที่เต้านมก่อนการป้อนนมเพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนม แนะนำให้มารดาเริ่มให้นมลูกจากเต้านมที่เจ็บน้อยกว่าก่อน หากทารกง่วงนอนขณะให้นมและดูดนมได้ไม่ดีแต่ทารกยังอมหัวนมและลานนมอยู่ ควรนำทารกออกจากเต้านมเพื่อกระตุ้นให้ทารกตื่นตัว โดยทำการใส่นิ้วเข้าไปข้างปากทารกเพื่อลดแรงดูด แล้วจึงนำทารกออกจากเต้านมอย่างนุ่มนวล การล้างหัวนม ควรทำวันละ 1-2 ครั้งตามการอาบน้ำหรือทำความสะอาดร่างกายตามปกติ ไม่จำเป็นต้องล้างหัวนมทุกครั้งที่ให้นม และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ซึ่งจะทำลายน้ำมันที่ปกคลุมหัวนมตามธรรมชาติ
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ส าเหตุจากผิวหนังอักเสบ หรือเป็นโรคอื่นบริเวณผิวหนัง การรักษาควรตามแต่ละสาเหตุ โดยหากสาเหตุเป็นจากการแพ้ การรักษาทำโดยใช้ยาทาเฉพาะที่ที่มีตัวยาสเตียรอยด์ แต่ควรเช็ดยาทาออกจากหัวนมโดยใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวก่อนให้ทารกกินนม และควรทายาซ้ำหลังจากทารกกินนมเสร็จแล้ว ไม่ควรล้างยาออกด้วยน้ำสบู่ เพราะอาจทำให้ผิวหนังบริเวณหัวนมแห้ง และอาจมีการเจ็บหัวนมได้เมื่อมีการเสียดสีในระหว่างที่ทารกดูดนม
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
Raynaud’s phenomenon การรักษาควรหลีกเลี่ยงภาวะที่หัวนมจะสัมผัสกับอากาศเย็น หรือดื่มกาแฟหรือสูบบุหรี่ที่จะทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือด และพยายามช่วยให้หัวนมอบอุ่นตลอดเวลา โดยเช็ดบริเวณหัวนมให้แห้งหลังทารกกินนม และใช้ผ้าที่ใช้ประคบร้อนช่วยประคบบริเวณหัวนมหลังทารกกินนมทันที หลังจากนั้นแนะนำให้มารดาใส่เสื้อชั้นใน และสวมเสื้อผ้าที่จะช่วยให้บริเวณหัวนมอบอุ่น สำหรับมารดาที่มีอาการรุนแรง การใช้ nifedipine ชนิดรับประทานสามารถใช้ได้โดยไม่เกิดอันตรายแก่ทารกที่กินนมแม่21
เอกสารอ้างอิง
21. Anderson
JE, Held N, Wright K. Raynaud’s phenomenon of the nipple: a treatable cause of
painful breastfeeding. Pediatrics 2004;113:e360-4.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มารดาเป็นงูสวัด (Herpes zoster) หากบริเวณหัวนมหรือลานนมมีแผลหรือตุ่มน้ำใส ควรงดการให้นมจากเต้านมข้างที่มีอาการ จนกระทั่งแผลที่เกิดจากงูสวัดหายหรือแห้งดีแล้ว20 ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาราว 10-14 วัน เพราะการที่ทารกมีการสัมผัสกับแผลหรือน้ำเหลืองจากแผล จะทำให้เกิดการติดเชื้อในทารกได้
เอกสารอ้างอิง
20. Mathers
LJ, Mathers RA, Brotherton DR. Herpes zoster in the T4
dermatome: a possible cause of breastfeeding strike. J Hum Lact 2007;23:70-1.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)