รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?การเริ่มให้ลูกได้ดูดกินนมแม่ ควรเริ่ม ?ภายในครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด? 1 กระบวนการนี้จะต่อเนื่องกันกับการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ โดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ควรช่วยให้มารดาสังเกตและตระหนักรู้ถึงสัญชาติญาณการเริ่มต้นในการดูดนมแม่ของทารก เมื่อทารกได้สัมผัสกับหน้าอกของมารดาในบรรยากาศที่สงบ พฤติกรรมการเตรียมการดูดนมแม่จะเริ่มขึ้น โดยระยะเวลาที่ใช้อาจจะไม่กี่นาทีถึงเป็นชั่วโมง พฤติกรรมเหล่านี้ของทารก ได้แก่
การพักอยู่ในภาวะตื่นตัวในช่วงสั้นๆ เพื่อปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่
การนำนิ้วมือใส่ปากและดูด และการใช้มือควานหาเต้านมแม่
มุ่งความสนใจไปที่จุดสีดำบนเต้านมที่เป็นจุดหมาย
เคลื่อนที่ไปยังเต้านมและใช้จมูกคุ้ยค้น
เมื่อค้นพบหัวนมแล้ว จึงอ้าปากอมหัวนมและลานนม
??????????? ไม่ควรสร้างความกดดันให้กับมารดาและทารกในการเริ่มต้นการกินนมแม่ว่า
การเริ่มต้นต้องใช้เวลานานเท่าใด?
การกินนมแม่ครั้งแรกต้องกินนานแค่ไหน?
การอ้าปากอมหัวนมและลานนมทำได้ดีเพียงใด?
ทารกกินหัวน้ำนมหรือน้ำนมเหลืองได้มากน้อยแค่ไหน?
เพราะ ?การดูดนมครั้งแรกของทารกควรจะได้รับการพิจาณาว่าเป็นการเริ่มต้นมากกว่าการกินนมแม่อย่างเป็นจริงเป็นจัง?
??????????? การช่วยเหลือที่มากขึ้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะเริ่มในครั้งถัดไป โดยช่วยให้มารดาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดท่า การอ้าปากอมหัวนมและลานนมของทารก ลักษณะท่าทางที่บ่งบอกถึงความต้องการในการกินนมของทารก และทักษะอื่นๆ ที่จำเป็น ???????????
เอกสารอ้างอิง
Naylor AJ. The ten steps: ten keys to breastfeeding success. Breastfeed Med 2010;5:249-51.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?อุปสรรคที่ขัดขวางการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อในระยะแรกหลังคลอดมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดและข้อแนะนำแนวทางแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ?ได้แก่
การบังคับให้มารดานอนอยู่บนเตียงระหว่างหลังคลอด มารดาบางคนต้องการที่จะนั่งเอนหลังกอดทารกไว้กับอกหรือเปลี่ยนท่าทางเพื่อความสบายตัวจะถูกจำกัดโดยการให้นอนอยู่บนเตียงโดยเฉพาะหากเป็นเตียงชั่วคราวที่ใช้สำหรับการย้ายเตียง จะแคบ นอนหรือนั่งไม่สบาย การลุกเดินของมารดาสามารถทำได้ แต่ควรระมัดระวังเรื่องอาการหน้ามืดที่พบบ่อยได้หลังคลอด ดังนั้นมารดาต้องการลุกเดินควรมีญาติหรือบุคลากรทางการแพทย์ช่วยดูแลในช่วงแรก
การขาดการให้กำลังใจหรือสนับสนุนจากสามีหรือคนใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยในการสนับสนุนให้มารดาโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ ให้นมลูกและช่วยดูแลมารดาและลูกในช่วงที่มารดาฟื้นตัวใหม่ๆ ในระยะหลังคลอด
การงดการให้อาหารหรือน้ำเป็นเวลานานตั้งแต่ในระยะแรกของการคลอด ทำให้มารดาอ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะอุ้มหรือประคองลูก
การให้ยาลดอาการปวดที่จะทำให้มารดาและทารกง่วงซึม หากทารกง่วงซึมจากการได้ยาลดอาการปวด การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อในระยะแรกยิ่งจำเป็นเพื่อช่วยกระตุ้นสัมผัสทารก สนับสนุน สร้างความผูกพัน และช่วยในการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ดีขึ้นด้วย
การตัดฝีเย็บและการเย็บแผล ทารกสามารถจะอยู่บนอกแม่ได้ หากมารดาจำเป็นต้องได้รับการเย็บแผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัดคลอด ไม่มีความจำเป็นต้องแยกทารกออกจากมารดาในระหว่างนี้
การให้น้ำเกลือ การติดเครื่องติดตามการเต้นของหัวใจทารก และการทำหัตถการอื่นที่ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ จะขัดขวางการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อได้
การห่อทารกจนแน่นเกินไปหลังคลอด จะขัดขวางการเคลื่อนไหวของทารกที่อาจคืบคลานไปหาเต้านมและเริ่มดูดนมได้
นโยบายแยกมารดาและทารกหลังคลอด
ความวิตกกังวลเรื่องทารกตัวเย็น ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการเช็ดตัวทารกให้แห้งและวางลงบนหน้าอกมารดา จากนั้นใช้ผ้าห่มคลุมทั้งทารกและมารดา หากอุณหภูมิในห้องเย็น อาจคลุมศีรษะทารกหรือสวมหมวกเพื่อลดการสูญเสียความร้อน ทารกที่ได้โอบกอดเนื้อแนบเนื้อกับมารดาจะควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ดีกว่าทารกที่อยู่ในบริเวณที่อุ่นด้วยเครื่องทำความร้อน
การตรวจร่างกายทารก การตรวจทารกสามารถทำได้ขณะทารกอยู่บนอกแม่ ซึ่งทารกจะสงบ สำหรับการชั่งน้ำหนักสามารถทำหลังจากนั้น
การอาบน้ำ การอาบน้ำตั้งแต่แรกควรชะลอไว้ก่อน รอให้ไขของทารกที่อยู่บนผิวได้เคลือบ หล่อลื่น และช่วยรักษาอุณหภูมิของทารก การเช็ดตัวทารกให้แห้งเพียงพอแล้วสำหรับทารกระยะแรกหลังคลอด
ห้องคลอดยุ่ง หากห้องคลอดยุ่ง ทารกและมารดาอาจได้รับการย้ายมาที่หอผู้ป่วยเพื่อให้ทารกได้โอบกอดเนื้อแนบเนื้อในระยะแรกและทำต่อเนื่องที่หอผู้ป่วยได้
ไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะอยู่กับมารดาและทารก อาจพิจารณาให้สามีหรือสมาชิกในครอบครัวสามารถจะเฝ้าอยู่กับมารดาและทารกได้
มารดาเหนื่อย1 ส่วนใหญ่มารดาน้อยมากที่จะเหนื่อยมากจนไม่อยากอุ้มลูก การได้โอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ จะทำให้มารดาผ่อนคลาย บุคลากรควรทบทวนแนวทางการปฏิบัติต่างๆ ด้วยว่ามีการปฏิบัติใดที่ทำให้มารดารู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง เช่น การงดน้ำงดอาหาร การคลอดที่เนิ่นนานเกินไป เป็นต้น
มารดาไม่ต้องการอุ้มลูก การที่มารดาไม่ต้องการอุ้มลูกอาจจะบ่งถึงว่า มารดาอาจมีภาวะซึมเศร้าหรือมีความเสี่ยงที่จะทอดทิ้งลูก การให้มารดาได้สัมผัสกับลูกจะลดความเสี่ยงเหล่านี้
เอกสารอ้างอิง
Habib FA. Monitoring the practice and progress of initiation of breastfeeding within half an hour to one hour after birth, in the labor room of king khalid university hospital. J Family Community Med 2003;10:41-6.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
-ทำได้โดยอุ้มทารกมาไว้ที่หน้าอกมารดาทำโดยต้องไม่ห่อตัวทารก โดยมารดาต้องเปิดเสื้อผ้าในบริเวณที่สัมผัสหรือหน้าอกให้เพียงพอ สำหรับการที่จะคลุมผ้าเพื่อความอบอุ่น จะคลุมทั้งทารกและมารดาไปพร้อมกัน ให้สัมผัสมารดาและทารกเนื้อแนบเนื้อ ซึ่งคลุมผ้านี้จะคล้ายกับการให้ลูกอย่างในถุงหน้าท้องของจิงโจ้ที่เรียก Kangaroo care การที่ทารกได้สัมผัสผิวของมารดาจะช่วยในการพัฒนาการของระบบประสาทสัมผัสและช่วยกลไกออกซิโตซินได้ นอกจากนี้ หากสามารถให้การโอบกอดเนื้อแนบเนื้ออย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงจะช่วยในการเจริญเติบโตและการกินนมแม่ของทารกที่คลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวน้อยได้1 ,2
-ในขั้นตอนนี้ให้ความสำคัญของการให้ทารกได้สัมผัสกับหน้าอกของมารดาพร้อมกับแนะนำให้มารดาสังเกตความพร้อมของทารกในการกินนมแม่ ซึ่งมารดาอาจสังเกตเห็นทารกคืบคลานเข้าหาเต้านม จนสามารถดูด อมหัวนมและลานนมได้
-ระยะเวลาของการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อในระยะแรกหลังคลอด แนะนำให้ ? วางทารกให้ผิวสัมผัสแนบชิดกับอกของมารดาหลังคลอดนานอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ? หรือนานกว่านั้น สำหรับแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ควรสังเกตมารดาและทารก ร่วมกับอาจเสนอความช่วยเหลือหากจำเป็น และควรหลีกเลี่ยงกระบวนการพยาบาลอื่นๆ ในระหว่างนี้เพื่อไม่เป็นการรบกวนมารดาและทารกในช่วงเวลาที่ส่งเสริมสายสัมพันธ์และสนับสนุนการให้ทารกได้กินนมแม่
-ในกรณีที่มารดาคลอดทารกแฝด หลังทารกคนแรกคลอด การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อของมารดาสามารถทำได้จนกระทั่งมารดาเบ่งคลอดทารกคนที่สอง ถัดจากนั้นทารกอาจอยู่กับสามีหรือสมาชิกในครอบครัว เมื่อคลอดทารกคนที่สองแล้ว ทารกทั้งสองคนสามารถทำการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อได้พร้อมกัน
-ควรทำแบบบันทึกและจดเวลาเริ่มของการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อและเวลาสิ้นสุดของงการให้การสัมผัสในแฟ้มการดูแลการคลอดจะเป็นประโยชน์ โดยจะแสดงถึงการให้ความสำคัญในกระบวนการปฏิบัตินี้เช่นเดียวกับการปฏิบัติอื่นที่ต้องบันทึกข้อมูลให้ครบถ้วน
เอกสารอ้างอิง
Gathwala G, Singh B, Singh J. Effect of Kangaroo Mother Care on physical growth, breastfeeding and its acceptability. Trop Doct 2010;40:199-202.
Flacking R, Ewald U, Wallin L. Positive effect of kangaroo mother care on long-term breastfeeding in very preterm infants. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2011;40:190-7.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ?การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ (skin-to-skin contact) มีประโยชน์อย่างมากต่อทารกแรกเกิด ได้แก่
ทำให้ทารกและมารดารู้สึกสงบ และช่วยให้จังหวะการหายใจและการเต้นของหัวใจทารกสม่ำเสมอ
ช่วยให้ทารกได้รับความอบอุ่นจากความร้อนของร่างกายของมารดา ป้องกันการเกิดอาการตัวเย็น (hypothermia) ในทารกได้1
ช่วยในการปรับเมตาบอรึซึ่มของน้ำตาลในเลือดของทางทารกให้คงที่
ช่วยให้ก่อเกิดการมีกลุ่มของแบคทีเรียในลำไส้ทารกจากมารดาที่ให้การสัมผัสแรกกับทารก ไม่ใช่จากแพทย์หรือพยาบาล
ลดความเจ็บปวดของทารก การให้ทารกได้สัมผัสผิวกับมารดาช่วยลดความเจ็บปวดของทารกจากการเจาะเลือดที่ปลายเท้าได้2
ลดการร้องกวนของทารก ซึ่งจะลดความเครียดและการใช้พลังงานของทารกด้วย
ช่วยให้สายสัมพันธ์ของมารดาและทารกดีขึ้น3 ทำให้ทารกตื่นตัวในหนึ่งถึงสองชั่วโมงแรก จากนั้นโดยปกติทารกจะหลับนาน
ช่วยให้ทารกเริ่มการกินนมแม่ในระยะแรกดีขึ้น1 ,4 ให้โอกาสทารกได้เข้าหาเต้านมและดูดนมด้วยตนเอง ซึ่งทารกจะสามารถเข้าหาเต้านมได้จากสีของหัวนมและกลิ่นของน้ำนม โดยการเข้าเต้าลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพดีกว่าการแยกทารกออกไปในช่วงแรกหลังคลอด
? ? ? ? การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อหรือการให้ทารกได้สัมผัสผิวของมารดาสามารถทำได้ตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดทารก อาจจะทำก่อนการตัดสายสะดือหรือทันทีเมื่อพร้อมหลังการคลอดและเช็ดตัวทารกให้แห้ง ทารกไม่จำเป็นต้องอาบน้ำหลังการคลอด5 ควรชะลอการชั่งน้ำหนัก วัดขนาดตัวทารก การให้ยาฆ่าเชื้อป้ายตาทารก การฉีดวิตามินเคและวัคซีนให้กับทารกจนกระทั่งทารกเริ่มการดูดนมครั้งแรกเรียบร้อยแล้วเสียก่อน
เอกสารอ้างอิง
Srivastava S, Gupta A, Bhatnagar A, Dutta S. Effect of very early skin to skin contact on success at breastfeeding and preventing early hypothermia in neonates. Indian J Public Health 2014;58:22-6.
Marin Gabriel MA, del Rey Hurtado de Mendoza B, Jimenez Figueroa L, et al. Analgesia with breastfeeding in addition to skin-to-skin contact during heel prick. Arch Dis Child Fetal Neonatal Ed 2013;98:F499-503.
Widstrom AM, Wahlberg V, Matthiesen AS, et al. Short-term effects of early suckling and touch of the nipple on maternal behaviour. Early Hum Dev 1990;21:153-63.
Mahmood I, Jamal M, Khan N. Effect of mother-infant early skin-to-skin contact on breastfeeding status: a randomized controlled trial. J Coll Physicians Surg Pak 2011;21:601-5.
Morton J, Hall JY, Pessl M. Five steps to improve bedside breastfeeding care. Nurs Womens Health 2013;17:478-88.
? ? ? ? ? ? ? ?ตามธรรมชาติมารดาและทารกย่อมมีสายสัมพันธ์กันตั้งแต่รู้สึกว่ามีการตั้งครรภ์ ทารกเริ่มมีการดิ้นหรือเคลื่อนไหวภายในครรภ์มารดา การเปลี่ยนแปลงขนาดของหน้าท้องที่แสดงว่ามีการเจริญเติบโตของทารก การลูบท้องส่งสัมผัสจากมารดาสู่ทารก การพูดคุยของมารดากับทารกในครรภ์ จนกระทั่งถึงกระบวนการของการคลอดและการให้ทารกได้กินนมแม่ แต่การส่งเสริมสายสัมพันธ์แม่ลูกนั้นในปัจจุบันถือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และลดปัญหาการทอดทิ้งลูกของมารดาวัยรุ่น
??????????? การส่งเสริมสายสัมพันธ์แม่ลูกควรเริ่มตั้งแต่ทราบว่ามารดามีการตั้งครรภ์ การให้ความรู้ความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในระยะฝากครรภ์ จะทำให้มารดาสังเกตการเปลี่ยนแปลงและรู้สึกรับรู้ถึงทารกมากขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงไม่ควรละเลยกับการให้ความสนใจในการอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงในระยะต่างๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์ขณะฝากครรภ์ และเตรียมแนะนำการเปลี่ยนแปลงที่มารดาต้องเผชิญพร้อมการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอดบุตรและเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างเหมาะสมในระยะหลังคลอด อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น ระยะที่มีความสำคัญมากคือ ระยะเริ่มต้นการให้ลูกได้กินนมแม่หรือระยะแรกหลังคลอดนั่นเอง
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)