คลังเก็บหมวดหมู่: ทารกแรกเกิด

ทารกแรกเกิด

การเข้าเต้าที่ดี

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            การเข้าเต้า ความหมายตามตัวหนังสือในภาษาไทย หมายถึง กระบวนการที่จะนำทารกเข้าหาเต้านม ประกบปากแนบแน่นกับเต้านมเพื่อการดูดกินนมแม่ ซึ่งแปลมาจากภาษาอังกฤษคำว่า “latch” ที่แปลว่า ใส่กลอน หรือลั่นกุญแจ โดยทางศัพท์แพทย์จะหมายถึง การประกบปากอมหัวนมและลานนมแนบแน่น จะมีความหมายเดียวกันกับ attachment ที่แปลว่า การยึดติด หรือการเชื่อมต่อ โดยทางศัพท์แพทย์จะหมายถึง การประกบปากอมหัวนมและลานนมแนบแน่นเช่นเดียวกัน แต่ attachment ทางการแพทย์ยังมีความหมายอื่น ได้แก่ ความผูกพันทางอารมณ์ ดังนั้น การใช้คำว่า latch ทางการแพทย์จะเฉพาะเจาะจงกับการประกบปากอมหัวนมและลานนมแนบแน่นมากกว่า และในภาษาไทย “การเข้าเต้า” น่าจะให้ความหมายที่ชัดเจนและเห็นภาพดีที่สุด  

            การประกบปากอมหัวนมและลานนมที่ดี จะทำให้หัวนมและลานนมจะยืดยาวออกมามีลักษณะเป็นจุก (teat) อยู่ในปากทารก ซึ่งท่อน้ำนมที่อยู่ใต้ลานนมอยู่ในปากทารกด้วย ลิ้นของทารกจะยื่นออกมาข้างหน้าบนเหงือกด้านล่าง จะทำหน้าที่กดไล่นมออกจากเต้านม ขณะทำการดูดนม หากทารกอ้าปากอมหัวนมและลานนมได้ในลักษณะนี้ นั่นคือการเข้าเต้าที่ดีและทำให้การดูดนมมีประสิทธิภาพ ดังแสดงในรูป1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

แบบบันทึกการสังเกตการให้นมลูก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            การสังเกตการให้นมทารก มีความสำคัญดังได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟได้ออกแบบบันทึกการสังเกตการให้นมทารก (Breastfeed Observation Aid)  โดยในแบบบันทึกทางด้านซ้ายมือของผู้บันทึกจะบ่งบอกถึงลักษณะของการให้นมที่ดี ส่วนแบบบันทึกทางด้านขวาของผู้บันทึกจะบอกถึงลักษณะการให้นมที่ไม่ดีที่บุคลากรทางการแพทย์ควรให้คำแนะนำมารดาเพื่อปรับปรุงการให้นมทารกให้ดีขึ้น แบบสังเกตการให้นมลูกจะแบ่งเป็นหกส่วน แต่ละส่วนจะมีการเขียนถึงลักษณะของการให้นมลูกที่ทำได้ดี และลักษณะที่บอกว่ามีการให้นมที่ไม่ดีหรือมีความยากลำบากในการให้นมลูก บุคลากรทางการแพทย์ควรทำเครื่องหมาย  / ลงในรายการที่สังเกตเห็น โดยหากมีเครื่องหมาย / อยู่ด้านซ้าย แสดงว่าการให้นมแม่เป็นไปด้วยดี หากมีเครื่องหมาย  / อยู่ด้านขวา แสดงว่าอาจมีความยากลำบากในการให้นมลูกที่ต้องการการแก้ไข ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของการให้นมลูก แบบสังเกตการให้นมทารก แสดงในรูป1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

ทำไมต้องสังเกตมารดาให้นมลูก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            การที่จะทราบว่ามารดามีการให้นมลูกที่ถูกต้องหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการสังเกตมารดาในขณะที่ให้นมลูก ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์จึงควรมีการประเมินการให้นมลูกในระหว่างการสังเกตการให้นมลูก โดยขั้นตอนการสังเกตมารดาขณะให้นมลูกจะเป็นสิ่งช่วยบอกถึงการเข้าเต้าที่ดีและมีการดูดนมที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยเริ่มจากการสังเกตมารดาและทารก สังเกตเต้านม สังเกตท่าของทารก การอ้าปากอมหัวนมและลานนม และสังเกตการดูดนมของทารก  ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการดูว่ามารดาและทารกพร้อมที่จะให้นมหรือไม่ ลักษณะของเต้านมปกติ ทารกมีอาการอยากกินนม สังเกตการอ้าปากอมหัวนมและลานนมที่ดี ได้แก่       คางทารกชิดอก ปากทารกเปิดกว้าง ริมฝีปากล่างปลิ้นออก และขณะทารกดูดนมลานนมด้านบนเห็นมากกว่าด้านล่าง การสังเกตลักษณะของการอ้าปากอมหัวนมและลานนมไม่ดี ได้แก่ คางทารกห่างอก ปากทารกไม่กว้าง ริมฝีปากล่างตรงหรือเข้าได้ใน และมองเห็นลานนมด้านล่างมากกว่าด้านบน ซึ่งเมื่อมารดามีการเข้าเต้าและให้นมได้อย่างถุกต้องเหมาะสม จะลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะทำให้มารดาหยุดการให้นมลูกก่อนเวลาอันควรได้1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

 

การดูแลและป้องกันปัญหาการถ่ายอุจจาระบ่อย ท้องเสียหรือท้องผูก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               ในการดูแลและป้องกันปัญหานี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสอนให้มารดาสามารถสังเกตได้ว่าทารกมีอุจจาระที่ปกติ หรือมีอาการท้องเสีย หรือท้องผูก ส่วนใหญ่ในทารกที่กินนมแม่มักพบว่าทารกถ่ายอุจจาระบ่อยมากกว่าการถ่ายอุจจาระแข็ง สำหรับอาการท้องเสียสังเกตได้จากอุจจาระทารกจะมีมูกเลือด ทารกมีไข้หรือมีอาการซึมร่วมด้วย ซึ่งมารดาควรนำทารกไปรับการตรวจรักษาจากแพทย์  สำหรับการที่ทารกถ่ายอุจจาระบ่อย มีน้ำปนเนื้ออุจจาระ ลักษณะปกติ ส่วนมากเกิดจากการที่ทารกกินเฉพาะน้ำนมส่วนหน้าที่มีน้ำตาลแลกโตสมาก ซึ่งจะย่อยได้เร็ว ขับถ่ายบ่อย ทารกจะหิวและร้องกินนมบ่อย การที่ทารกได้รับเฉพาะน้ำนมส่วนหน้ามักเกิดจากมารดาไม่ได้ให้นมทารกกินจนเกลี้ยงเต้าจากเต้านมข้างที่กินนมอยู่ก่อน แต่จะได้รับการเปลี่ยนให้ทารกกินนมจากเต้านมอีกข้างหนึ่งก่อนที่ทารกจะกินน้ำนมส่วนหลังที่มีปริมาณไขมันสูง ซึ่งการที่ทารกได้กินน้ำนมส่วนหลังจะส่งผลทำให้ทารกถ่ายไม่บ่อย อิ่ม และหลับได้นาน ดังนั้น การป้องกันการถ่ายอุจจาระบ่อยจากทารกกินน้ำนมส่วนหน้าคือ การให้มารดาให้ทารกกินนมจนเกลี้ยงเต้าก่อนจะเปลี่ยนไปให้นมจากเต้านมอีกข้างหนึ่ง

            การพบทารกถ่ายอุจจาระแข็ง มักไม่พบในทารกที่กินนมแม่ แต่จะพบได้ในทารกที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารก โดยสาเหตุที่พบบ่อยคือ การชงนมผงดัดแปลงสำหรับทารกเข้มข้นน้อยกว่าที่ควรชงตามฉลากที่บ่งบอกไว้หรือจางเกินไป การแก้ไขคือ การปรับการชงนมให้ได้สัดส่วนตามฉลากที่บ่งบอกไว้และใช้ถ้วยตวงตามขนาดและชนิดของนมผงดัดแปลงสำหรับทารกที่มีไว้ให้ นอกจากนี้ หากทารกมีการกินอาหารเสริมอย่างอื่น ๆ นอกเหนือจากการกินนมแม่ในช่วงหกเดือนแรก ปัจจัยนี้จะเป็นสาเหตุของการเกิดอาการท้องผูกและท้องเสียในทารกได้เช่นกัน1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

 

 

ปัญหาการถ่ายอุจจาระบ่อย ท้องเสียหรือท้องผูก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            ทารกที่กินนมแม่จะมีการผ่านของขี้เทาในลำไส้ทารกที่เห็นเป็นลักษณะสีเขียวเข้มได้อย่างรวดเร็ว และจะพบอุจจาระของทารกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนนุ่ม มีเนื้ออุจจาระปนน้ำเล็กน้อย โดยทารกที่กินนมแม่อาจจะมีการถ่ายอุจจาระบ่อยหรืออาจจะมีการถ่ายทุกครั้งที่กินนม แต่เมื่อทารกอายุมากขึ้น การถ่ายอุจจาระอาจมีการถ่ายทุกสองถึงสามวันได้ และอาจพบเห็นว่าทารกมีหน้าแดงหรือเกร็งตัวเมื่อมีการบีบตัวของลำไส้ โดยสิ่งนี้เป็นลักษณะปกติ และไม่ได้แสดงถึงการมีอาการท้องผูก ลักษณะอุจจาระที่แข็ง แห้งและมองดูคล้ายลวดลายของหินอ่อนจะบ่งบอกว่าทารกมีอาการท้องผูก

            สำหรับอาการท้องเสีย สังเกตทารกจะมีอุจจาระเป็นน้ำ โดยจะมีเนื้อน้อยมาก หากทารกใส่ผ้าอ้อม จะเห็นเนื้ออุจจาระน้อยมากติดที่ผ้าอ้อมและมีน้ำเปียกชุ่มซึมซับอยู่ในผ้าอ้อม ซึ่งการมีอาการท้องเสียจะเกิดอันตรายแก่ทารกได้ ดังนั้นมารดาควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตลักษณะอุจจาระของทารกที่ปกติและผิดปกติเพื่อให้การดูแลทารกทำได้อย่างเหมาะสม1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.