คลังเก็บหมวดหมู่: ทารกแรกเกิด

ทารกแรกเกิด

มารดาที่ให้นมลูกที่ถูกกระทำรุนแรงมีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวน้อยมาก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

สังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงจากสภาวะเดิมที่เป็นอยู่  (disruption) จากดิจิทัลเทคโนโลยีเกิดขึ้นในวงการต่าง ๆ ได้แก่ วงการสื่อ วงการแพทย์ และวงการอาหาร โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสร้างภาวะเครียดให้แก่คนในสังคม ซึ่งส่งผลต่อการมีการใช้ความรุนแรง มีการใช้อำนาจหรือกลั่นแกล้งต่อบุคคลที่อ่อนแอหรือด้อยกว่า (bully) ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ในกลุ่มบุคคลที่อ่อนแอ รวมทั้งในมารดาที่ให้นมลูก มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงต่อมารดาที่ให้นมลูกพบว่า  มารดาในกลุ่มที่ทำการศึกษาที่ได้รับการกระทำรุนแรงจากสามีทั้งหมดจำนวน 21 คน มีมารดาเพียงคนเดียวที่สามารถให้นมลูกอย่างเดียวได้จนถึง 6 เดือน1 ดังนั้น การจัดตั้งหรือวางแนวการดูแลมารดาที่ได้รับการถูกกระทำความรุนแรง และการพัฒนาเครือข่ายที่จะรองรับปัญหาในเรื่องนี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นหนทางอีกหนทางหนึ่งในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เอกสารอ้างอิง

1.        Baraldi NG, Lettiere-Viana A, Carlos DM, Salim NR, Pimentel DTR, Stefanello J. The meaning of the social support network for women in situations of violence and breastfeeding. Rev Lat Am Enfermagem 2020;28:e3316.

มารดาที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน หลังคลอดจะเริ่มให้นมลูกได้ช้ากว่า

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การที่มารดามีน้ำหนักเกินหรืออ้วนก่อนการตั้งครรภ์จะส่งผลในการเพิ่มภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ทั้งในระยะของการตั้งครรภ์ การคลอด รวมถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย โดยมีการศึกษาพบว่า การที่มารดามีน้ำหนักเกินหรืออ้วน ซึ่งจะพบดัชนีมวลกายของมารดายิ่งสูงจะยิ่งมีความสัมพันธ์กับการลดลงของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้น โดยพบว่า มารดาที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนจะมีโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อในระยะแรกหลังคลอดน้อยกว่ามารดาที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 49 มี ในระยะหลังคลอด จะมีการเริ่มต้นการให้ลูกกินนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดน้อยกว่ามารดาที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละร้อยละ 42 และมีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวก่อนออกจากโรงพยาบาลน้อยกว่ามารดาที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละร้อยละ 431 จึงควรถือว่ามารดาที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วนเป็นภาวะเสี่ยงอย่างหนึ่งในการที่จะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรที่บุคลากรทางการแพทย์ควรให้การดูแลและให้คำปรึกษามารดาและครอบครัวอย่างใกล้ชิด

เอกสารอ้างอิง

1.        Ballesta-Castillejos A, Gomez-Salgado J, Rodriguez-Almagro J, Ortiz-Esquinas I, Hernandez-Martinez A. Relationship between maternal body mass index with the onset of breastfeeding and its associated problems: an online survey. Int Breastfeed J 2020;15:55.

ระยะห่างในการนอนของแม่ลูกส่งผลต่อระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

ในระยะหลังคลอด จะมีการแนะนำให้มารดาอยู่กับทารกตลอด 24 ชั่วโมง โดยทารกควรนอนใกล้ชิดกับมารดาในระยะที่สังเกตได้ เพื่อที่มารดาจะได้ดูแล สังเกตอาการต่าง ๆ ของทารก รวมทั้งลักษณะของทารกที่จะบ่งบอกถึงอาการหิวและความต้องการในการกินนมแม่ ซึ่งหากมารดาอยู่กับทารกตลอด 24 ชั่วโมง มารดาจะสังเกตลักษณะการแสดงออกถึงความต้องการของทารกได้ ทำให้มารดาสามารถจะให้นมแม่ได้ตามความต้องการของทารก เข้าใจทารกและดูแลเรื่องการขับถ่ายของทารกได้อย่างเหมาะสม มีการศึกษาพบว่าการที่ทารกนอนใกล้กับมารดาโดยนอนร่วมเตียงเดียวกับมารดาพบว่าจะเพิ่มโอกาสที่มารดาจะมีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่นานขึ้น1 อย่างไรก็ตาม การนอนร่วมเตียงเดียวกับมารดาจำเป็นต้องมีการดูแลเรื่องความปลอดภัยของทารกจากการตกไปขอบหรือข้างเตียงหรือมีการเบียดทับจากมารดา ซึ่งความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นในมารดาวัยรุ่น มารดาที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือติดยาเสพติด ดังนั้น การแนะนำให้ทารกมีความใกล้ชิดกับมารดาควรมีการแนะนำอย่างเหมาะสมตามข้อมูลที่มีความแตกต่างกันของมารดาและทารกในแต่ละคู่

เอกสารอ้างอิง

1.        Bailey C, Tawia S, McGuire E. Breastfeeding Duration and Infant Sleep Location in a Cohort of Volunteer Breastfeeding Counselors. J Hum Lact 2020;36:354-64.

ภาวะเครียดของมารดาส่งผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

ในระยะหลังคลอด มารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงของทางร่างกายและระดับฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อจิตใจและภาวะเครียดที่ต้องการการปรับตัวรับการทำหน้าที่แม่ที่ต้องให้นมลูก และยังมีหน้าที่ภรรยาที่ต้องดูแลและจัดการงานในบ้าน ภาวะเครียดที่เกิดขึ้นนั้นจะมีผลลบต่อความเชื่อมั่นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และส่งผลเสียต่อความต่อเนื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาพบว่า หากมีการดูแลและจัดการลดภาวะเครียดของมารดาที่ให้นมลูก จะช่วยเรื่องความเชื่อมั่นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดา และช่วยให้มารดามีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องได้ดีขึ้น1 ดังนั้น นอกจากการที่บุคลากรทางการแพทย์จะดูแลปัญหาทางด้านร่างกายของมารดาในช่วงที่ให้นมลูกแล้ว ยังต้องใส่ใจในการดูแลใส่ใจปัญหาทางด้านจิตใจและสังคมที่ส่งผลต่อภาวะเครียดของมารดา ซึ่งก็คือควรให้การดูแลแบบองค์รวม (holistic approach) นั่นเอง

เอกสารอ้างอิง

1.        Azizi E, Maleki A, Mazloomzadeh S, Pirzeh R. Effect of Stress Management Counseling on Self-Efficacy and Continuity of Exclusive Breastfeeding. Breastfeed Med 2020;15:501-8.

ความสำคัญของการให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในช่วงก่อนและหลังคลอด

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การให้คำปรึกษาแก่มารดาและครอบครัวในช่วงก่อนคลอดในระยะฝากครรภ์โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์และความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้มารดาได้เลือก ตัดสินใจ และมีความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยหากมารดาไม่ได้รับการให้คำปรึกษาในช่วงก่อนคลอดจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลงถึงร้อยละ 90 สำหรับการให้คำปรึกษาในช่วงหลังคลอดก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยพบว่ามีผลดีต่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า1 จะเห็นว่า สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงว่า หากมารดามีความรู้ความเข้าใจและมีที่ปรึกษาที่จะคอยช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่พบระหว่างการให้ลูกกินนมแม่ มารดาก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตามที่ตั้งใจไว้มากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

1.        Awoke N, Tekalign T, Lemma T. Predictors of optimal breastfeeding practices in Worabe town, Silte zone, South Ethiopia. PLoS One 2020;15:e0232316.