รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? นอกจากประโยชน์ของนมแม่ในเรื่องภูมิคุ้มกันต่อต้านโรคแล้ว การที่มีประวัติการกินนมแม่ยิ่งนานยิ่งลดโอกาสการเกิดภาวะความผิดปกติของไขมันในเลือดสูง โดยมีการศึกษาพบว่าสตรีที่มีประวัติการกินนมแม่นานกว่า 2 ปีจะลดโอกาสที่จะเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงลงร้อยละ 251 ภาวะไขมันในเลือดสูงปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะพบเพิ่มขึ้น เนื่องจากอาหารการกินที่ส่วนใหญ่มีค่านิยมไปทางอาหารของชาติตะวันตกที่มีสัดส่วนของไขมันในอาหารสูง ร่วมกับวิถีชีวิตของคนในยุคนี้มีการออกกำลังกายน้อยลง ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้น ไม่ค่อยมีกิจกรรมที่มีการใช้พลังงานตามปริมาณอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน จึงเกิดไขมันสะสมและภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางหลอดเลือดและโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และรวมถึงโรคทางหลอดเลือดสมองด้วย ดังนั้น หากมีวิธีที่จะช่วยลดและป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูงด้วยวิธีที่ง่ายและควรปฏิบัติอยู่แล้ว การใส่ใจและให้ทารกได้กินนมแม่ยิ่งนานจะยิ่งป้องกันการเกิดไขมันในเลือดสูงที่เป็นอันตรายต่อชีวิตในอนาคตได้
เอกสารอ้างอิง
Cho S, Han E. Association of breastfeeding duration with dyslipidemia in women aged over 20 years: Korea National Health and Nutrition Examination Survey 2010-2014. J Clin Lipidol 2018.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? แม้ว่ากระแสการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะดีขึ้นในปัจจุบัน แต่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนหลังคลอดก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่กำหนดอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หกเดือนมีเป้าหมายอยู่ที่ร้อยละ 50 การรณรงค์ให้ความรู้มารดาถึงประโยชน์และความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนยังเป็นสิ่งที่จำเป็น และยังต้องการการสร้างให้เกิดปัญญาแก่คนในสังคมคือมีความรู้ที่จะเลือกตัดสินใจสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยขน์ได้อย่างถูกต้องบนรากฐานของการมีข้อมูลในการตัดสินใจที่เพียงพอ การมีนโยบายให้โรงพยาบาลที่ดูแลการคลอดบุตรเป็นโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูกและมีการปฏิบัติตามบันไดสิบขั้นของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็เป็นสิ่งที่ต้องมีการวางแผนและดำเนินการไปให้มีความเป็นมาตรฐานและสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกก็ยังต้องการการสนับสนุนและการกำหนดนโยบาย การดำเนินงาน และการติดตามการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ การสนับสนุนให้มีการเยี่ยมบ้านหลังคลอด ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในมารดาที่หลังจากกลับไปบ้านแล้วมีอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจากสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมที่อาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการที่จะให้ลูกได้กินนมแม่อย่างเดียวในหกเดือนแรก 1 เนื่องจากการที่บุคลากรทางการแพทย์ได้ไปเยี่ยมบ้าน จะเห็นสภาพแวดล้อมของมารดาที่อยู่จริง ทำให้สามารถให้คำปรึกษาให้มารดาและครอบครัวเลือกวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมและปฏิบัติได้ การเยี่ยมบ้านนี้จะเสมือนเป็นสิ่งที่เติมเต็มที่จะช่วยลดปัญหาหรืออุปสรรคและเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่หกเดือนได้
เอกสารอ้างอิง
Carvalho M, Carvalho MF, Santos CRD, Santos PTF. First Postpartum Home Visit: A Protective Strategy for Exclusive Breastfeeding. Rev Paul Pediatr 2018;36:8.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? ปัจจุบันอัตราการผ่าตัดคลอดได้พบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีปัจจัยมาจากทั้งตัวผู้ป่วยและแพทย์ผู้ให้บริการ โดยทั่วไปอัตราการผ่าตัดคลอดตามความจำเป็นจะอยู่ในราวร้อยละ 15 ในขณะที่ในโรงพยาบาลของภาครัฐ อัตราการผ่าตัดคลอดอยู่ในราวร้อยละ 40-50 และอัตราการผ่าตัดคลอดในโรงพยาบาลเอกชนอยู่ในราวร้อยละ 80-90 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นจากค่านิยมของมารดาที่กลัวการเจ็บครรภ์คลอดและการต้องเบ่งคลอด ค่านิยมในการเลือกเวลาคลอดหรือต้องการให้ลูกเกิดในฤกษ์ที่ดี และความเชื่อที่คิดว่าการผ่าตัดคลอดทำให้ลูกมีความปลอดภัยมากกว่าการคลอดบุตรทางช่องคลอด สำหรับปัจจัยทางด้านแพทย์ ได้แก่ การผ่าตัดคลอดสามารถกำหนดเวลาทำคลอดได้แน่นอน ไม่ต้องรอคอยการเจ็บครรภ์คลอดตามปกติ การผ่าตัดคลอดตามความต้องการของมารดาและครอบครัวลดข้อขัดแย้งที่มารดาและครอบครัวอาจมาบ่นในภายหลังว่า? เจ็บครรภ์คลอดแล้วยังคลอดไม่ได้ ต้องเจ็บแผลผ่าตัดคลอดอีก และความวิตกกังวลหรือกลัวการฟ้องร้องจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างการรอคลอด เนื่องจากความเชื่อของมารดาและครอบครัวยังคงมีความเชื่อว่าการผ่าตัดคลอดยังเป็นการดูแลการคลอดที่ดีกว่า ปัจจัยและความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้นำมาซึ่งอัตราการผ่าตัดคลอดที่สูง โดยมีผลถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย 1 เนื่องจากหากมารดาต้องดมยาสลบ กว่าจะฟื้นตัว ให้ลูกได้เริ่มกินนม ก็เกินกว่าระยะเวลาที่แนะนำให้ลูกได้เริ่มกินนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดแล้ว นอกจากนี้ การเจ็บแผลผ่าตัดคลอดยังมีผลต่อการจัดท่าให้นมลูก ทำให้มีข้อจำกัดและมีความลำบากในการจัดท่าที่เหมาะสม การใช้ยาแก้ปวดของมารดาอาจส่งผลทำให้ทารกง่วงซึมและไม่สนใจจะดูดได้ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วจึงเกิดผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสมของมารดาและครอบครัวรวมทั้งคนในสังคมจะสร้างปัญญาหรือทางแก้ที่เป็นทางออกของปัญหาได้โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะช่วยสร้างปัญญาให้เกิดกับคนในสังคม
เอกสารอ้างอิง
Azzeh FS, Alazzeh AY, Hijazi HH, et al. Factors Associated with Not Breastfeeding and Delaying the Early Initiation of Breastfeeding in Mecca Region, Saudi Arabia. Children (Basel) 2018;5.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? เป็นที่ทราบกันแล้วว่า นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารก ซึ่งจะมีผลในการป้องกันการติดเชื้อ โดยการติดเชื้อในวัยเด็กที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภาวะหูชั้นกลางอักเสบที่มักเกิดจากอาการหวัดที่อาจมีการลุกลามของเชื้อไปสู่การอักเสบที่หู ภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบที่เกิดจากการที่ทารกในวัยเด็กการดูแลเรื่องความสะอาดในการล้างมือจะมีน้อยและทารกส่วนหนึ่งยังติดกับการเอานิ้วมือเข้าปากหรือดูดนิ้ว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีรายงานจากการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันและลดการเกิดภาวะหูชั้นกลางอักเสบ และภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบในทารกที่กินนมแม่ โดยในรายละเอียดพบว่า ทารกที่กินนมแม่นานกว่า 12 เดือนเมื่อติดตามทารกจนถึงวัยเด็กที่มีอายุ 5 ขวบพบว่ามีทั้งภาวะหูชั้นกลางอักเสบและภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบต่ำกว่าทารกที่ไม่ได้กินนมแม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 1 ดังนั้น สิ่งนี้จะช่วยอธิบายการลดการเสียชีวิตของทารกที่เกิดจากการติดเชื้อของทารกที่กินนมแม่ และเมื่อลดการติดเชื้อที่ทำให้ทารกหรือเด็กเจ็บป่วย โอกาสที่ทารกหรือเด็กจะเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีกว่าจึงพบสูงขึ้น นอกจากนี้ การป้องกันการติดเชื้อที่พบบ่อยยังมีส่วนช่วยในการลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่ทำให้ทารกต้องนอนรักษาอาการเจ็บป่วยที่โรงพยาบาลด้วย
เอกสารอ้างอิง
Ardic C, Yavuz E. Effect of breastfeeding on common pediatric infections: a 5-year prospective cohort study. Arch Argent Pediatr 2018;116:126-32.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? การให้ลูกได้กินนมแม่ช่วยลดการเกิดมะเร็งมดลูกได้ โดยที่มะเร็งมดลูก หากเขียนสั้น ๆ โดยทั่วไปจะหมายถึง มะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ก่อกำเนิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุภายในโพรงมดลูก ความเสี่ยงของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก คือการที่มีการเริ่มมีประจำเดือนเร็วและมีระยะของการหมดประจำเดือนช้า ดังนั้นจึงมีความคิดถึงความเชื่อมโยงของการป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกว่า การป้องกันนั้นมีผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างการกินนมแม่กับการเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกของทารกเพศหญิงเมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้นหรือไม่ มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์นี้ แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการกินนมแม่กับการเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกของทารกเพศหญิง 1 กลไกหรือกระบวนการที่ยังคงใช้อธิบายการป้องกันหรือลดการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็น่าจะเป็นไปจากการที่มีการตั้งครรภ์ ร่างกายมารดาจะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่จะออกฤทธิ์ต่อต้านการเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก และยังมีการเว้นระยะของการเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกในช่วงตั้งครรภ์และในช่วงที่ให้นมแม่ที่มารดาจะไม่มีประจำเดือน ซึ่งกลไกการป้องกันการเกิดมะเร็งรังไข่นั้น ก็ยังอธิบายโดยการลดการเกิดการตกไข่ในช่วงระยะที่มารดาตั้งครรภ์และให้นมบุตรเช่นกัน
เอกสารอ้างอิง
Al-Mathkoori R, Albatineh A, Al-Shatti M, Al-Taiar A. Is age of menarche among school girls related to breastfeeding during infancy? Am J Hum Biol 2018:e23122.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)