คลังเก็บหมวดหมู่: ความรู้สำหรับนักศึกษา

ความรู้สำหรับนักศึกษา

จริงหรือไม่จริงที่ว่า การใช้จุกนมหลอกหรือการดูดนมจากขวดนมเกิดผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                เป็นที่เข้าใจกันเป็นส่วนใหญ่ว่า การใช้จุกนมหลอก (pacifier) และการให้ทารกดูดนมจากขวดนม (bottle nipple) เกิดผลเสียต่อการให้ทารกกินนมแม่ เนื่องจากความวิตกกังวลว่าทารกอาจมีอาการสับสนระหว่างกลไกการดูดนมแม่จากเต้าและกลไกการดูดนมจากขวดนม ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยการเริ่มให้ทารกดูดนมจากขวดนมก่อน ทารกจะคุ้นเคยกับความง่ายในการดูดนมจากขวดนม และต้องใช้เวลาปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดูดนมเพื่อปรับมาดูดนมจากเต้านมของมารดาในกรณีใช้จุกนมหลอก ทารกจะดูดจุกนมหลอกที่ไม่มีการได้น้ำนมจากการดูด ทารกที่คุ้นเคยกับการดูดเต้านมหลอก อาจไม่ยอมดูดหรือดูดนมน้อยลงเมื่อดูดนมจากเต้า โดยหากร่วมกับการให้ดูดนมจากขวดนมก่อนร่วมด้วยแล้ว ทารกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับดูดนมแม่มากขึ้น ซึ่งผลที่พบและคำอธิบายเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดในการศึกษาในกลุ่มทารกที่คลอดปกติปราศจากภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากกลไกการดูดนมแม่จากเต้านั้นมีความซับซ้อน ทารกต้องมีความสมบูรณ์ของกลไกระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่รองรับ ได้แก่ ความร่วมมือในการทำงานร่วมกันของเส้นประสาทสมอง 5 เส้น ส่วนประสาทจากส่วนไขสันหลังในหลายส่วน และกล้ามเนื้อ 30 คู่ที่ดูแลเกี่ยวกับทำงานในช่องปาก คอหอย กล่องเสียง และการหายใจ1 ดังนั้น ข้อสรุปที่ดูว่าจะเกิดผลเสียอาจไม่สามารถเหมารวมในทารกทุกกลุ่ม เช่น การใช้จุกนมหลอกอาจใช้เพื่อฝึกทารกให้ระบบการทำงานของทารกในการดูดนมยังไม่มีความพร้อม โดยให้ทารกดูดจุกนมหลอกที่ยังไม่ได้เริ่มให้สารอาหาร (nonnutritive sucking) ก่อนการดูดนมจากเต้าจริง1 เป็นต้น การศึกษาถึงประโยชน์ของจุกนมหลอกหรือการดูดนมจากขวดนมในเฉพาะกลุ่มทารกที่ยังขาดความพร้อมหรือมีความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในด้านต่าง ๆ จึงยังมีความต้องการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป

เอกสารอ้างอิง

  1. Zimmerman E. Pacifier and bottle nipples: the targets for poor breastfeeding outcomes. J Pediatr (Rio J) 2018;94:571-3.

 

 

 

 

ความต่อเนื่องของการดูแลจำเป็นในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               แม้จะทราบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งทางด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตของมารดาและทารก ภาวะทางสังคม ความเชื่อ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ และชาติพันธุ์ แต่การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ควรมีความเข้าใจว่า การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จำเป็นต้องมีการดูแลแบบองค์รวม ซึ่งจะมีมุมมองของทั้งทางด้านสุขภาพกาย จิตใจ ภาวะทางสังคม และจิตวิญญาณ การดูแลแบบองค์รวมนี้จะช่วยในการให้คำปรึกษาที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของมารดาและครอบครัว นอกจากนี้ สิ่งที่จะสนับสนุนให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน คือความต่อเนื่องของการให้การดูแลสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนเกิดเป็นวัฒนธรรมของการดูแลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 ซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งโชคชะตาเพื่อเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากเหตุบังเอิญ

เอกสารอ้างอิง

  1. McKellar L, Fleet J, Dove S. It’s more than just luck: A qualitative exploration of breastfeeding in rural Australia. Women Birth 2018;31:177-83.

กลไกของนมแม่ในการช่วยพัฒนาการทางด้านการมองเห็นของทารก

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                 จากการวิจัยที่ผ่านมา พบว่านมแม่อาจช่วยลดความเสี่ยงของสายตาสั้นในทารก อย่างไรก็ตาม คำอธิบายกลไกต่าง ๆ ที่มีผลการการพัฒนาการของตาในทารกที่กินนมแม่ยังไม่คำตอบ จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการศึกษาเกี่ยวกับการแสดงออกของยีนที่สัมพันธ์กับ carotenoid ทารกที่กินนมแม่มีโคเลสเตอรอลชนิด HDL และโคเลสเตอรอลรวม รวมทั้ง apolipoprotein สูงกว่าทารกที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารก1 ซึ่งการที่มีรพกับ lipoprotein สูงจะมีผลต่อการลำเลียง lutein เพิ่มขึ้นที่จอประสาทตาที่อาจจะเป็นการอธิบายกลไกหนึ่งของนมแม่ที่มีผลต่อการพัฒนาของตาของทารก โดยที่การศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจะช่วยสร้างชัดเจนในคำอธิบายยิ่งขึ้น

เอกสารอ้างอิง

  1. Jeon S, Neuringer M, Kuchan MJ, Erdman JW, Jr. Relationships of carotenoid-related gene expression and serum cholesterol and lipoprotein levels to retina and brain lutein deposition in infant rhesus macaques following 6 months of breastfeeding or formula feeding. Arch Biochem Biophys 2018;654:97-104.

การปรับเปลี่ยนอาหารของมารดาอาจช่วยลดอาการโคลิกของทารก

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                  อาการโคลิกของทารก คือ อาการที่ทารกมีอาการร้องกวนมาก มักจะพบในช่วงทารกอายุราว 3 เดือน แต่สาเหตุของโคลิกนั้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เนื่องจากมีข้อมูลว่าการรับประทานอาหารที่มี FODMAPs ต่ำจะช่วยลดอาการในผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน (irritable bowel syndrome) จึงมีผู้สนในนำมาใช้ในการลดอาการโคลิก ก่อนอื่น ๆ มาทำความรู้จักกับอาหารที่อยู่ในกลุ่ม FODMAPs โดยที่ FODMAPs คือกลุ่มอาหารที่มีองค์ประกอบเป็นคาร์โบไฮเดรต น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวและโมเลกุลคู่รวมหลายชนิด FODMAPs เป็นคำย่อมาจาก Fermentable Oligosaccharides, Disaccharides, Monosaccharides and Polyols โดยอาหารกลุ่มที่เป็น oligosaccharide คือกลุ่มที่มีน้ำตาล Fructans หรือ Galactans ได้แก่ ข้าวสาลี ขนมปัง หัวหอม กระเทียมและอาหารจำพวกถั่วชนิดต่าง ๆ  อาหารกลุ่มที่เป็น disaccharide คือกลุ่มอาหารที่มีน้ำตาลแลคโตส ได้แก่ โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์จากนม กลุ่มอาหารที่เป็น monosaccharides กลุ่มอาหารที่มีน้ำตาลฟรุกโตส ได้แก่ แตงโม ไซรัปจากข้าวโพด และกลุ่มอาหารที่เป็น polyols คือกลุ่มอาหารที่มีสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น Sorbitol, Xylitol และผลไม้ที่มีเมล็ดแข็งตรงกลาง เช่น พีช พลัม เนคทารีน อะโวคาโด เชอร์รี่ มีการศึกษาเปรียบเทียบการร้องกวนของทารกในมารดาที่กินอาหารกลุ่มที่มี FODMAPs ต่ำเทียบกับกลุ่มอาหารปกติ พบว่ามารดาในกลุ่มที่กินอาหารที่มี FODMAPs ต่ำจะพบการร้องกวนของทารกสั้นกว่า อย่างไรก็ตาม กลไกการอธิบายผลลัพธ์ของการศึกษายังไม่ชัดเจน อาจต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป1                            

เอกสารอ้างอิง

  1. Iacovou M, Craig SS, Yelland GW, Barrett JS, Gibson PR, Muir JG. Randomised clinical trial: reducing the intake of dietary FODMAPs of breastfeeding mothers is associated with a greater improvement of the symptoms of infantile colic than for a typical diet. Aliment Pharmacol Ther 2018;48:1061-73.

 

 

 

บิดาสามารถช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                คนในครอบครัวมีความสำคัญต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาโดยเฉพาะสามีหรือบิดาของทารก เนื่องจากสามีหรือบิดาของทารกจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และมีบทบาทในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดา ซึ่งจะทำให้มารดาสามารถคงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง มีการศึกษาถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แก่บิดาของทารกจะมีส่วนช่วยการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว และการคงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องของมารดาได้1 โดยการศึกษานี้ศึกษาในกลุ่มที่มีเศรษฐานะต่ำถึง นอกจากนี้ สมาชิกในครอบครัวอื่น ๆ ที่อยู่ในบ้านเดียวกันที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของมารดาในสังคมไทย ได้แก่ ปู่ย่าตายาย ยังมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย บุคลากรทางการแพทย์ควรสอบถามถึงบิดาและสมาชิกในครอบครัวที่มีบทบาทในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อที่จะวางแผนการให้ความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสมแก่คนเหล่านี้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้แก่มารดาขณะที่อยู่ที่บ้าน

เอกสารอ้างอิง

  1. Tadesse K, Zelenko O, Mulugeta A, Gallegos D. Effectiveness of breastfeeding interventions delivered to fathers in low- and middle-income countries: A systematic review. Matern Child Nutr 2018:e12612.