1. อายุเท่าไรนะ ที่เหมาะสมจะมีบุตร ?
? ? ? ? ? อายุที่เหมาะสมของสตรีคือ 20-30 ปี ปัจจุบันผู้หญิงจะแต่งงานช้าลงและมีบุตรเมื่ออายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นการมีบุตรจะเกิดขึ้นยาก การแท้งจะพบสูงขึ้น และในผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปจะเสี่ยงต่อการมีบุตรที่เป็นกลุ่มอาการดาวน์ (Down?s syndrome) ซึ่งเป็นลักษณะของเด็กปัญญาอ่อนประเภทหนึ่งเกิดจากความผิดปกติของจำนวนโครโมโซมซึ่งเป็นสารพันธุกรรม ความผิดปกติแต่กำเนิดชนิดนี้พบสูงขึ้นตามอายุมารดาที่เพิ่มขึ้น การตรวจน้ำคร่ำเป็นทางเลือกวิธีหนึ่งในการตรวจสอบความผิดปกติชนิดนี้ก่อนคลอดได้ สำหรับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 18 ปี มักมีปัญหาเรื่องการให้กำเนิดทารกน้ำหนักตัวน้อยและทารกคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากปัญหาเรื่องการไม่เตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ความไม่ต้องการมีบุตร ปัญหาเรื่องยาเสพติด และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
2. รับประทานอาหารดี มีประโยชน์และเหมาะสมไหม ?
? ? ? ? ??คุณควรมีโอกาสที่จะมีการตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์และมีบุตรที่แข็งแรงได้ หากเลือกรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ และกินผักผลไม้เป็นนิสัย พยายามรับประทานอาหารให้มีความหลากหลายและในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับในคนไทย การเพิ่มโปรตีนโดยเฉพาะจากเนื้อปลาที่ย่อยง่ายและการเพิ่มอาหารจำพวกนมเพราะค่าเฉลี่ยของการรับประทานนมในคนไทยยังน้อยยังมีความจำเป็น ส่วนผักผลไม้ในประเทศไทยมีค่อนข้างหลากหลายอยู่แล้ว งดอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ สำหรับผู้ที่รักษาสิวหรือลดความอ้วนควรงดยาที่ใช้ เพื่อหลักเลี่ยงอันตรายเมื่อเกิดการตั้งครรภ์
3. ออกกำลังเพียงพอหรือไม่ ?
? ? ? ? ??คุณควรพยายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง เพื่อให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ควรเลือกออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำหรือวิ่งเหยาะๆ อาจพิจารณาออกกำลังกายโดยเลือกเล่นชนิดกีฬาที่ชอบก็ได้ โดยในการออกกำลังกายควรเลือกกีฬากลางแจ้งที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้แรงมากแต่มีกิจกรรมต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาทีและสัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่าสามครั้ง เมื่อมีสุขภาพแข็งแรง เซลล์สืบพันธุ์ก็จะมีความสมบูรณ์ไปด้วย
4. มีโรคประจำตัวไหม ?
? ? ? ? ??ถ้าคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์เสมอ เพราะการตั้งครรภ์ขณะที่โรคยังมีความรุนแรงอาจเป็นอันตรายแก่ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ นอกจากนี้ ยาที่ใช้ในการรักษาอาจส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นการวางแผนในช่วงที่โรคไม่กำเริบและควบคุมอาการได้ดี ผลของการตั้งครรภ์ก็จะดีตามไปด้วย
5. ในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย มีโรคทางพันธุกรรมหรือไม่ ?
? ? ? ? ??จะรู้ได้อย่างไรว่ามีโรคทางพันธุกรรม อาจจะสังเกตได้จากคุณ สามี พ่อแม่ หรือญาติใกล้ชิดมีความผิดปกติหรือความพิการแต่กำเนิดอะไรบ้าง โดยโรคบางอย่างสามารถจะมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย (โรคโลหิตจางชนิดหนึ่ง พบมากในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของไทย) โรคผนังหรือลิ้นหัวใจรั่ว โรคปากแหว่งเพดานโหว่ โรคฮีโมฟีเลีย (โรคที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด) เป็นต้น ถ้าคุณ สามี พ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดเป็นโรคทางพันธุกรรม โรคดังกล่าวอาจถ่ายทอดมาสู่ลูกของคุณได้ จึงควรขอคำปรึกษาจากสูติแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์เพื่อรับทราบความเสี่ยง วางแผนการป้องกันและการตรวจสอบความพิการก่อนการคลอดได้อย่างเหมาะสม
6. ได้รับการฉีดวัคซีนหัดเยอรมันมาก่อนไหม ?
? ? ? ? ??หัดเยอรมัน อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ โดยเฉพาะหากเป็นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ดังนั้น ควรเข้ารับการตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันก่อนการตั้งครรภ์เสมอ แพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนถ้าพบว่ายังไม่มีภูมิคุ้มกัน และหลังจากฉีดวัคซีนควรคุมกำเนิดอีกอย่างน้อย 3 เดือน สำหรับผู้ที่จำไม่ได้ว่าเคยเป็นหัดเยอรมันหรือได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง สามารถเจาะเลือดตรวจหาภูมิคุ้มกันได้ โดยหากมีภูมิคุ้มกันแล้วจะมีอยู่ตลอดชีวิต
7. เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ ?
? ? ? ? ??โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์ โรคบางชนิดแสดงอาการชัดเจน เช่น หนองใน แต่บางชนิดอาจไม่แสดงอาการ เช่น ซิฟิลิส (syphilis) พาหะไวรัสตับอักเสบบี การติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือโรคเอดส์ ดังนั้น การตรวจเลือดก่อนการวางแผนการตั้งครรภ์จะทำให้สามารถรักษาและวางแผนการตั้งครรภ์ได้เหมาะสม
8. ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ไหม ?
? ? ? ? ??ถ้าอยากให้ลูกมีความสมบูรณ์แข็งแรง ต้องหยุดเหล้าและบุหรี่ก่อนการตั้งครรภ์ เพราะทั้งสองอย่างนี้มีผลต่อการเจริญเติบโต และความพิการของการทารกในครรภ์ได้ สำหรับยาเสพติดอื่นๆ ก็ไม่ควรใช้ในระหว่างการเตรียมตัวตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน
9. คุณและครอบครัวมีความพร้อมทางด้านจิตใจและเศรษฐานะที่จะเป็นคุณแม่หรือไม่ ?
? ? ? ? ??เมื่อทุกอย่างพร้อม ต้องกลับมามองความพร้อมของครอบครัวในด้านจิตใจว่า คุณและสามีพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่หรือไม่ มีเวลาที่จะให้กับการให้ความอบอุ่นและการเลี้ยงดูบุตรหรือไม่ สำหรับครอบครัวคนไทยปู่ย่าตายายก็มีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดูเด็ก พี่เลี้ยงอาจจะจำเป็นในยุคนี้ที่ผู้หญิงทำงานแต่หายากและมีค่าจ้างสูง จึงจะต้องมองสภาพแวดล้อมของครอบครัว ฐานะการเงินเพื่อจะได้วางแผนสร้างครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์และมีความสุข
บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์