รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ในมารดาที่รับประทานมังสวิรัติ มักจะมีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี เนื่องจากวิตามินบีมีในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์สูง มีในผักผลไม้ต่ำ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการรับประทานอาหารที่เป็นโปรตีนไม่เพียงพอ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก แคลเซียม และสังกะสี ซึ่งชนิดของการรับประทานอาหารมังสวิรัติในแต่ละแบบ จะมีความเสี่ยงในการขาดสารอาหารที่แตกต่างกัน
มารดางดรับประทานเนื้อแดง (semivegetarian) จะมีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุต่างๆ
มารดาที่งดรับประทานเนื้อ สัตว์ปีก และอาหารทะเล (ovolactovegetarian) จะมีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะสังกะสี
มารดาที่งดรับประทานเนื้อ สัตว์ปีก อาหารทะเล และไข่ (lactovegetarian) จะมีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะสังกะสี และมีความเสี่ยงในการขาดโปรตีน
มารดาที่งดรับประทานเนื้อ สัตว์ปีก อาหารทะเล และนม (ovovegetarien) จะมีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะสังกะสี แคลเซียม เหล็ก มีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบีสอง วิตามินบีสิบสอง วิตามินดี และมีความเสี่ยงในการขาดโปรตีน
มารดาที่งดรับประทานเนื้อ สัตว์ปีก อาหารทะเล นม และไข่ (vegan) มารดาจะรับประทานอาหารเฉพาะผัก จะมีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะสังกะสี แคลเซียม เหล็ก มีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบีสอง วิตามินบีสิบสอง วิตามินดี และมีความเสี่ยงในการขาดโปรตีน
มารดาที่รับประทานเฉพาะธัญพืช (macrobiotic) มารดาจะมีความเสี่ยงในการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทั้งในส่วนของทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีน
??????????? จะเห็นว่า ความเสี่ยงในมารดาที่รับประทานอาหารในแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน ในผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี จำเป็นต้องเสริมวิตามินบีให้กับมารดาโดยเฉพาะวิตามินบีสิบสอง ในผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดโปรตีน จำเป็นต้องรับประทานโปรตีนที่สกัดหรือสังเคราะห์จากพืช เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอ ในผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดแร่ธาตุ จำเป็นต้องเสริมแร่ธาตุโดยเฉพาะธาตุเหล็ก สังกะสี และแคลเซียม อย่างไรก็ตาม หากมารดาไม่สามารถรับประทานอาหาร วิตามินหรือแร่ธาตุเสริมได้อย่างเพียงพอ อาจมีความจำเป็นต้องเสริมสารอาหารในส่วนที่ขาดให้กับทารกโดยตรงเพิ่มเติมด้วย1
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ในสตรีที่ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่สองและไตรมาสที่สามจะมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 300 กิโลแคลอรีต่อวัน ในขณะที่สตรีที่ให้นมบุตรมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 500 กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งความต้องการพลังงานในระหว่างการให้นมบุตรจะสูงกว่าในระหว่างการตั้งครรภ์และในภาวะปกติ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากสตรีที่ให้นมบุตรมีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการผลิตน้ำนมที่จะเป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทารก ดังนั้น ในการรับประทานอาหารของสตรีที่ให้นมบุตรจำเป็นต้องมีการรับประทานอาหารที่เพิ่มขึ้นทั้งในปริมาณและต้องมีความหลากหลายของสารอาหารให้ครอบคลุมตามความต้องการในระหว่างการให้นมบุตร ในกรณีที่มารดารับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอหรือมีภาวะทุพโภชนาการ จะต้องผลต่อคุณค่าของน้ำนมได้ โดยมีการศึกษาพบว่า ภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในนมแม่จะลดระดับลงในมารดาที่มีภาวะทุพโภชนาการ 1 ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะทุพโภชนาการในมารดา มารดาควรศึกษาถึงความต้องการสารอาหารหรือพลังงานในแต่ละวันของตนเอง เอาใจใส่ และเลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมทั้งปริมาณและชนิดของสารอาหาร เพื่อให้นมแม่มีความสมบูรณ์พร้อมสำหรับทารกที่เป็นที่รักที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Miranda R, Saravia NG, Ackerman R, Murphy N, Berman S, McMurray DN. Effect of maternal nutritional status on immunological substances in human colostrum and milk. Am J Clin Nutr 1983;37:632-40.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ในขณะที่สตรีให้นมบุตร อาหารที่เป็นแหล่งสำคัญในการบำรุงน้ำนม นอกจากนี้ ภาวะโภชนาการของมารดาที่มีมาก่อนหน้าในระยะที่ให้นมบุตรก็มีความสำคัญด้วย เนื่องจากสารอาหารบางตัวในน้ำนมมารดา ปริมาณของสารอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณสารอาหารที่มารดาได้รับในแต่ละวันแต่ได้รับจากสารอาหารที่สะสมในร่างกายของมารดา ดังนั้น จึงมีข้อแนะนำโดยทั่วไปสำหรับอาหารในสตรีที่ให้นมบุตรดังนี้1
ควรรับประทานอาหารให้ครบตามความต้องการพลังงานของร่างกาย คือ คำนวณจากค่าพลังงานที่ร่างกายต้องการบวกเพิ่มอีก 500 กิโลแคลอรีในช่วงระหว่างการให้นมบุตร
ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม
ควรรับประทานนมอย่างน้อยวันละ 2 แก้วในช่วงเช้าและเย็นหลังมื้ออาหาร
ควรจัดอาหารว่างในระหว่างมื้อในช่วงสายและในช่วงบ่าย โดยจัดเป็นอาหารที่ย่อยง่ายหรือผลไม้
ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ แครอท มะละกอ และฟักทอง
ไม่ควรจำกัดอาหารหรือกินยาลดน้ำหนักในระหว่างการให้นมบุตร
หากมารดากระหายน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากระหว่างการให้นมบุตรมารดาต้องการการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา หรือกาแฟ เนื่องจากคาเฟอีนจะผ่านน้ำนมไปที่ทารก ทำให้ทารกหงุดหงิด กระสับกระส่าย ไม่ยอมนอน (หากเลี่ยงไม่ได้ ไม่ควรดื่มเกินวันละสองถ้วย เพราะอาจมีอันตรายต่อทารกได้)
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ? ความต้องการของหญิงไทยที่ให้นมบุตรต้องการโครเมียม (chromium) วันละ 45 ไมโครกรัม ความต้องการของโครเมียมจะเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ 20 ไมโครกรัม โครเมียมพบในอาหารจำพวกยีสต์ และเมล็ดธัญพืช โครเมียมจะช่วยในระบบการเผาพลาญน้ำตาลโดยทำงานร่วมกับอินซูลิน และช่วยควบคุมระดับไขมันในร่างกายด้วย ซึ่งการขาดโครเมียมจะส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด ปริมาณของโครเมียมในน้ำนมไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของโครเมียมในอาหารของมารดา1 ดังนั้น การดูแลในเรื่องอาหารของมารดาให้มารดาไม่มีภาวะขาดโครเมียมในเบื้องต้นก่อน จะทำให้ปริมาณโครเมียมในน้ำนมมีพอเพียงสำหรับความต้องการของทารก
เอกสารอ้างอิง
Abe SK, Balogun OO, Ota E, Takahashi K, Mori R. Supplementation with multiple micronutrients for breastfeeding women for improving outcomes for the mother and baby. Cochrane Database Syst Rev 2016;2:CD010647.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?ความต้องการซีลีเนียม (selenium) ในหญิงไทยที่ให้นมบุตรต้องการวันละ 70 ไมโครกรัม ความต้องการซีลีเนียมเพิ่มจากภาวะปกติ 15 ไมโครกรัมต่อวัน ซีลีเนียมพบในอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ปลาทูน่า และธัญพืช ซีลีเนียมจะช่วยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หากขาดอาจก่อให้เกิดโรคคีชาน (Keshan disease) ที่มีอาการอ่อนเพลีย ไม่แข็งแรง และการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ผิดปกติ และโรคคาชีน-เบค (Kashin-Beck disease) ที่ทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกและข้อ โดยมีอาการปวดข้อเรื้อรัง ข้อแข็ง งอลำบาก ปริมาณซีลีเนียมในน้ำนมสัมพันธ์กับปริมาณซีลีเนียมในอาหารของมารดา 1 ดังนั้น จึงควรใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีซีลีเนียมให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายระหว่างการให้นมบุตร
เอกสารอ้างอิง
Abe SK, Balogun OO, Ota E, Takahashi K, Mori R. Supplementation with multiple micronutrients for breastfeeding women for improving outcomes for the mother and baby. Cochrane Database Syst Rev 2016;2:CD010647.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)