รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ปกตินมแม่ในระยะที่เริ่มต้นที่เป็นหัวน้ำนมจะมีสีเหลือง ต่อจากนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นนมแม่ที่สมบูรณ์เต็มที่จะมีสีขาว โดยนมแม่ส่วนหน้าจะมีสีขาวออกอมฟ้าเล็กน้อย ขณะที่นมแม่ในส่วนหลังจะมีสีขาวครีมจากการที่มีส่วนประกอบของไขมันมากกว่า น้ำนมแม่อาจจะมีสีที่เปลี่ยนแปลงไปได้จากอาหารหรือยาที่มารดารับประทานเข้าไป มีรายงานว่า หากมารดารับประทานเครื่องดื่มประเภทโซดาหรือน้ำผลไม้ที่มีสีส้มจากสีที่ใช้ผสมอาหาร จะทำให้น้ำนมแม่มีสีชมพูหรือสีส้มได้ รวมทั้งทำให้สีของปัสสาวะทารกเปลี่ยนแปลงได้ การกินสาหร่ายที่สกัดเป็นเม็ดอาจทำให้น้ำนมแม่เปลี่ยนเป็นสีเขียวได้ และพบว่าการใช้ยาบางชนิดได้แก่ยา monocycline hydrochloride จะทำให้นมแม่เปลี่ยนเป็นสีดำได้ ดังนั้น มารดาจำเป็นต้องสังเกตว่า การรับประทานอาหารชนิดใดที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของน้ำนม เนื่องจากการที่สีของน้ำนมเปลี่ยนแปลงแสดงถึงมีการผ่านของสารจากอาหารของมารดามาสู่ทารก ซึ่งหากสารนั้นมีความเสี่ยงในการที่ทารกได้รับในปริมาณที่สูงและร่างกายทารกยากที่จะกำจัด มารดาควรหลีกเลี่ยง 1
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? สารปรุงแต่งอาหารที่พบบ่อย ได้แก่ ผงชูรส สีผสมอาหาร สารกันบูด สารแต่งกลิ่นหรือแต่งรสอาหาร และสารเพิ่มความหวานที่ใช้แทนน้ำตาล การใส่สารปรุงแต่งในอาหารนั้นจำเป็นต้องควบคุมปริมาณให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งสัดส่วนของสารปรุงแต่งอาหารมีการรายงานในสลากของอาหารตามการควบคุมขององค์การอาหารและยา แม้ว่าสารปรุงแต่งอาหารจะมีการกำหนดปริมาณที่เหมาะสมสำหรับใส่ในอาหาร แต่การควบคุมเพื่อให้มีการใช้ตามปริมาณที่กำหนดยังมีข้อจำกัด ดังนั้น หากมารดามีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารนอกบ้าน การรับประทานอาหารที่หลากหลาย เลือกอาหารที่สดใหม่ ลดการปรุงแต่งสารอาหารได้จะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารปรุงแต่งอาหารในปริมาณที่มากเกินไป สำหรับในสตรีที่ให้นมบุตรนั้น หากรับประทานสารปรุงแต่งอาหารเข้าไป สารนั้นสามารถจะผ่านน้ำนมไปสู่ทารกได้ เนื่องจากปริมาณสารปรุงแต่งอาหารมักจะจำกัดตามปริมาณของอาหารและน้ำหนักตัวของผู้รับประทาน แต่เนื่องจากทารกมีน้ำหนักตัวน้อย การกำจัดของเสียออกจากร่างกายยังมีข้อจำกัด การรับปริมาณสารปรุงแต่งอาหารในปริมาณที่เท่ากันกับผู้ใหญ่จึงอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ สารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลที่พบในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือเครื่องดื่มลดน้ำหนัก ได้แก่ แอสพาร์เทม (Aspartame) ยังมีผลที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ทารกแรกเกิดที่มีภาวะฟีนิลคีโทยูเรีย (phenylketouria) โดยทำให้ระดับฟีนิลอะละนิน (phenylalanine) ในกระแสเลือดสูง ซึ่งจะไปทำลายเซลล์สมองทำให้เกิดปัญญาอ่อนได้1
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ? ?โดยทั่วไป ในสตรีที่ให้นมบุตรสามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีความหลากหลายได้ทุกชนิด โดยชนิดของอาหารที่มารดารับประทาน จะส่งผลต่อรสชาติของน้ำนมได้ และทำให้ทารกคุ้นเคยกับรสชาติที่หลากหลายของสารอาหาร โดยจะทำให้ทารกสามารถเริ่มอาหารตามวัยได้หลากหลาย และในมารดาที่รับประทานผักจะส่งผลให้ทารกมีการรับประทานผักได้มากขึ้นกว่ามารดาที่ไม่รับประทานผัก อย่างไรก็ตาม1 มีข้อมูลรายงานถึงชนิดของอาหารบางอย่างที่อาจส่งผลต่อทารกในบางคน ซึ่งเป็นข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสังเกต ได้แก่
การที่มารดารับประทานกระเทียม อาจพบทารกมีอาการร้องกวนได้ในบางคน ซึ่งพบใน 24 ชั่วโมงหลังการรับประทาน
การที่มารดารับประทานกะหล่ำปลี บรอกโคลี ผักกาด แอปริคอต ลุกพรุน และถั่ว อาจทำให้ทารกบางคนมีอาการปวดท้องได้
การที่มารดารับประทานแตงโม และลูกพีช อาจทำให้ทารกบางคนมีอาการร้องกวนและท้องเสียได้
การที่มารดารับประทานพริกไทยแดง และกิมจิ (ผักดองใส่พริก) อาจทำให้ทารกบางคนมีผื่นแดงได้
??????????? จะเห็นว่า อาการที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นในทารกเพียงบางคนที่อาจมีความไวต่อการได้รับสารบางอย่างเท่านั้น ดังนั้น ข้อแนะนำจึงยังคงไม่มีอาหารใดที่มีประโยชน์ที่มารดาต้องหลีกเลี่ยง แต่ควรสังเกตอาการผิดปกติ ได้แก่ การร้องกวน อาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือการมีผื่นแดง ที่อาจเกิดหลังมารดารับประทานอาหารเฉพาะบางอย่าง ซึ่งอาการมักไม่มีอันตรายรุนแรง แต่อาจทำให้มารดาเกิดความวิตกกังวลได้
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ? หลังคลอด สตรีที่ให้นมบุตรจะมีน้ำหนักลดลงได้ดีกว่าสตรีที่ไม่ได้ให้นมบุตร โดยน้ำหนักจะลดลงราว 0.5-1 กิโลกรัมต่อเดือนในมารดาที่มีดัชนีมวลกายปกติ สำหรับมารดาที่มีน้ำหนักเกินน้ำหนักอาจลดลงได้ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งน้ำหนักของมารดาจะกลับเข้าสู่ปกติก่อนการตั้งครรภ์ในช่วง 6 เดือนหลังคลอด 1 อย่างไรก็ตาม ในมารดาบางคนต้องการลดน้ำหนักระหว่างการให้นมบุตร จึงเกิดคำถามว่าทำได้หรือไม่ ต้องตอบว่า โดยทั่วไปในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอด ทารกอาศัยนมแม่เป็นแหล่งอาหารหลัก ดังนั้น หากมารดาจำกัดอาหาร อาจมีความเสี่ยงในการขาดสารอาหารบางตัว ซึ่งอาจเกิดผลเสียแก่ทารกได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักในช่วงหกเดือนแรก อย่างไรก็ตาม หากมารดายังคงต้องการลดน้ำหนัก มีข้อแนะนำ คือ
ไม่ควรให้รับประทานอาหารที่ให้พลังงานน้อยกว่า 1800 กิโลแคลอรี
ไม่ควรให้น้ำหนักลดลงมากกว่า 2 กิโลกรัมต่อเดือน
ควรรับประทานอาหารให้สมส่วนและหลากหลาย โดยเฉพาะ อาหารที่มีแคลเซียม สังกะสี และอาหารที่มีวิตามินบีสูง
หากมีความเสี่ยงในการขาดสารอาหารจากการรับประทานอาหารไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องรับประทานสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุให้เพียงพอเสริม เพื่อป้องกันผลเสียต่อทารก
เอกสารอ้างอิง
ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่ในสตรีที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน และจะมาเริ่มออกกำลังกายมากในขณะให้นมบุตร อาจทำให้ร่างกายอ่อนล้ามาก ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย และอาจไม่มีเวลาที่จะใส่ใจในการให้นมบุตรเนื่องจากร่างกายต้องการการพักผ่อน แต่สำหรับสตรีที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว สามารถออกกำลังกายได้ โดยในสตรีที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะมีการผลิตกรดเเลคติก (lactic acid) ที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือด และจะมีปริมาณกรดเเลคติกเพิ่มขึ้นในน้ำนมด้วย ซึ่งปริมาณกรดเลคติกที่เพิ่มขึ้นนี้จะกลับเข้าสู่ระดับปกติหลังจากมารดาออกกำลังกายแล้วราว 30 นาที ปริมาณกรดเเลคติกที่เพิ่มขึ้นในน้ำนมนั้น ไม่ได้เป็นอันตรายแก่ทารก แต่อาจเปลี่ยนแปลงรสชาติของน้ำนมแม่ได้ โดยกรดเเลคติกจะมีรสขมและเปรี้ยว 1 ทำให้ทารกอาจปฏิเสธการกินนมแม่ในมารดาหลังจากออกกำลังกายใหม่ๆ ได้ มีข้อแนะนำสำหรับมารดาที่ออกกำลังกายในระหว่างการให้นมบุตร ดังนี้
หากมารดามีน้ำนมเต็มเต้า ควรให้ทารกกินนมก่อนการออกกำลังกาย หรืออาจบีบหรือปั๊มนมเก็บก่อนการออกกำลังกาย ทารกจะกินนมได้ปกติเนื่องจากรสชาตินมไม่เปลี่ยนแปลง
หลังการออกกำลังกาย หากทำได้เว้นระยะการให้นมบุตรราว 30 นาทีจะทำให้ระดับกรดแลคติกในน้ำนมลดลงสู่ระดับปกติ
หากจำเป็นต้องให้นมแม่หลังการออกกำลังกายทันที เช็ดเหงื่อออกจากเต้านมด้วยสำลีชุบน้ำสะอาด บีบน้ำนมในช่วงแรกออกประมาณ 5 มิลลิลิตรหรือ 1 ช้อนชา แล้วจึงให้ทารกกินนมแม่ หากทารกปฏิเสธและมีสีหน้าที่บ่งบอกถึงรสชาติของน้ำนมที่เปรี้ยวหรือขม อาจทิ้งระยะสักครู่โดยโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ แล้วจึงให้ทารกกลับมากินนมอีกครั้ง หรืออาจนำนมแม่ที่บีบเก็บไว้ก่อนการออกกำลังกายมาให้ทารกก่อนก็ได้
??????????? นอกจากนี้ แม้ในมารดาที่ออกกำลังกายโดยการวิ่งจ๊อกกิ้งขณะน้ำนมเต็มเต้าและไม่สวมชุดชั้นในพยุงทรงก็ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่าจะส่งผลทำให้เต้านมหย่อนยาน อย่างไรก็ตาม แนะนำมารดาควรใส่ชุดชั้นในพยุงทรงเพื่อรองรับน้ำหนักเต้านมที่เพิ่มขึ้น และไม่กดทับการระบายของท่อน้ำนม
เอกสารอ้างอิง
Wallace JP, Ernsthausen K, Inbar G. The influence of the fullness of milk in the breasts on the concentration of lactic acid in postexercise breast milk. Int J Sports Med 1992;13:395-8.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)