จากการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อสู่การโอบอุ้มทารก

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ (kangaroo mother care หรือ skin-to-skin contact) มีประโยชน์ต่อทั้งทารกที่คลอดครบกำหนดและทารกที่คลอดก่อนด้วย โดยรายละเอียดของประโยชน์ที่มี ได้แก่

  1. ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจทารกอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  2. ช่วยให้อัตราการหายใจของทารกคงที่
  3. ช่วยควบคุมอุณหภูมิกายของทารกให้เหมาะสม
  4. ช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวและการเจริญเติบโตของสมองทารก
  5. ช่วยลดจำนวนวันในการนอนโรงพยาบาล
  6. ช่วยให้ทารกหลับได้นานขึ้น
  7. ช่วยลดความเจ็บปวดและความเครียดของทารก
  8. ส่งเสริมให้ทารกดูดนมจากเต้าได้เร็วขึ้นและเพิ่มความรักความผูกพันระหว่างมารดาและทารก

? ? ? ? ? ? ซึ่งในการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ เน้นให้อุ้มทารกที่สวมเฉพาะผ้าอ้อม เพื่อให้ผิวกายของทารกได้สัมผัสกับมารดา โดยจัดแขนขาทารกให้อยู่ในท่าคล้ายกบอยู่บนอกของมารดา

? ? ? ? ? ?สำหรับการใช้ผ้าโอบอุ้มทารก (baby wearing) เป็นวิธีที่ใช้ส่วนของผ้ารองรับน้ำหนักตัวของทารกจากร่างกายผู้อุ้ม ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยหัดเดิน โดยรายละเอียดของประโยชน์ที่มี ได้แก่

  1. ทำให้ทารกสงบขึ้น ร้องไห้น้อยลง
  2. ทารกแรกคลอดหรือทารกที่มีความต้องการพิเศษ เมื่ออยู่ติดกับมารดา จังหวะหัวใจ การหายใจและการเคลื่อนไหวของมารดาจะกระตุ้นการตอบสนองทางร่างกายของทารก ทำให้มารดารู้สึกมั่นใจในการเลี้ยงดูทารก
  3. ลดการเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
  4. ทารกได้ใกล้ชิดผู้คน ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องภาษาได้เร็วขึ้น
  5. มารดารู้สึกสบายขึ้น เมื่อทารกอายุมากขึ้น มารดาสามารถทำงานไปพร้อมกับการโอบอุ้มทารก โดยไม่ต้องหยุดพักบ่อย ๆ

ชนิดของผ้าที่ใช้โอบอุ้มทารกมีหลายชนิด ได้แก่

  • Wraps จะเป็นผ้าที่ยาวมากนำมาพันห่อหุ้มตัวเด็ก โดยมีทั้งชนิดที่อุ้มทารกทางด้านหน้าและทางด้านหลัง เทคนิคการพันผ้ามีหลายรูปแบบ เช่น Woven และ stretchy wrap
  • Ring slings จะมีแหวนโลหะหรือไนลอนที่ยึดติดกับปลายผ้าที่จะใช้ปรับขนาดของผ้าที่รองรับทารกให้เข้ากับร่างกายของมารดา
  • Pouch slings ผ้าจะมีลักษณะคล้ายสายสะพาย สวมจากไหล่ข้างหนึ่งไปยังสะโพกพาดข้ามลำตัวมารดา ไม่สามารถปรับขนาดได้ แต่สามารถจะใช้อุ้มทารกทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังได้
  • Buckle carriers หรือที่เรียกว่า กระเป๋าเป้อุ้ม ผลิตจากวัสดุที่มีโครงสร้างแบบอ่อน ส่วนใหญ่มีสายรัดที่เบาะและไหล่เพื่อความสบายในการสวมใส่ สามารถปรับสายรัดให้พอดีกับผู้อุ้มได้ โดยมีให้เลือกทั้งขนาดที่รองรับทารกที่มีน้ำหนักน้อยและทารกที่มีน้ำหนักมากขึ้น
  • Asian-style baby carriers จะมีรูปแบบหลากหลายที่ใช้ในประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ Mei Tai จากประเทศจีน Podaegi จากเกาหลี และ Onbuhimo จากประเทศญี่ปุ่น

? ? ? ? ? ? ?แล้วทำไมต้องมีการพูดถึง จากการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อสู่การโอบอุ้มทารก เนื่องจากการที่จะสนับสนุนให้ทารกได้กินนมแม่ในระยะเวลาที่เหมาะสม การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อจะมีส่วนช่วยให้ทารกดูดนมแม่จากเต้าได้ดีขึ้น แต่เมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้น ในสังคมปัจจุบัน บทบาทของมารดามีด้วยกันหลายบทบาททั้งในส่วนที่เป็นแม่บ้าน แม่ที่ทำงาน รวมทั้งบทบาทแม่ที่ต้องให้นมลูก การเลือกใช้ผ้าโอบอุ้มทารกจะทำให้มารดาสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปพร้อมกับการดูแลทารกได้ ทำให้มีความมั่นใจในการที่จะเลี้ยงดูทารกและมีความมั่นใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ดีขึ้น

ที่มาจาก การบรรยายของ หทัยทิพย์ โสมดำ ณัฐวีณ์ บุนนาค และพีณภัทร์ รุจิเกียรติขจร ในงานการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 6 ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์

ความสัมพันธ์ของพังผืดใต้ลิ้นกับการดูดนมมารดา

มงคล เลาหเพ็ญแสง

นมแม่…แหล่งอาหารสำคัญของลูก

? ? ? ? ? ? ? ? ? เป็นที่ทราบกันดีว่า นมแม่เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูก โดยเฉพาะในเด็กวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน ทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์ และภูมิต้านทานโรค นอกจากนี้ยังสะดวกและประหยัด ที่สำคัญระหว่างให้นมลูกนั้นเป็นช่วงเวลาคุณภาพที่ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลศิริราชจึงรณรงค์การให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง ปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงลดน้อยลง ทว่าคลินิกนมแม่กลับพบปัญหาใหม่ นั่นคือคุณแม่จำนวนหนึ่งไม่สามารถให้นมลูกได้ เนื่องจากเด็กมีพังผืดใต้ลิ้น จากปัญหาดังกล่าว ทำให้แม่หลายคนตัดสินใจให้ลูกดูดนมจากขวดพลาสติกแทนการดูดจากเต้าตนเอง เพราะทนเจ็บไม่ไหว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเกิดความล้มเหลว จึงได้มีการวางแผนการรักษาด้วยการผ่าตัด และทำการวิจัยเปรียบเทียบวิธีการรักษาพังผืดใต้ลิ้นระหว่างการผ่าตัดโดยการดมยาสลบที่ทำมาแต่เดิม (frenuloplasty) และการผ่าตัดโดยการใช้ยาชาเฉพาะที่ (frenulotomy) ว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้เหมือนกันหรือไม่ เมื่อนำผลการรักษาทั้ง 2 วิธีมาเปรียบเทียบกันพบว่า การใช้ยาชาเฉพาะที่สะดวก รวดเร็ว ลดอัตราเสี่ยงจากการดมยาสลบ และที่สำคัญคือลดค่าใช้จ่าย ซึ่งค่ารักษาพยาบาลด้วยการดมยาสลบประมาณ 2,000 กว่าบาท แต่การใช้ยาชาเฉพาะที่ราคาจะประมาณ 200-300 บาท และเป็นการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที ต่อมาจึงมีการพัฒนา Care Team Tongue Tie เพื่อให้การดูแลมีการเชื่อมโยงและต่อเนื่อง และได้มีการพัฒนา SIRIRAJ TONGUE-TIE SCORE (STT Score)

กำเนิด SIRIRAJ TONGUE-TIE SCORE

??????????????? เนื่องจากการวิจัยทำในเด็กจำนวน 1,500 ราย ทั้งยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ที่ยังไม่มีใครมีความรู้เรื่องนี้เลย ก่อนลงมือทำจึงต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดี เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการผ่าตัดรักษา จากผลการศึกษานำมาสู่การพัฒนา SIRIRAJ TONGUE-TIE SCORE ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 SIRIRAJ TONGUE-TIE SCORE

???????????????? การพัฒนาเครื่องมือนนี้จะช่วยในการตัดสินใจในทำการผ่าตัดในเด็กที่มีปัญหาเรื่องการดูดนมไม่ได้เท่านั้น ถ้าในเด็กที่มีพังผืดเยอะ แต่ยังสามารถดูดนมแม่ได้เราก็จะไม่ผ่าตัด และเครื่องมือนี้จะสามารถช่วยเราวินิจฉัยได้ว่า คนไข้กลุ่มไหนที่ควรได้รับการผ่าตัด กลุ่มไหนไม่มีปัญหาเราก็ไม่ทำ

??????????????? ?เครื่องมือนี้คือเครื่องมือวัดปัญหาการดูดนมของเด็ก ความจริงอาจไม่ใช่ปัญหาเรื่องพังผืด หรือเรื่องลานหัวนมแม่ แต่อาจะเป็นปัญหาการอุ้มลูกไม่ถูกวิธี เพราะบางคนเป็นแม่ครั้งแรก ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก ซึ่งถ้าเราให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการจัดท่าให้นม มารดาก็จะสามารถผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างสบาย แถมไม่ต้องมีความเจ็บปวดจากการถูกลูกงับลานหัวนม ไม่ต้องมีปัญหาหัวนมแตก หรือเจ็บปวดด้วย แต่ถ้าขาดการช่วยเหลือ เด็กก็จะงับดูดนมแบบผิดวิธี หรือใช้เหงือกงับหัวนมแม่ และทำให้เด็กดูดนมได้ไม่ดี ทั้งที่ความจริงน่าจะดูดได้ดี?

??????????????? ความสำเร็จที่ได้รับจากการทำวิจัยในครั้งนี้ ?นอกจากจะช่วยยกระดับการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรฐานขึ้น ผู้ป่วยได้รับประโยชน์ทั้งแม่และเด็กแล้ว ยังนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของทีมงาน และทำให้บุคลากรชื่นใจ

??????????????? ปัจจุบันศิริราชมีคลินิกดูแลเฉพาะพังผืดใต้ลิ้นอย่างครบวงจร? ทำการผ่าตัดรักษาช่วยให้ทารกที่มีปัญหา กลับมาดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ? โดยปลอดภัยไปมากกว่า 30,000 ราย? และยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมบุคลากรทุกระดับออกไปรับใช้สังคมไทย? ช่วยเหลือส่งเสริมการเรื่องลูกด้วยนมมารดา อย่างต่อเนื่อง

ที่มาจาก การบรรยายและหนังสือประกอบการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 6 ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์

 

ความเป็นไปได้ในการจ่ายค่าตอบแทน DRG ในการให้บริการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

กฤช ลี่ทองอิน

? ? ? ? ? ? ? วิธีการจ่ายเงินแก่ผู้ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่สำคัญมี 3 วิธี คือ

1. จ่ายแบบเหมาจ่ายตามรายหัวประชากร (Capitation) สำหรับบริการผู้ป่วยนอก และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (บางส่วน)

2. จ่ายตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) เป็นการจ่ายตามรายป่วยสำหรับบริการผู้ป่วยใน

3. จ่ายตามผลการปฏิบัติงาน (Pay for performance) เช่น จ่ายตามรายกิจกรรม รายครั้ง รายบริการ รายชุดบริการ บริการถึงเป้าหมายที่กำหนด โดยจ่ายตามรายการในอัตราที่กำหนด (fee schedule) หรือจ่ายเป็นอุปกรณ์/ยา จ่ายในอัตราเหมาจ่ายตามชุดเหมาบริการ จ่ายเพิ่มพิเศษ (Bonus)

??????????????? บริการให้คำแนะนำการให้นมแม่/สาธิตการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นกิจกรรมย่อยของบริการดูแลหลังคลอดภายใต้สิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรองรับแล้ว ในทางปฏิบัติการให้คำแนะนำการให้นมแม่มีการดำเนินการตั้งแต่ระยะหลังคลอดขณะอยู่ที่โรงพยาบาลแบบผู้ป่วยใน ซึ่งอาจไม่เพียงพอในการสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยมีความจำเป็นต้องนัดต่อเนื่องแบบผู้ป่วยนอกเพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมพร้อมไปกับการตรวจหลังคลอดหรือตรวจติดตามเด็ก หรืออาจแนะนำขณะเยี่ยมบ้าน

? ? ? ? ? ? ? การจ่ายแบบเหมาจ่ายตามรายหัว ถึงแม้ระบุว่ารวมบริการให้คำแนะนำนมแม่โดยไม่จ่ายเป็นการเฉพาะ จะไม่จูงใจต่อการให้บริการ หากจ่ายรวมใน DRG สำหรับผู้ป่วยในซึ่งเป็นผู้ป่วยระยะเฉียบพลันนั้น โดยทางทฤษฎีสามารถคิดรวมใน DRG ได้ แต่ลักษณะกิจกรรมเป็นรูปแบบการให้คำปรึกษาอาจไม่ส่งผลต่อค่าน้ำหนักสัมพัทธ์มากนักเมื่อเทียบกับกิจกรรมบริการอื่นๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะได้เพิ่มไม่ชัดเจน ซึ่งไม่อาจสร้างแรงจูงใจในการบริการ การจ่ายตามผลการปฏิบัติงานโดยกำหนดชุดเหมาบริการให้คำแนะ นำการให้นมแม่พร้อมเงื่อนไขการบริการให้ชัดเจน และกำหนดอัตราเหมาจ่ายที่จูงใจพอควร น่าจะเป็นทาง เลือกในการสนับสนุนนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ปรากฏเป็นจริง? นอกจากนั้น ยังมีเรื่องคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่และหน่วยบริการ ที่จะให้บริการและเบิกจ่าย รวมทั้งการตรวจสอบ ที่จะต้องพิจารณาโดยการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและที่เกี่ยวข้อง

ที่มาจาก การบรรยายและหนังสือประกอบการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 6 ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวิอร์ไซด์

ข้อมูลงานวิจัยที่ช่วยฝ่าฟันอุปสรรคของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? มีงานวิจัยที่สนับสนุนการขับเคลื่อน การฝ่าฟันอุปสรรคของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่สนใจในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรศึกษา ได้แก่

  • การศึกษาทบทวนเรื่องการให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระหว่างการฝากครรภ์เพื่อช่วยเพิ่มระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยแม้ว่าที่ผ่านมา จะเชื่อว่าการให้ความรู้แก่มารดาและครอบครัวจะมีส่วนช่วยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ที่จะยืนยันว่า การให้ความรู้ในระหว่างการฝากครรภ์จะช่วยเพิ่มการเริ่มการกินนมแม่ เพิ่มสัดส่วนหรืออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หรืออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่ระยะสามเดือนหรือหกเดือน หรือเพิ่มระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การอ่านการทบทวนบทความนี้จะมีความเข้าใจถึงการจัดการให้ความรู้ในระหว่างการฝากครรภ์ในรูปแบบต่าง ๆ และแนวโน้มของผลที่มีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1
  • การศึกษาอย่างเป็นระบบถึงการจัดการสาธารณสุขพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งพบว่าในประเทศที่กำลังพัฒนา การจัดโปรแกรมการให้ความรู้แก่มารดาช่วยเพิ่มอัตราการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะสั้น สำหรับการเยี่ยมบ้านหรือการโทรศัพท์ติดตามเยี่ยมมารดาจะช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว2 นอกจากนี้ การจัดโปรแกรมให้ความรู้และติดตามการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยบุคลากรทางการแพทย์ยังช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดากลุ่มที่มีรายได้น้อยด้วย3
  • การให้การสนับสนุนในระดับชุมชนที่ช่วยพัฒนาการดูแลสุขภาพมารดาและทารก พบว่าการจัดบริการการติดตามเยี่ยมบ้านจากบุคลากรสาธารณสุขในชุมชนที่ได้รับการฝึกอบรม และการโทรศัพท์ติดตามสามารถช่วยสนับสนุนการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะแรกได้4
  • ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อมั่นของมารดาว่าสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้กับความรู้สึกว่านมแม่ไม่เพียงพอ ผลการศึกษาพบว่า หากมารดาที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงว่าสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ จะลดความรู้สึกว่านมแม่ไม่เพียงพอ ซึ่งมีผลต่อการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนระยะเวลาที่เหมาะสม5
  • การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และวิธีการให้นมแม่ จะมีข้อมูลระบาดวิทยาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประโยชน์ของนมแม่ต่อมารดาและทารก ประโยชน์ของนมแม่ต่อเศรษฐกิจ ระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ข้อห้ามในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารของมารดาและการใช้ยาในระหว่างการให้นมบุตร บันไดสิบขั้นสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการบริหารจัดการในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมถึงบทบาทของกุมารแพทย์ที่มีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่6
  • การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดและพฤติกรรมการกินนมแม่ของทารกแรกเกิดที่คลอดครบกำหนด พบว่าการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในทารกที่คลอดครบกำหนด7

ที่มาจาก การบรรยายของ ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร และหนังสือประกอบการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 6 ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ และการค้นคว้าเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

  1. 1. Lumbiganon P, Martis R, Laopaiboon M, Festin MR, Ho JJ, Hakimi M. Antenatal breastfeeding education for increasing breastfeeding duration. Cochrane Database Syst Rev 2016;12:CD006425.
  2. 2. Guise JM, Palda V, Westhoff C, et al. The effectiveness of primary care-based interventions to promote breastfeeding: systematic evidence review and meta-analysis for the US Preventive Services Task Force. Ann Fam Med 2003;1:70-8.
  3. 3. Ibanez G, de Reynal de Saint Michel C, Denantes M, Saurel-Cubizolles MJ, Ringa V, Magnier AM. Systematic review and meta-analysis of randomized controlled trials evaluating primary care-based interventions to promote breastfeeding in low-income women. Fam Pract 2012;29:245-54.
  4. 4. Lassi ZS, Das JK, Salam RA, Bhutta ZA. Evidence from community level inputs to improve quality of care for maternal and newborn health: interventions and findings. Reprod Health 2014;11 Suppl 2:S2.
  5. 5. Otsuka K, Dennis CL, Tatsuoka H, Jimba M. The relationship between breastfeeding self-efficacy and perceived insufficient milk among Japanese mothers. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2008;37:546-55.
  6. 6. Eidelman AI. Breastfeeding and the use of human milk: an analysis of the American Academy of Pediatrics 2012 Breastfeeding Policy Statement. Breastfeed Med 2012;7:323-4.
  7. 7. Thukral A, Sankar MJ, Agarwal R, Gupta N, Deorari AK, Paul VK. Early skin-to-skin contact and breast-feeding behavior in term neonates: a randomized controlled trial. Neonatology 2012;102:114-9.

 

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบการ

พยัพ แจ้งสวัสดิ์

? ? ? ? ? ? ? ? ? บริษัทไทยซัมมิท ฮาร์เนส? นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เป็นตัวอย่างหนึ่งในการบริหารจัดการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบการ

แนวคิดหลักการพัฒนางานนมแม่

? ????????????? ด้วยองค์กรของเราเป็นองค์กรแห่งความสุข มีการดำเนินกิจกรรม Happy Workplace ในองค์กร และการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นสอดคล้องในทุกมิติของการดำเนินกิจกรรม Happy Workplace จึงทำให้การพัฒนางานนมแม่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับการดำเนินกิจกรรม Happy Workplace ในองค์กร โดยมีแนวคิดที่ว่า ?การดูแลพนักงานหญิงเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ และเรามองว่าลูกพนักงานก็คือลูกของเรา เราจึงคาดหวังว่าลูกของเราจะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่แรกเกิด นั่นคือ นมแม่? ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้ใช้หลักการบริหารเพื่อให้การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เกิดผลสัมฤทธิ์ ดังนี้?

1. บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ รวมถึงการให้ทุกคนในองค์กรมีความเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกัน

2. ตัดวงจรการเข้าถึงนมผง หรือนมผงของพนักงานในองค์กร โดยไม่อนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายเข้ามาประชาสัมพันธ์ หรือแจกผลิตภัณฑ์ในองค์กร

3. บริษัทฯ สนับสนุนให้บุคลากรมีความรู้ โดยการส่งทีมงานเข้ารับการอบรมทั้งในหลักสูตร Facilitator และ Train the Trainer นมแม่ รวมถึงหลักสูตรอื่น ๆ ที่จัดโดยมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เพื่อให้ทีมนี้สามารถให้คำแนะนำและเป็นวิทยากรนมแม่ของบริษัทฯ ได้

4. การจูงใจ การฝึกอบรมและการดูแล ติดตามพนักงานที่ตั้งครรภ์ โดยบริษัทฯ เรามีการขึ้นทะเบียนพนักงานที่ตั้งครรภ์และโทรศัพท์ติดตามเป็นระยะ รวมถึงให้คำแนะนำตั้งแต่แรกคลอดจนกระทั่งคลอดและเลี้ยงลูก โดยทีมงานที่บริษัทฯส่งไปอบรมนั่นเอง

5. การสนับสนุนให้พนักงานที่เป็นคุณแม่มาบีบหรือปั๊มนมได้โดยไม่จำกัดเวลา และจำนวนครั้ง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พนักงานนั้นมีความสบายใจและไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องสละเวลางานมาปั๊มนม

6. บริษัทฯ สนับสนุนอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการบีบหรือปั๊มนมให้กับพนักงานทั้งหมด โดยที่พนักงานไม่ต้องนำอุปกรณ์อะไรมาเลย

7. มีการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการนำมาวิเคราะห์ เพื่อสร้างโอกาสการพัฒนาในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มีประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง

8. พนักงานที่มาใช้บริการห้องนมแม่ทุกคน ทางบริษัทฯจะมีการมอบประกาศนียบัตรเป็นคุณแม่ที่เห็นคุณค่าในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจและความภาคภูมิใจให้กับพนักงาน

? ? ? ? ? ? ? อย่างไรก็ตามการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังต้องอาศัยการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง การแสวงหาความรู้ด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของทีมงานมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนในองค์กร รูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย (Lifestyle) ของพนักงาน การสังเคราะห์องค์ความรู้ให้เข้าใจง่ายเพื่อใช้ในการสื่อสารให้กับพนักงาน พนักงานที่เป็นคุณแม่ เพื่อร่วมงาน หัวหน้างาน ผู้บริหาร และองค์กร ต้องสร้างความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งต่อเป้าหมายองค์กร และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยในความสำเร็จที่มีความท้าทายต่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขององค์กร

??????????????? ด้วยบริษัทฯ มีจำนวนพนักงานหญิงถึง 81% มีพนักงานที่ตั้งครรภ์ต่อปีโดยเฉลี่ย 120 คนและผู้บริหารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตวัยแรงงานที่ครอบคลุมถึงครอบครัวของลูกจ้าง เพื่อยกระดับสู่งานที่มีคุณค่าประกอบกับได้รับคำเชิญชวนจากสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี ทางบริษัทฯ จึงสมัครเข้าร่วมโครงการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการเมื่อปี พ.ศ.2552 และ มีการดำเนินการบริหารจัดการห้องนมแม่อย่างเต็มรูปแบบในปี 2554 โดย ดร.สาโรจน์ วสุวานิช รองประธานกรรมการบริหาร ได้ลงนามและประกาศนโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2554

? ? ? ? ? ? ? ? ขั้นตอนการปฏิบัติดูแลคุณแม่และการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นเริ่มจากการขึ้นทะเบียนพนักงานที่ตั้งครรภ์ทุกคนและเปลี่ยนงานเป็นลักษณะงานเบาที่มีความปลอดภัย และนั่งทำงาน จากนั้นทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมในหลักสูตรการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเตรียมความพร้อมสำหรับคุณแม่ อีกทั้งได้จัดให้มีคลินิกนมแม่ เพื่อเปิดสอนและให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร นมแม่มือโปร จากมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จากนั้นเมื่ออายุครรภ์ครบ 8 เดือนจนกระทั่งคลอด เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลห้องนมแม่จะทำการโทรศัพท์ติดตามพนักงานที่ขึ้นทะเบียนไว้ทุกคนเพื่อกระตุ้น จูงใจ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมหลังคลอดเกี่ยวกับสถานที่คลอด การให้นมแม่ และการเลี้ยงบุตรหลังคลอด ทั้งนี้เมื่อพนักงานกลับมาเริ่มงานก็จะมีการฝึกอบรมหน้างานในการใช้อุปกรณ์ให้กับพนักงานอีกครั้งหนึ่ง

??????????????? สถิติจำนวนพนักงานที่มาใช้บริการห้องนมแม่ตั้งแต่เปิดทำการมีทั้งหมด 133 คน ปริมาณน้ำนมที่ได้จากการปั๊มเก็บเท่ากับ 212,218 ออนซ์ หรือ 6,367 ลิตร ซึ่งมีพนักงานเข้ามาปั้มนมทั้งหมด 39,593 ครั้ง

??????????????? จำนวนสมาชิกที่มาใช้บริการห้องนมแม่ ณ ปัจจุบัน คือ 15 คน โดยทางบริษัทฯได้มีการส่งเสริมและกระตุ้นให้พนักงานที่เลี้ยงลูกอยู่ต่างจังหวัด ทำสต๊อกนม และส่งนมกลับบ้านไปให้ลูก ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานส่งนมให้ลูกผ่านรถทัวร์โดยระยะทางที่ไกลที่สุดอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ใช้เวลาประมาณ 12 ชม. สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการปั๊มนมที่บริษัทฯ จัดเตรียมให้นั้นประกอบด้วย เครื่องปั๊มนม ถุงเก็บน้ำนม ตู้แช่นม โต๊ะ เก้าอี้ โชฟา อุปกรณ์ฆ่าเชื้อทำความสะอาด เป็นต้นหรืออีกนัยหนึ่ง คือ พนักงานสามารถมาปั๊มนมโดยไม่ต้องนำอะไรติดตัวมาเลย และด้วยการบริหารจัดการห้องนมแม่ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการมาทั้งหมดนี้ ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลมุมนมแม่ต้นแบบในสถานประกอบกิจการ รางวัลองค์กรนำร่องโครงการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตสตรีวัยทำงานและครอบครัว (เริ่มด้วยนมแม่) และจากการใช้เครื่องมือ Happinometer วัดระดับความสุขจากทุกมิติในปี 2559 พบว่ามีค่าคะแนนเท่ากับ 59.7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบุคลากรในองค์กรอยู่ในระดับมีความสุข?

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สะท้อนผ่าน สโลแกนในการบริหารจัดการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือ ?กระตุ้นเตือน ตามติดชิดคุณแม่? โดยมีจุดเด่นคือ ผู้บริหารให้ความสำคัญ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยองค์ความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง ติดตาม จูงใจ แนะนำ และโน้มน้าวให้คุณแม่เห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วม และมีระบบการส่งเสริมการจัดเก็บข้อมูลที่ชัดเจนทุกมิติ รอบด้านเพื่อการพัฒนา

ที่มาจาก การบรรยายและหนังสือประกอบการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 6 ในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)