คลังเก็บหมวดหมู่: คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย

สตรีให้นมบุตรควรเสริมแคลเซียมหรือไม่

IMG_1542

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? หญิงไทยที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรต้องการแคลเซียม 800-1000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปริมาณความต้องการไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบการหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม โดยนมสด 100 ?กรัมมีแคลเซียม 118 มิลลิกรัม (นมสด 1 แก้วเท่ากับ 250 มิลลิลิตร จะมีแคลเซียม 295 มิลลิกรัม) กุ้งแห้งตัวเล็ก 100 กรัม มีแคลเซียม 2305 มิลลิกรัม กะปิ 100 กรัม มีแคลเซียม 1565 มิลลิกรัม คะน้า 100 กรัม มีแคลเซียม 245 มิลลิกรัม เต้าหู้เหลือง 100 กรัม มีแคลเซียม 160 มิลลิกรัม สำหรับผักพื้นบ้านที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ ยอดสะเดา กะเพราขาว ใบขี้เหล็ก ยอดมะยม เป็นต้น แต่ในการรับประทานอาหารของคนไทยจะได้รับแคลเซียมราว 360-400 มิลลิกรัม ดังนั้น จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรดื่มนมวันละ 2 แก้วหลังอาหารเช้าและเย็นจะทำให้ปริมาณแคลเซียมที่ได้รับไม่ต่ำกว่าค่าความต้องการแคลเซียมต่อวัน และไม่ทำให้เกิดการดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน มีการศึกษาพบว่า หากมีระดับแคลเซียมในมารดาต่ำโดยได้รับแคลเซียมจากอาหารน้อยกว่าวันละ 500 มิลลิกรัมจะมีการใช้แคลเซียมจากกระดูกเพื่อการสร้างน้ำนมที่เพียงพอ1,2 แคลเซียมที่พบในน้ำนมจะได้รับการควบคุมโดยกลไกของ citrate และ casein ที่อยู่ในต่อมน้ำนมโดยไม่ขึ้นอยู่กับปริมาณแคลเซียมที่มีอยู่ในอาหาร สำหรับการสูญเสียมวลกระดูกที่เกิดระหว่างการให้นมจะเป็นชั่วคราวและไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุนหรือกระดูกหักในระยะยาว3 อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานแคลเซียมตามความต้องการของร่างกายในแต่ละวันให้เพียงพอ

เอกสารอ้างอิง

  1. Dewey KG, Lovelady CA, Nommsen-Rivers LA, McCrory MA, Lonnerdal B. A randomized study of the effects of aerobic exercise by lactating women on breast-milk volume and composition. N Engl J Med 1994;330:449-53.
  2. Mohammad MA, Sunehag AL, Haymond MW. Effect of dietary macronutrient composition under moderate hypocaloric intake on maternal adaptation during lactation. Am J Clin Nutr 2009;89:1821-7.
  3. Kalkwarf HJ. Lactation and maternal bone health. Adv Exp Med Biol 2004;554:101-14.

 

สตรีให้นมบุตรควรเสริมธาตุเหล็กหรือไม่

IMG_1500รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ?หญิงไทยที่ให้นมบุตรต้องการธาตุเหล็กวันละ 15 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งความต้องการจะน้อยกว่าในระหว่างการตั้งครรภ์ซึ่งมีความต้องการธาตุเหล็กเพื่อการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นโดยต้องการวันละ 60 มิลลิกรัม เนื่องจากในระหว่างการให้นมบุตรนั้น มารดาจะไม่มีประจำเดือนทำให้ไม่มีการเสียเลือด ในน้ำนมแม่จะมีปริมาณธาตุเหล็กต่ำ ธาตุเหล็กสามารถจะดูดซึมได้ดีในลำไส้ทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวโดยมีสารในนมแม่ที่ช่วยในกระบวนการการดูดซึมธาตุเหล็ก การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ไม่ได้เพิ่มปริมาณธาตุเหล็กในน้ำนม1 แต่ในระยะหลังคลอดมารดาควรเสริมธาตุเหล็กเพื่อให้ปริมาณธาตุเหล็กที่สะสมในร่างกายมีเพียงพอ ซึ่งหากมารดาไม่มีภาวะขาดธาตุเหล็กจะไม่ส่งผลต่อการขาดธาตุเหล็กในทารก สำหรับในนมผสมนั้นมักจะมีการเสริมธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงเนื่องจากไม่มีสารที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กเหมือนในนมแม่

? ? ? ? ? ? ?การช่วยป้องกันภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กในทารกในกระบวนการในการช่วยคลอดอาจทำได้โดยการชะลอการหนีบและตัดสายสะดือ (delayed cord clamping) โดยมีข้อมูลว่าส่งผลดีในการช่วยป้องกันภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กในทารกคลอดครบกำหนดปกติที่กินนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรก2 แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลจำนวนการปฏิบัติการชะลอการหนีบและตัดสายสะดือทารกในประเทศไทย และข้อมูลของภาวะขาดธาตุเหล็กของมารดาในระยะหลังคลอด แต่มีข้อแนะนำจากกรมอนามัยที่สนับสนุนให้เสริมธาตุเหล็ก โฟเลต และไอโอดีนให้แก่สตรีตั้งครรภ์และมารดาที่ให้นมบุตรจนถึงหกเดือน3

เอกสารอ้างอิง

  1. Abe SK, Balogun OO, Ota E, Takahashi K, Mori R. Supplementation with multiple micronutrients for breastfeeding women for improving outcomes for the mother and baby. Cochrane Database Syst Rev 2016;2:CD010647.
  2. Delayed cord clamping benefits babies. Aust Nurs Midwifery J 2013;21:41.
  3. รายงานประจำปี กรมอนามัย 2556. ใน: กองแผนงาน กรมอนามัย, ประเทศไทย: กรมอนามัย; 2556.

 

สตรีให้นมบุตรควรเสริมวิตามินเคหรือไม่

IMG_1668

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? วิตามินเคจะช่วยในช่วยในการแข็งตัวของเลือด ป้องกันภาวะเลือดออกในช่องกะโหลกศีรษะของทารกซึ่งมีอันตรายรุนแรงและทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ วิตามินเคจะผ่านรกจากมารดามาสู่ทารกได้น้อย ร่วมกับการที่ทารกมีสัดส่วนไขมันในร่างกายน้อย ขาดแบคทีเรียในลำไส้ที่จะช่วยในการสังเคราะห์วิตามินเค แม้ว่าหญิงไทยต้องการวิตามินเควันละ 90 ไมโครกรัม ซึ่งขนาดความต้องการเท่ากับในหญิงที่ให้นมบุตร แต่โดยทั่วไปวิตามินเคมีปริมาณต่ำมากในนมแม่ จึงแนะนำให้ฉีดวิตามินเคขนาด 1 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อให้ทารกทุกรายหลังคลอด สำหรับการเสริมวิตามินเคให้กับมารดาและทารกปกติไม่มีความจำเป็น หากทารกได้รับการฉีดวิตามินเคหลังคลอดแล้ว1

เอกสารอ้างอิง

  1. Abe SK, Balogun OO, Ota E, Takahashi K, Mori R. Supplementation with multiple micronutrients for breastfeeding women for improving outcomes for the mother and baby. Cochrane Database Syst Rev 2016;2:CD010647.

 

สตรีให้นมบุตรควรเสริมวิตามินอีหรือไม่

IMG_1663

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ?วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันภาวะเม็ดเลือดแดงแตกง่ายในทารกได้ ในหญิงไทยที่ให้นมบุตรต้องการวิตามินอีวันละ 19 มิลลิกรัมต่อวัน1 วิตามินอีพบในอาหารจำพวกไข่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลชนิดโฮลเกรน ถั่วเหลือง น้ำมันพืช น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพดถั่ว เมล็ดทานตะวัน เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว ผักโขม และผักใบเขียว โดยทั่วไปไม่พบการขาดวิตามินอีในคนปกติที่มีการดูดซึมไขมันปกติ อย่างไรก็ตาม ค่านิยมการกินอาหารในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในบางคนหากหลีกเลี่ยงการกินไขมันมากเกินไป อาจทำให้ขาดวิตามินที่ละลายในไขมันรวมถึงวิตามินอีด้วย ดังนั้น ในหญิงให้นมบุตร แนะนำให้รับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบหมู่ และไม่มีความจำเป็นต้องเสริมวิตามินอีเพิ่มเติมจากที่ได้รับจากอาหาร

เอกสารอ้างอิง

  1. Abe SK, Balogun OO, Ota E, Takahashi K, Mori R. Supplementation with multiple micronutrients for breastfeeding women for improving outcomes for the mother and baby. Cochrane Database Syst Rev 2016;2:CD010647.

สตรีให้นมบุตรควรเสริมวิตามินดีหรือไม่

IMG_1662

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? วิตามินดีเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมน ซึ่งนอกจากได้รับผ่านการรับประทานอาหารแล้ว ร่างกายยังสามารถสร้างได้เมื่อได้รับอุลตร้าไวโอเลตบีจากแสงแดด อาหารที่มีวิตามินดี ได้แก่ ไขมันปลา เครื่องในสัตว์ ตับ และเห็ด วิตามินดีมีประโยชน์ในเรื่องความแข็งแรงของกระดูก เมตาบอริซึมของแคลเซียม และยังช่วยในเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน1-3 ในหญิงไทยที่ให้นมบุตรต้องการวิตามินดีต้องการวันละ 5 ไมโครกรัมต่อวันหรือ 200 ยูนิตต่อวัน หญิงไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มจะขาดวิตามินดี เนื่องจากค่านิยมที่หลีกเลี่ยงการออกตากแดด โดยจากการสำรวจพบภาวะวิตามินดีต่ำร้อยละ 50-754 ปริมาณวิตามินดีในมารดามีความสัมพันธ์กับปริมาณวิตามินดีในน้ำนม โดยสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ทารกทุกคนหลังคลอดได้รับการเสริมวิตามินดีขนาด 400 IU ต่อวัน5 สำหรับมารดามีข้อแนะนำให้เสริมวิตามิน D ขนาด 400-600 IU ต่อวันในระยะตั้งครรภ์และให้นมบุตร6 จากข้อมูลทั้งหมด จะเห็นว่า ควรแนะนำให้มีการเสริมวิตามินดีในหญิงไทยที่ให้นมบุตร และแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง ร่วมกับการออกรับแสงแดดราววันละ 6-8 นาที

เอกสารอ้างอิง

  1. Walker VP, Zhang X, Rastegar I, et al. Cord blood vitamin D status impacts innate immune responses. J Clin Endocrinol Metab 2011;96:1835-43.
  2. Liu PT, Stenger S, Li H, et al. Toll-like receptor triggering of a vitamin D-mediated human antimicrobial response. Science 2006;311:1770-3.
  3. Hewison M. Vitamin D and the immune system: new perspectives on an old theme. Endocrinol Metab Clin North Am 2010;39:365-79, table of contents.
  4. Chailurkit LO, Aekplakorn W, Ongphiphadhanakul B. Regional variation and determinants of vitamin D status in sunshine-abundant Thailand. BMC Public Health 2011;11:853.
  5. Wagner CL, Greer FR. Prevention of rickets and vitamin D deficiency in infants, children, and adolescents. Pediatrics 2008;122:1142-52.
  6. Ross AC, Manson JE, Abrams SA, et al. The 2011 report on dietary reference intakes for calcium and vitamin D from the Institute of Medicine: what clinicians need to know. J Clin Endocrinol Metab 2011;96:53-8.