คลังเก็บหมวดหมู่: นมแม่

นมแม่

การใช้เลเซอร์ในการลดการเจ็บหัวนม

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            การใช้เลเซอร์ในการรักษาอาการเจ็บหัวนมนั้นยังเป็นวิธีการรักษาที่ใหม่และยังมีข้อมูลในการศึกษาเรื่องประสิทธิภาพของการรักษาน้อย แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบควบคุมแบบสุ่ม (randomized controlled trial) เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า ผลของการใช้เลเซอร์ลดอาการเจ็บหัวนมในกลุ่มทดลองไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม ซึ่งแสดงว่าการใช้เลเซอร์ขาดประสิทธิผลในการลดอาการเจ็บหัวนม นอกจากนี้ในการใช้เลเซอร์เพื่อรักษาอาการเจ็บหัวนม มารดาอาจพบอาการจี๊ดหรืออาการวิ้ง  ๆ บริเวณหัวนมที่ทำการให้เลเซอร์ด้วย1 ดังนั้น การนำเลเซอร์มาใช้เป็นมาตรฐานในการรักษาอาการเจ็บหัวนมนั้น ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมเนื่องจากข้อมูลจากการศึกษายังไม่สนับสนุนว่าวิธีการรักษานี้ให้ประโยชน์หรือมีประสิทธิผลและควรมีการศึกษาเพิ่มเติมรายละเอียดด้วยความระมัดระวัง

เอกสารอ้างอิง

  1. Camargo BTS, Coca KP, Amir LH, et al. The effect of a single irradiation of low-level laser on nipple pain in breastfeeding women: a randomized controlled trial. Lasers Med Sci 2019.

 

การตรวจเต้านมจำเป็นสำหรับการวางแผนให้นมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            ในการวางแผนให้นมแม่นั้น ควรเริ่มตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ การซักประวัติ การตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการตรวจเต้านมมีความสำคัญ ซึ่งในลำดับแรกคือตรวจการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเต้านมว่าปกติดีหรือไม่ จากนั้นตรวจดูความผิดปกติ ได้แก่ บาดแผล แผลเป็น ก้อน หรือรอยโรคอื่น ๆ รวมถึงการผ่าตัดเสริมเต้านมซึ่งในปัจจุบันนิยมทำกันมากขึ้น การพบบาดแผลหรือแผลเป็นที่ทำลายการเปิดของท่อน้ำนม อาจเป็นอุปสรรคในการให้นมแม่1 ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ควรใส่ใจและไม่ควรละเลยในการตรวจเต้านมของมารดาเพื่อการวางแผนการเตรียมตัวสำหรับการให้นมแม่ที่เหมาะสม รวมทั้งการให้กำลังใจ ลดความรู้สึกผิดในกรณีที่มารดามีความจำเป็นที่ไม่สามารถจะให้นมแม่ได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Arabi Z, Md Monoto EM, Bojeng A. Impact of childhood burn injuries on breastfeeding: a case report. Int Breastfeed J 2019;14:17.

การใช้ข้อมูลเฉลี่ยของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อาจมองข้ามปัญหาที่มีในรายพื้นที่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ในการดำเนินงานในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จำเป็นต้องมีข้อมูลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในภาพรวมของประเทศและในแต่ละพื้นที่ที่ต้องการจะวางแผนดำเนินงานปกป้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ข้อมูลของประเทศจะเป็นค่าเฉลี่ยจากพื้นที่ที่มีความหลากหลายในแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ แต่ละตำบล และแต่ละหมู่บ้าน ดังนั้น การวางแผนแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคย่อมมีลำดับความสำคัญหรือความเร่งด่วนที่แตกต่างกัน การใช้ข้อมูลจากค่าเฉลี่ยภาพรวมของประเทศมาใช้โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับข้อมูลหรือปัญหาเฉพาะในแต่ละพื้นที่ อาจมีผลทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดและผลลัพท์อาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้1 การรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องในแต่ละพื้นที่แล้วนำมาเป็นฐานในการดำเนินการวางแผนจึงควรมีก่อนการวางแผนปฏิบัติการ นั่นคือ ต้องมีการสร้างทัศนคติและแนวคิดเรื่องการจัดการความรู้ให้แก่บุคลากรเพื่อสร้างให้เกิดการปฏิบัติในการที่จะนำสิ่งทีปฏิบัติต่าง ๆ อยู่ในงานประจำมาจัดให้เป็นระบบของข้อมูลข่าวสารที่สามารถนำมาวิเคราะห์และแปลผลได้ การสร้างทัศนคติที่บริหารจัดการข้อมูลและความรู้ ยังเป็นรากฐานที่นำไปสู่การวิจัยหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและหน่วยงานแล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศในยุคไทยแลนด์ 4.0

เอกสารอ้างอิง

  1. Berkowitz SS. Another Look at WIC’s Breastfeeding Data: State Totals Reveal More Than Regional Averages. J Hum Lact 2019;35:37-41.

การที่ลูกจะได้กินนมแม่ สถานที่ที่คลอดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                แน่นอนว่าสถานที่ที่คลอดมีความสำคัญต่อการที่ลูกจะได้กินนมแม่ การคลอดในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสถานพยาบาล ส่วนน้อยที่มีการคลอดที่บ้าน ซึ่งพบว่าหากมารดาคลอดที่สถานพยาบาลโอกาสที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงกว่าคลอดที่บ้านราวร้อยละ 40 เมื่อเทียบมารดาที่คลอดในสถานพยาบาลภาครัฐกับสถานพยาบาลภาคเอกชน โอกาสที่ลูกจะได้กินนมแม่ในสถานพยาบาลภาคเอกชนต่ำกว่าสถานพยาบาลภาครัฐราวร้อยละ 101 และการคลอดในสถานพยาบาลที่มีนโยบายและการปฏิบัติที่สนับสนุนโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูกย่อมมีโอกาสที่สูงกว่าที่ลูกจะได้กินนมแม่ ดังนั้น มารดาและครอบครัวจึงควรใส่ใจและวางแผนในการคลอดในสถานที่ที่เหมาะสมหากมีความตั้งใจที่จะให้ลูกมีโอกาสสูงที่จะกินนมแม่

เอกสารอ้างอิง

  1. Bergamaschi N, Oakley L, Benova L. Is childbirth location associated with higher rates of favourable early breastfeeding practices in Sub-Saharan Africa? J Glob Health 2019;9:010417.

การส่งเสริมนโยบายและการจัดการการดูแลมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต้องอาศัยการประเมินผลแบบรวดเร็วทันที

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ปัจจุบันอยู่ในยุคเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีความรวดเร็วซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเก็บข้อมูลในการวางแผนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ได้ดี ในการวางนโยบายและการติดตามการปฏิบัติงานการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ซึ่งหากกระเมินผลสามารถแสดงผลได้แบบรวดเร็วทันที (real-time information) ก็จะทำให้การวางนโยบายและการกำหนดแผนการปฏิบัติงานทำได้อย่างเหมาะสมที่สอดคล้องกัยสถานการณ์จริง ทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ทันเหตุการณ์ ซึ่งผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาย่อมได้ผลตามกัน อย่างไรก็ตาม การวางระบบเพื่อให้มีการเก็บและส่งต่อข้อมูลที่ดี รวดเร็ว และถูกต้องนั้น ต้องมีการวางเครือข่าย กำหนดบทบาทหน้าที่ มีการควบคุม ประเมินและปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล ซึ่งความถูกต้องของข้อมูลนั้นมีความสำคัญเช่นเดียวกับความรวดเร็วในการแสดงผลของข้อมูล ดังนั้น หากสามารถวางแผนเก็บข้อมูลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในภาพรวมของประเทศให้มีความถูกต้องและรวดเร็วแล้ว จะส่งผลทำให้การวางนโยบายและแผนปฏิบัติการของประเทศทำได้ดีและฃ่วยให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นได้1 การลงทุนเพื่อวางระบบเครือข่ายของข้อมูลนั้นจึงน่าลงทุน ซึ่งหากจัดการระบบได้ดี การลงทุนนั้นจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าเนื่องจากการช่วยให้ทารกได้กินนมแม่เป็นพื้นฐานของสุขภาพที่ดีในอนาคต

เอกสารอ้างอิง

  1. Begin F, Lapping K, Clark D, et al. Real-time evaluation can inform global and regional efforts to improve breastfeeding policies and programmes. Matern Child Nutr 2019;15 Suppl 2:e12774.