รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? การนัดมารดาและทารกมาติดตามดูแลใน 1 เดือนหลังคลอด จะเป็นการติดตามดูการให้นมลูกของมารดาและสอบถามถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การที่มารดาคิดว่าตนเองมีน้ำนมไม่เพียงพอ มารดาป่วยต้องรับประทานยาจึงหยุดให้นมลูก หรือการที่มารดาบางคนเริ่มเตรียมตัวที่จะกลับไปทำงาน เป็นต้น ในระยะนี้ จึงมีข้อแนะนำแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลมารดาและทารก ดังนี้
??????????????? การประเมินการกินนมแม่
- ลักษณะการกินนมของทารกเป็นอย่างไร
- มารดาให้ทารกกินนมกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ทารกได้รับการให้นมแม่ตามความต้องการหรือไม่
- ทารกได้รับการเปลี่ยนผ้าอ้อมและถ่ายอุจจาระกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ทารกได้รับอาหารอื่นใดเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือไม่
- มารดารู้สึกอย่างไรในการให้นมแม่
- มารดาคิดว่าน้ำนมของตนเองเป็นอย่างไร
- ลักษณะการกินอาหารของมารดาเป็นอย่างไร
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
? ? ? ? ? ? ? การตรวจมารดาและทารก
- คำนวณน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงจากตั้งแต่เกิด การชั่งก่อนหน้านี้ และการชั่งน้ำหนักในครั้งนี้
- ทารกควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 140-200 กรัมต่อสัปดาห์
- สังเกตมารดาขณะให้นมลูก หากทารกมีน้ำหนักขึ้นไม่เหมาะสมหรือดูดนมได้ไม่ดี
- ตรวจร่างกายทารกโดยทั่วไป
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การให้การดูแล
- หากมีสาเหตุให้น้ำนมมาช้า พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- หากมีปัญหาต่อเนื่องที่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พิจารณาส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
- ให้การสนับสนุนให้จัดตั้งกลุ่มช่วยเหลือนมแม่ อาจเป็นกลุ่มมารดา มารดาที่มีประสบการณ์ ร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์
ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนมารดาและทารกกลับบ้าน
- ยินดีกับมารดาและทารกที่ตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และระยะเวลาที่ต้องการให้นมลูก
- แทรกหรือเสริมข้อมูลให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- เตือนมารดาในเรื่องการรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบห้าหมู่ และควรดื่มน้ำเมื่อมีอาการกระหาย
- นัดติดตามมารดาและทารกที่คลินิกนมแม่ คลินิกหลังคลอด หรือคลินิกเด็กดีตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องติดตามปัญหาและอุปสรรคที่พบในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาและทารกในแต่ละคู่
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การตรวจมารดาและทารก
- คำนวณการขึ้นของน้ำหนักทารกและการลดของน้ำหนักทารกหลังคลอด
- สังเกตมารดาขณะให้นมลูก
- กระตุ้นให้มารดาสนใจในการตรวจการเปลี่ยนแปลงของเต้านมในระหว่างให้นมบุตร โดยในกรณีที่สงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน ควรปรึกษาแพทย์
- ตรวจและให้ความสนใจกับลักษณะในช่องปากทารกและการทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกินนม
- ประเมินว่าทารกมีภาวะขาดน้ำหรือไม่
- สังเกตภาวะตัวเหลืองและค่าสารเหลืองโดยเปรียบเทียบกับกราฟที่ใช้ประเมินความเสี่ยงของทารกที่มีภาวะตัวเหลือง
คำแนะนำที่ให้
- อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด
- กระตุ้นให้มารดาให้นมตามความต้องการของทารก
- ทบทวนลักษณะและพฤติกรรมการกินนมปกติของทารก
- อธิบายถึงความเสี่ยงของการใช้จุกนมหลอกและควรหลีกเลี่ยงการใช้จุกนมหลอก
- แนะนำให้จัดทารกนอนใกล้ๆ กับมารดาในที่ที่จัดไว้เฉพาะ การนอนบนเตียงเดียวกันที่มีพื้นที่จำกัดควรระมัดระวัง
- ไม่ควรทิ้งระยะการให้นมลูกนานระหว่างช่วงกลางคืน
- แนะนำการเสริมวิตามินดีวันละ 400 ยูนิตแก่ทารก (ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ โดยพิจารณาจากการขาดวิตามินดีในมารดและทารก)
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? การนัดมารดาและทารกมาติดตามดูแลในช่วงแรกหลังคลอด โดยเฉพาะใน 2-3 วันแรกหลังกลับบ้าน มักจะทำการนัดในมารดาและทารกที่พบมีความเสี่ยงในการที่จะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะแรก โดยอาจจะมีปัญหาหรือความเสี่ยงจากมารดาหรือทารกที่ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น มารดามีอาการเจ็บหัวนม มารดามีน้ำนมมาช้า ทารกมีภาวะตัวเหลือง หรือน้ำหนักลดเกินกว่าปกติ ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อย เป็นต้น มีข้อแนะนำแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลมารดาและทารก ดังนี้
??????????????? การประเมินการกินนมแม่
- มารดาให้ทารกกินนมกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ทารกได้รับการเปลี่ยนผ้าอ้อมกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ทารกถ่ายอุจจาระกี่ครั้ง ลักษณะ และสีเป็นอย่างไรใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- มีความจำเป็นต้องปลุกทารกเพื่อให้กินนมหรือไม่
- ทารกเข้าเต้าได้ง่ายและอยากที่จะดูดนมแม่หรือไม่
- ทารกได้รับอาหารอื่นใดเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือไม่
- มารดาให้นมแม่อย่างไร และรู้สึกอย่างไรในการให้นมแม่
- หากมารดารู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว หรือมีอาการเจ็บหัวนมหรือเต้านม ควรจะมีการบันทึกรายละเอียดไว้
- มารดามีน้ำนมเพิ่มขึ้นไหม หากมีเริ่มมีเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร หากไม่มี ต้องเน้นให้มารดาเห็นความสำคัญของการติดตามเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ทารกน้ำหนักลดเกินค่าปกติ ภาวะขาดน้ำ ภาวะตัวเหลือง เป็นต้น
- มารดาได้รับประทานยาหลังจากกลับบ้านหรือไม่ เช่น ยาลูกกลอน ยาดองเหล้า ยาขับน้ำคาวปลา ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องอธิบายให้มารดาทราบถึงความเสี่ยงหรืออันตรายที่เกิดจากการกินยาเหล่านี้
- ลักษณะการกินอาหารของมารดาเป็นอย่างไร
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การให้การดูแล
- คัดกรองภาวะเบาหวาน โรคหรือความเจ็บป่วยอื่นๆ ที่มีผลต่อการสร้างและทำให้น้ำนมมาช้า
- หากมีสาเหตุให้น้ำนมมาช้า พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- ให้การสนับสนุน และแนะนำการปฏิบัติที่เหมาะสมของมารดาและทารกที่จะไม่รบกวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- สอนทักษะการบีบเก็บน้ำนม? หากทารกมีความจำเป็นต้องแยกจากมารดา
- ประเมินความเร่งด่วนในการนัดติดตามดูแลปัญหาของมารดาและทารก
ขั้นตอนก่อนการอนุญาตให้มารดาและทารกกลับบ้าน
- ทบทวนมารดาถึงการตัดสินใจในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และระยะเวลาที่ต้องการให้นมลูก
- ย้ำให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว
- เตือนมารดาในเรื่องการรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบห้าหมู่ และควรดื่มน้ำเมื่อมีอาการกระหาย
- นัดติดตามมารดาและทารกที่คลินิกนมแม่ คลินิกหลังคลอด หรือคลินิกเด็กดี ภายในสัปดาห์แรก ช่วงระยะเวลาเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องติดตามปัญหาและอุปสรรคที่พบในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาและทารกในแต่ละคู่
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)