คลังเก็บหมวดหมู่: คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย

การใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกไม่มีความสัมพันธ์กับการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????? การคลอดที่เนิ่นนานและมีการใช้หัตถการในการช่วยคลอดจะมีผลเสียต่อการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เนื่องจากทารกที่คลอดอาจพบอาการบาดเจ็บและอ่อนเพลีย ทำให้การเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ยังต้องดูแลเฝ้าดูอาการทารกอย่างใกล้ชิด หากทารกที่คลอดออกมามีอาการอ่อนเพลี้ย ไม่ร้อง หรือมีอาการหายใจไม่สม่ำเสมอ การใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกในระหว่างการคลอดเพื่อลดการคลอดไม่ให้มีการคลอดที่เนิ่นนานนั้น ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร1 อย่างไรก็ตาม สำหรับการผ่าตัดคลอดยังคงมีผลเสียต่อการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดคลอดฉุกเฉินหรือนัดผ่าตัดคลอด ดังนั้น การคลอดที่เกิดขึ้นเองตามกลไกธรรมชาติ ไม่เนิ่นนานล่าช้า ไม่ได้ใช้หัตถการหรือผ่าตัดคลอด น่าจะเกิดผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากที่สุด

เอกสารอ้างอิง

  1. Fernandez-Canadas Morillo A, Duran Duque M, Hernandez Lopez AB, et al. Cessation of breastfeeding in association with oxytocin administration and type of birth. A prospective cohort study. Women Birth 2018.

 

การผ่าตัดแก้ไขหัวนมบอดกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????? การผ่าตัดแก้ไขหัวนมบอดในสตรี ส่วนใหญ่ต้องมีการผ่าตัดก่อนการคลอดนานราว? 6 เดือน เทคนิคในปัจจุบันจะมีการรบกวนท่อน้ำนมที่อยู่ใต้ลานนมน้อย หลังการผ่าตัดสามารถทำให้หัวนมยืดยาวออกได้ มีการศึกษาพบว่าหลังการผ่าตัดแก้ไข มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ดีขึ้น1 อย่างไรก็ตาม การขนาดตัวอย่างของการศึกษานี้ยังมีน้อย ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขึ้นอยู่กับขนาดความยาวของหัวนมที่แก้ไขหลังผ่าตัด2 และในการให้นมลูกนั้นแม้ความยาวของหัวนมจะมีผลต่อความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขณะที่ลูกกินนมแม่ทารกที่ดูดนมแม่จะอมทั้งหัวนมและลานนม ซึ่งส่วนหนึ่งของลานนมจะยืดยาวและเป็นส่วนหนึ่งที่ทารกใช้ในการดูดนมแม่ ดังนั้น การพิจารณาการผ่าตัดหัวนมบอดเพื่อแก้ไขปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถสรุปได้ จำเป็นต้องได้รับการศึกษาในรายละเอียดต่อไปในอนาคต

เอกสารอ้างอิง

  1. Feng R, Li W, Yu B, Zhou Y. A Modified Inverted Nipple Correction Technique That Preserves Breastfeeding. Aesthet Surg J 2018.
  2. Puapornpong P, Raungrongmorakot K, Paritakul P, Ketsuwan S, Wongin S. Nipple length and its relation to success in breastfeeding. J Med Assoc Thai 2013;96 Suppl 1:S1-4.

การให้คาร์โบไฮเดรตก่อนการผ่าตัดช่วยให้มารดาที่ผ่าตัดคลอดให้นมลูกได้ดีขึ้น

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ?เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การผ่าตัดคลอดเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในมารดาที่ผ่าตัดคลอดจะพบมีการเริ่มต้นการให้นมลูกช้า ซึ่งจะส่งผลต่อการมาของน้ำนมและระยะเวลาการให้นมของมารดาด้วย สาเหตุของการที่มีน้ำนมมาช้าในมารดาที่ผ่าตัดคลอดมีหลายสาเหตุอาจจะเกิดจากมารดามีความเครียด วิตกกังวล หิว กระหายน้ำ ?การดื้อต่ออินซุลิน หรืออื่น ๆ มีการศึกษาการให้คาร์โบไฮเดรตก่อนการผ่าตัดในมารดาที่ผ่าตัดคลอดเพื่อช่วยในการลดการหิว การกระหายน้ำ และลดการดื้อต่ออินซุลินพบว่า มารดาที่ได้รับคาร์โบไฮเดรตก่อนการผ่าตัดจะเริ่มการให้นมลูกเร็วกว่า มีความถี่ของการให้นมมากกว่า และมีระยะเวลาของการให้นมลูกนานกว่า1 ดังนั้นในกรณีที่ไม่มีข้อห้ามใด ๆ การให้คาร์โบไฮเดรตก่อนการผ่าตัดคลอดน่าจะสามารถช่วยให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาดีขึ้นได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Fard RK, Tabassi Z, Qorbani M, Hosseini S. The Effect of Preoperative Oral Carbohydrate on Breastfeeding After Cesarean Section: A Double-Blind, Randomized Controlled Clinical Trial. J Diet Suppl 2018;15:445-51.

 

ปัจจัยที่มีผลต่อทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? ในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น การฝึกให้มารดามีทักษะในการให้นมลูกเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มารดาเกิดความเชื่อมั่นว่าสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยตนเองได้ โดยความเชื่อมั่นของมารดาจะช่วยให้มารดามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงกว่า มีการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการฝึกทักษะในการให้นมลูกของมารดาพบว่า การศึกษา การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาก่อน ประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การที่มารดาปราศจากปัญหาเรื่องเต้านม การที่มารดาได้รับการฝึกทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทันทีหลังคลอดและมีนัดติดตามการปฏิบัติอย่างน้อยอีกสองครั้งหลังมารดาได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน1 ดังนั้น หากบุคลากรทางการแพทย์มีความเข้าใจในปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ และนำไปใช้ในการคัดกรองมารดาที่มีความเสี่ยง เพื่อการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดปัญหาของการที่มารดาหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนระยะเวลาที่เหมาะสมจากการที่มารดาขาดทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Tiruye G, Mesfin F, Geda B, Shiferaw K. Breastfeeding technique and associated factors among breastfeeding mothers in Harar city, Eastern Ethiopia. Int Breastfeed J 2018;13:5.

ท็อกโซพลาสโมซีส โรคที่เสี่ยงในสตรีตั้งครรภ์ที่เลี้ยงแมว

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????? ท็อกโซพลาสโมซีส (Toxoplasmosis) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว Toxoplasma Gondii ซึ่งแมวถือเป็นพาหะนำโรคชนิดนี้ โดยแมวที่มีการติดเชื้ออยู่จะถ่ายอุจจาระที่มีเชื้อปนเปื้อนมา หากสตรีตั้งครรภ์ดูแลเรื่องความสะอาดไม่ได้ดี มีการปนเปื้อนเชื้อโดยการรับประทานเข้าไป เชื้อจะเข้าไปอยู่ในมารดาที่ตั้งครรภ์โดยอันตรายเพิ่มขึ้นอีกนอกเหนือจากการที่สตรีตั้งครรภ์จะติดเชื้อแล้วคือ การผ่านของเชื้อเข้าสู่ทารกและเกิดการติดเชื้อ ทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการจอประสาทตาอักเสบ (chorioretinitis) การมีน้ำในสมองมาก (hydrocephalus) ซึ่งทำให้ทารกอาจมีศีรษะโตผิดปกติได้ มีอาการชัก และอาจพบทำให้ทารกเสียชีวิตได้ ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองการติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซีสที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย มีความไวและความจำเพาะสูงร้อยละ 100 และทราบผลทันที1 สำหรับข้อแนะนำในการตรวจคัดกรอง ควรตรวจในสตรีตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงคือเลี้ยงแมวและมีความใกล้ชิด จำนวนครั้งของการตรวจคัดกรองในระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอดยังไม่มีการสรุปที่ชัดเจน แต่บางรายงานแนะนำให้ตรวจ 8-10 ครั้ง1 เนื่องจากหากพบการติดเชื้อ การรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะลดอันตรายที่จะเกิดกับทารก ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ควรใส่ใจที่จะซักถามถึงการเลี้ยงแมวในมารดาที่มาฝากครรภ์เพื่อประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นในการตรวจคัดกรองเชื้อนี้ในระหว่างการตั้งครรภ์ด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Lykins J, Li X, Levigne P, et al. Rapid, inexpensive, fingerstick, whole-blood, sensitive, specific, point-of-care test for anti-Toxoplasma antibodies. PLoS Negl Trop Dis 2018;12:e0006536.