คลังเก็บหมวดหมู่: ความรู้สำหรับนักศึกษา

ความรู้สำหรับนักศึกษา

ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานแค่ไหน จึงลดความเสี่ยงที่ลูกจะอ้วนได้

img_2095

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ? เป็นที่ทราบกันดีว่า การให้ลูกกินนมแม่จะช่วยให้ลูกลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนเมื่อเจริญเติบโตขึ้น เนื่องจากลักษณะของการกินนมแม่จะช่วยสร้างนิสัยการกินนมแม่เมื่อทารกมีอาการหิว และทารกสามารถมีส่วนร่วมในการควบคุมการดูดและการกินนมด้วยตนเอง ซึ่งจะสร้างลักษณะที่เหมาะสมในการกินอาหาร ซึ่งจะแตกต่างจากการป้อนนมผงดัดแปลงสำหรับทารกทุกครั้งที่ทารกร้อง แต่ต้องฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับลักษณะการกินนมแม่นานแค่ไหน มีการศึกษาพบว่า หากให้ลูกได้กินนมแม่นานอย่างน้อย 4 เดือนจะช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกจะอ้วนเมื่อทารกอายุ 4 ขวบได้ประมาณร้อยละ 50 หรือลดได้ถึงครึ่งหนึ่งของความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วน1 อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ด้วย ดังนั้น การแนะนำให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังคงเน้นให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือน หลังจากนั้น ให้อาหารเสริมตามวัยร่วมกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสองปีหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของมารดาและทารก

เอกสารอ้างอิง

  1. Wallby T, Lagerberg D, Magnusson M. Relationship Between Breastfeeding and Early Childhood Obesity: Results of a Prospective Longitudinal Study from Birth to 4 Years. Breastfeed Med 2017;12:48-53.

การเพิ่มให้ความรู้เรื่องนมแม่หลังคลอดด้วย ช่วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวได้

IMG_3535

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ? ?การให้ความรู้แก่มารดาและครอบครัวมีความสำคัญต่อการตัดสินใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเริ่มการให้ความรู้ การเน้นให้เห็นถึงความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ในระยะฝากครรภ์ และให้ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมของมารดาและครอบครัวเพื่อที่จะเริ่มให้ลูกได้กินนมแม่ตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด นอกจากนี้ การติดตามให้ความรู้เพิ่มเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาที่พบบ่อยหลังคลอดยังช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย โดยมีการศึกษาการให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอดที่สัปดาห์ที่สองและสัปดาห์ที่หกหลังคลอดเพิ่มเติมจากการสอนในระยะก่อนคลอดพบว่า ช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนได้1 สิ่งนี้ย้ำให้เห็นถึงความต่อเนื่องของการติดตามการให้ความรู้เป็นระยะๆ จะช่วยเพิ่มให้มารดาเข้าใจประโยชน์และสามารถแก้ไขปัญหาการปฏิบัติในการคงความต่อเนื่องในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ดีขึ้น

เอกสารอ้างอิง

  1. Vural F, Vural B. The effect of prenatal and postnatal education on exclusive breastfeeding rates. Minerva Pediatr 2017;69:22-9.

การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อช่วยเพิ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว

60

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ (skin-to-skin contact) มีประโยชน์ต่อทารกหลายอย่าง ตั้งแต่ช่วยให้ทารกสงบ อบอุ่น ลดการเกิดทารกตัวเย็น (hypothermia) ช่วยลดจำนวนวันของการนอนโรงพยาบาลของทารกที่หอผู้ป่วยทารกวิกฤต และช่วยให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงผลของการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อที่ช่วยในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว โดยพบว่า ทารกที่ได้รับการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด จะมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่สามเดือนหลังคลอดสูงกว่าทารกที่ไม่มีการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ1 ดังนั้น การรณรงณ์ช่วยสนับสนุนให้มารดาได้โอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด ควรได้รับการส่งเสริมให้เกิดเป็นวัตรปฏิบัติที่ทำกันอย่างเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องดำเนินการในระยะแรกหลังคลอด

เอกสารอ้างอิง

  1. Vila-Candel R, Duke K, Soriano-Vidal FJ, Castro-Sanchez E. Effect of Early Skin-to-Skin Mother-Infant Contact in the Maintenance of Exclusive Breastfeeding. J Hum Lact 2017:890334416676469.

 

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมของมารดาได้ดีกว่า

IMG_1078

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? เป็นที่ทราบกันดีว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกและมะเร็งรังไข่ในมารดา แต่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนแรกผลลัพธ์ต่อการเกิดมะเร็งเหล่านี้น่าจะดีกว่า เนื่องจากส่งกระทบกับฮอร์โมนในร่างกายมารดามากกว่า มีการศึกษาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ (meta-analysis) ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวกับการลดการเกิดมะเร็งเต้านม พบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ราวร้อยละ 30 เทียบกับมารดาที่ไม่เคยให้นมแม่เลย ขณะที่หากให้ลูกได้กินนมแม่จะช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ราวร้อยละ 10-151 ดังนั้น ในยุคที่ปัจจุบัน มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของสตรีไทย การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในมารดาทุกคนที่มีโอกาสได้มีบุตร

เอกสารอ้างอิง

  1. Unar-Munguia M, Torres-Mejia G, Colchero MA, Gonzalez de Cosio T. Breastfeeding Mode and Risk of Breast Cancer. J Hum Lact 2017:890334416683676.

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดการเป็นหวัดของทารกและเด็กเล็ก

img_2131

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? การเจ็บป่วยของทารกและเด็กเล็กส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจของมารดา ครอบครัว รวมถึงเศรษฐกิจและการทำงานของทั้งบิดาและมารดาซึ่งจำเป็นต้องแบ่งเวลามีให้การดูแลหรือเฝ้าทารกหรือเด็กเล็ก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นที่ทราบกันดีว่า มีผลในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกรวมถึงผลระยะยาวต่อเด็กเล็ก ซึ่งมีการศึกษาพบว่า ทารกแรกเกิดจนถึงวัยเด็กเล็กอายุ 4 ปีที่มีประวัติการกินนมแม่อย่างเดียวหกเดือนจะลดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนหรือเรียกง่ายๆ ว่ากลุ่มอาการหวัด โดยพบว่า ลดการเจ็บป่วยได้ประมาณร้อยละ 301? ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นการสนับสนุนผลดีของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนต่อภาพรวมของครอบครัวและสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติจำเป็นต้องอาศัยการรณรงค์จากหลากหลายภาคส่วนที่ต้องให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะสื่อทางโทรทัศน์ที่ยังมีบทบาทสูงและประชาชนยังคงเข้าถึงได้ง่าย

เอกสารอ้างอิง

  1. Tromp I, Kiefte-de Jong J, Raat H, et al. Breastfeeding and the risk of respiratory tract infections after infancy: The Generation R Study. PLoS One 2017;12:e0172763.