คลังเก็บหมวดหมู่: การดูแลการคลอดโดยใช้ข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์

การดูแลการคลอดโดยใช้ข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์

อาหารอะไรบ้างที่ช่วยเพิ่มน้ำนม

00024-5-1-o-small

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ?ปกติหลังคลอด มารดามักได้ยินเกี่ยวกับอาหารต่างๆ หลายชนิดที่ช่วยเพิ่มน้ำนม ซึ่งมีความเชื่อหลายอย่างในแต่ละสังคมหรือในวัฒนธรรมที่หลากหลาย ที่มารดามักคุ้นเคย ได้แก่ ในครอบครัวคนจีนมีการแนะนำให้มารดากินซุปไก่หรือซุปปลา ในเกาหลีมีการแนะนำให้กินซุปสาหร่าย ซึ่งอาหารที่ส่งเสริมให้กินเพื่อช่วยเพิ่มน้ำนมในบางวัฒนธรรมอาจเป็นข้อห้ามในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง เช่น ในสังคมอเมริกันไม่แนะนำให้กินกระเทียม พริกหรืออาหารรสเผ็ด พริกไทยแดง และอาหารจำพวกถั่ว ในขณะที่บางวัฒนธรรมถือว่าอาหารที่มีรสจัดเหล่านี้ดีสำหรับมารดาที่ให้นม

? ? ? ? ? แล้วในความเป็นจริงแล้ว มารดาควรกินอาหารประเภทใดเพื่อช่วยเพิ่มน้ำนม อาหารที่มีรายงานว่าช่วยเพิ่มน้ำนม ได้แก่ ข้าวโอ๊ต น้ำมันเพื่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก ผักใบเขียวเข้ม ยี่หร่า หัวผักกาด และมันเทศ มะละกอที่ยังดิบเป็นสีเขียวหรือผลไม้ที่มีสีเขียวที่อุดมไปด้วยเอนไซม์ปาเปน (papain) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการช่วยเพิ่มน้ำนมได้ ดังนั้นในประเทศไทย การกินผักใบเขียวและผลไม้สีเขียวที่มีหลากหลายจึงมีประโยชน์และการกินแกงเลียงซึ่งประกอบไปด้วยผักใบเขียวหลายชนิดจะช่วยเพิ่มการสร้างน้ำนมได้ นอกจากนี้ การกินส้มตำซึ่งประกอบด้วยมะละกอดิบก็ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำนมได้เช่นกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.

 

มารดาต้องเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุใดขณะให้นมบุตร

IMG_9390

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? โดยทั่วไป มารดาจะได้รับการดูแลโดยมีการให้ธาตุเหล็กเสริมระหว่างช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งการเสริมธาตุเหล็ก มารดายังมีความจำเป็นต้องได้รับอย่างต่อเนื่องในขณะมารดาให้นมบุตร โดยบางครั้ง การให้การดูแลหรือเอาใจใส่ในการแนะนำเรื่องอาหารหรือการเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุในมารดาหลังคลอดมักถูกละเลย เนื่องจากอาจเป็นรอยต่อของการดูแลจากสูติแพทย์ไปที่กุมารแพทย์ หากบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีการสอบถามถึงการกินอาหารที่เหมาะสมหรือการเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มารดาควรได้รับ อาจส่งผลต่อความครบถ้วนของสารอาหารที่มีในนมแม่ได้ นอกจากนี้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการขาดสารอาหารบางชนิด ได้แก่ ไอโอดีน และกรดโฟลิค การให้สารเหล่านี้เสริมแก่มารดาจะมีความจำเป็น และต้องมีการเน้นย้ำให้มีการให้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมารดาหยุดให้นมบุตรด้วย

? ? ? ? ? ในประเทศไทย นอกจากการเสริมธาตุเหล็กแล้ว ควรมีการเสริมแคลเซียมให้มารดาด้วย เนื่องจากมารดาต้องการแคลเซียมขณะให้นมบุตรสูงขึ้นโดยมีความต้องการวันละ 1500 มิลลิกรัม แต่เนื่องจากแคลเซียมที่ได้รับจากอาหารปกติที่คนไทยรับประทาน จะได้รับแคลเซียมจากอาหารราว 400 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ควรมีการแนะนำเรื่องอาหารที่มีแคลเซียมสูงร่วมกับการเสริมแคลเซียมเสริมในขณะที่มารดาให้นมบุตร ซึ่งพบว่ามารดาที่ให้นมบุตรอาจมีการสูญเสียมวลกระดูกได้ร้อยละ 3-5 แต่มวลกระดูกจะกลับมาสู่ภาวะปกติราวหกเดือนหลังจากหยุดการให้นมลูก หากมารดามีการรับประทานอาหารที่เหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed. The American Academy of Pediatrics 2016.

 

มารดาเป็นโรคลมชัก ลูกกินนมแม่ได้ไหม

IMG_0724

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? โรคลมชักหรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า epilepsy โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่อาการจะเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาอย่างต่อเนื่อง สำหรับยาที่ใช้มีหลายชนิด โดยยา Phenytoin, carbamazepine, valproic acid และ levetiracetam สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในขณะให้นมบุตร ขณะที่ยา Gabapentin และ lamotrigine ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยาผ่านไปที่น้ำนมมารดาได้ดีและทำให้เกิดอาการง่วงซึมในทารกได้ ดังนั้น ในมารดาที่เป็นโรคลมชักควรปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษาเพื่อปรับยาให้เหมาะสมที่ควบคุมอาการลมชักได้และมีความปลอดภัยในขณะให้นมบุตร

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd?ed. The American Academy of Pediatrics 2016.

ควรมีการสนับสนุนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร ในมารดาตั้งครรภ์ไตรมาสสาม

IMG_9410

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? จากที่มารดาและครอบครัวเห็นประโยชน์ ความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้เข้ากลุ่มและมีพี่เลี้ยงสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากการแนะนำในไตรมาสแรกที่สองแล้ว ในไตรมาสที่สาม ข้อแนะนำที่บุคลากรทางการแพทย์ควรให้1 ได้แก่

??????????????? –สอนการเข้าเต้าโดยใช้ตุ๊กตาให้มารดาทดลองอุ้มและท่าในการให้นมลูก ได้แก่ ท่าเอนหลัง (laid-back) ท่าอุ้มขวางตัก ท่าอุ้มขวางตักประยุกต์ ท่าฟุตบอล และท่านอนตะแคง

? ? ? ? ? ? ? ? ?-ทบทวนกระบวนการเริ่มการให้นม การสร้างและการหลั่งน้ำนม

? ? ? ? ? ? ? ? -กระตุ้นให้มารดาได้เข้าร่วมสังเกตกลุ่มมารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตามแต่ละขั้นตอนที่มารดาสนใจ

? ? ? ? ? ? ? ?-ให้ข้อมูลทางเลือกของการลดความเจ็บปวดระหว่างการคลอด และผลกระทบของการใช้ยาแก้ปวดต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

? ? ? ? ? ? ? ?-อภิปรายถึงความสำคัญของการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อ (skin-to-skin contact) ต่อความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มารดาควรต้องปฏิบัติไม่ว่ามารดาจะคลอดบุตรด้วยวิธีการคลอดวิธีใด การเริ่มให้ทารกดูดนมตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด การให้ทารกคืบคลานเข้าหาเต้านมมารดา (breast crawl) และวิธีการที่จะทำให้การเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จไปได้ด้วยดี

? ? ? ? ? ? ? ? -แนะนำให้มีการอภิปรายพูดคุยกับมารดาและครอบครัวเกี่ยวกับแผนในการเลี้ยงดูทารกและแผนในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของบุคลากรทางการแพทย์

? ? ? ? ? ? ? ? -เน้นให้มารดาและครอบครัวเห็นความสำคัญของการติดตามการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ในสัปดาห์แรกหลังคลอดโดยเฉพาะในมารดาและทารกที่มีความเสี่ยงจะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร

เอกสารอ้างอิง

  1. Rosen-Carole C, Hartman S. ABM Clinical Protocol #19: Breastfeeding Promotion in the Prenatal Setting, Revision 2015. Breastfeed Med 2015;10:451-7.

 

 

ควรมีการสนับสนุนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร ในมารดาตั้งครรภ์ไตรมาสสอง

IMG_9407

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? หลังจากที่มารดาและครอบครัวเห็นประโยชน์และความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากการแนะนำในไตรมาสแรกแล้ว ในไตรมาสที่สอง ข้อแนะนำที่บุคลากรทางการแพทย์ควรให้1 ได้แก่

??????????????? -สร้างให้มารดามีความมั่นใจและกำลังใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยการพูดคุยถึงบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จ โดยอาจเป็นคนที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ หรือเป็นคนในครอบครัว พี่น้อง หรือเพื่อน เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

-แนะนำให้มารดา ครอบครัว หรือผู้ที่มีส่วนในการดูแลทารกได้เข้ากลุ่มเพื่อนมารดาที่สนใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อให้มีการพูดคุยระหว่างสตรีตั้งครรภ์ด้วยกัน หรือมีการแลกเปลี่ยนปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งทำให้ได้เห็นมารดาที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ปัญหาที่มารดาอาจพบหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่มีการปฏิบัติได้จริงเป็นตัวอย่าง

-ทบทวนพื้นฐานของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ ความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน การสร้างน้ำนม การเข้าเต้าและการดูดนมของทารกที่เหมาะสม การให้นมตามความต้องการของทารก จำนวนครั้งและปริมาณของการให้นม อาการหิวหรืออาการอิ่มของทารก และการหลีกเลี่ยงการป้อนนมจากขวดนมหรือการใช้จุกนมหลอก

-สำหรับมารดาที่ต้องกลับไปทำงานหรือจำเป็นต้องแยกจากทารก ชี้แจงถึงสิทธิในการลาพักหลังคลอดเพื่อเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กระตุ้นและให้กำลังใจให้มารดามองเห็นกระบวนการจัดการเพื่อให้ยังคงสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ การบีบน้ำนมด้วยมือ การปั๊มนม การเก็บน้ำนม นโยบายการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของสถานประกอบการ การมีมุมนมแม่

-สนับสนุนให้มีพี่เลี้ยง (doula) ที่จะดูแลมารดาในระหว่างการคลอด หลังคลอด และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยอาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรืออาสาสมัครที่มารดาคุ้นเคยและไว้ใจที่จะให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาและแนะนำให้มารดาผ่านกระบวนการการคลอดไปได้ด้วยดีและเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จ

เอกสารอ้างอิง

  1. Rosen-Carole C, Hartman S. ABM Clinical Protocol #19: Breastfeeding Promotion in the Prenatal Setting, Revision 2015. Breastfeed Med 2015;10:451-7.