การใช้จุกนมหลอกมีประโยชน์หรือไม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ในการศึกษาในทารกทั่วไปที่คลอดครบกำหนดและไม่มีภาวะแทรกซ้อน การใช้จุกนมหลอกในช่วงแรกหลังคลอดจะสัมพันธ์กับการหยุดนมแม่ก่อนเวลาอันควร1-3 เนื่องจากการดูดหัวนมหลอกเมื่อทารกดูดแล้วไม่ได้น้ำนม ทำให้ทารกอาจสับสนกับการดูดนมแม่ เกิดการปฏิเสธและหยุดการกินนมแม่ก่อนกำหนดได้ แต่การใช้จุกนมหลอกหลังจากช่วงหนึ่งเดือนหรือในมารดาที่น้ำนมมาได้ดีแล้ว ไม่พบความแตกต่างของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว1 แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการใช้จุกนมหลอกเกิดผลเสีย แต่มีการศึกษาในกลุ่มที่จำเพาะ ได้แก่ ทารกที่คลอดก่อนกำหนด และมารดาที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้าพบว่าอาจมีประโยชน์ โดยการใช้จุกนมหลอกอาจช่วยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดและและอาจช่วยป้องกันการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในมารดาที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า4

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Kair LR, Jaffe AC, Phillipi CA. In healthy term infants, does restriction from pacifiers in the first two to four weeks of life increase breastfeeding duration? Paediatr Child Health 2013;18:473-4.
  2. Chang PC, Li SF, Yang HY, et al. Factors associated with cessation of exclusive breastfeeding at 1 and 2 months postpartum in Taiwan. Int Breastfeed J 2019;14:18.
  3. Silva V, Caminha MFC, Silva SL, Serva V, Azevedo P, Filho MB. Maternal breastfeeding: indicators and factors associated with exclusive breastfeeding in a subnormal urban cluster assisted by the Family Health Strategy. J Pediatr (Rio J) 2019;95:298-305.
  4. Sipsma HL, Kornfeind K, Kair LR. Pacifiers and Exclusive Breastfeeding: Does Risk for Postpartum Depression Modify the Association? J Hum Lact 2017;33:692-700.

การใช้นมผงดัดแปลงสำหรับทารกทำให้มารดาหยุดให้นมแม่เร็ว

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

             การให้ทารกกินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกจะสัมพันธ์กับระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สั้นและการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร1-3 เนื่องจากทารกจะลดการดูดนมแม่ลง ซึ่งจะทำให้การกระตุ้นการสร้างน้ำนมลดลง ยิ่งมารดาให้นมผงดัดแปลงสำหรับทารกบ่อยครั้งมาก ทารกยิ่งมีโอกาสดูดกระตุ้นนมแม่ยิ่งน้อยลง น้ำนมมารดาจะลดลง และทำให้มารดาต้องหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากนี้ กลไกการดูดนมจากขวดนมยังมีความแตกต่างจากการดูดนมแม่จากเต้า ทำให้ทารกอาจเกิดการสับสนหัวนม (nipple confusion) และทารกไปติดการดูดนมจากขวดนม เนื่องจากน้ำนมไหลออกง่ายกว่า ทารกไม่ต้องออกแรงดูด การกินนมขวดของทารกมักจะไม่ค่อยสัมพันธ์กับความต้องการของทารก ทำให้ส่วนใหญ่ทารกกินนมขวดมากเกิน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วนเมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้น

เอกสารอ้างอิง

  1. Chaves RG, Lamounier JA, Cesar CC. Factors associated with duration of breastfeeding. J Pediatr (Rio J) 2007;83:241-6.
  2. Mendes SC, Lobo IKV, Sousa SQ, Vianna RPT. Factors associated with a shorter duration of breastfeeding. Cien Saude Colet 2019;24:1821-9.
  3. Schliep KC, Denhalter D, Gren LH, Panushka KA, Singh TP, Varner MW. Factors in the Hospital Experience Associated with Postpartum Breastfeeding Success. Breastfeed Med 2019;14:334-41.

 

 

มารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุมกำเนิดได้หรือไม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               ในระหว่างที่มารดาให้นมลูก แม้ว่าในช่วงหกเดือนแรก หากมารดาให้นมแม่อย่างเดียว และมารดายังไม่มีประจำเดือนมา การให้นมลูกนั้นก็ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการคุมกำเนิดที่มีความปลอดภัย ดังนั้น หากมีคำถามว่า มารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุมกำเนิดได้หรือไม่ คำตอบย่อมแน่นอนว่า “ได้” ประเด็นทีสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ การที่ต้องมีความรู้ในการเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดในช่วงที่มารดามีการให้นมลูกอย่างเหมาะสม ซึ่งแต่ละชนิดมีรายละเอียดดังนี้

  • การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนรวม ในระยะแรกหลังคลอดจะมีการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจากการคลอดรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดหลั่งของน้ำนม ดังนั้นเมื่อมีการใช้ฮอร์โมนในระยะแรกหลังคลอดจึงกระทบต่อกระบวนการนี้ การเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโดยใช้ในระยะแรกหลังคลอดโดยเฉพาะในระยะที่มารดายังอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนการอนุญาตให้กลับบ้านอาจส่งผลต่อการสร้างปริมาณน้ำนมได้1,2
  • การใช้ยาฉีดคุมกำเนิดและยาฝังคุมกำเนิสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
  • การใช้ห่วงอนามัยทั้งชนิดที่ไม่มีฮอร์โมนและมีฮอร์โมนสามารถจะใช้ได้ตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดหรือในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอดโดยไม่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่3
  • การให้สามีใช้ถุงยางอนามัย ไม่มีผลกระทบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

                 การคุมกำเนิดหลังคลอดมักเริ่มหลังจากการนัดติดตามหลังคลอดในช่วง 4-6 สัปดาห์ แต่ในสภาวะที่มารดามีความเสี่ยงสูงที่จำเป็นต้องรีบให้การคุมกำเนิด และในมารดาที่การนัดติดตามดูแลหลังคลอดทำได้ยากลำบากหรือมารดาอาจไม่ให้ความร่วมมือ การให้การคุมกำเนิดอาจเริ่มตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด โดยการหลีกเลี่ยงการใช้ฮอร์โมน ควรเป็นทางเลือกแรก หากไม่สามารถทำได้ ควรการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนหลังจากที่น้ำนมมารดามาดีแล้ว เนื่องจากจะมีผลกระทบน้อยมาก

เอกสารอ้างอิง

  1. Kapp N, Curtis KM. Combined oral contraceptive use among breastfeeding women: a systematic review. Contraception 2010;82:10-6.
  2. Kapp N, Curtis K, Nanda K. Progestogen-only contraceptive use among breastfeeding women: a systematic review. Contraception 2010;82:17-37.
  3. Stanton TA, Blumenthal PD. Postpartum hormonal contraception in breastfeeding women. Curr Opin Obstet Gynecol 2019.

ควรจัดการสอนมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ วิธีไหนดีที่สุด

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                แน่นอนว่าการให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีผลสนับสนุนให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีขึ้น1,2 โดยรูปแบบการจัดการให้ความรู้จะมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) การให้ฝึกปฏิบัติ (hand on) การให้แก้โจทย์ปัญหาหรือการให้แสดงบทบาท (role-play) รูปแบบของการจัดการให้ความรู้ในลักษณะที่เป็นรูปแบบการพูดคุยให้คำปรึกษาต่อหน้า (face to face) ในระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอด และการใช้เทคนิคการจำลองสถานการณ์ (simulation technique) โดยรูปแบบที่มีการศึกษาพบว่า รูปแบบการพูดคุยให้คำปรึกษาต่อหน้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในด้านการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ดีกว่าการจัดรูปแบบการสอนเพียงอย่างเดียว3 และการใช้เทคนิคการจำลองสถานการณ์ (simulation technique) จะช่วยเพิ่มทักษะของมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้4 ดังนั้น นอกจากจะใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการที่จะให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และส่งเสริมทักษะให้มารดาอย่างเหมาะสมแล้ว การเลือกให้การสอนหรือคำปรึกษาให้ถูกกับจริตของมารดาแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จด้วย

 เอกสารอ้างอิง

  1. Scott JA, Landers MC, Hughes RM, Binns CW. Factors associated with breastfeeding at discharge and duration of breastfeeding. J Paediatr Child Health 2001;37:254-61.
  2. Noel-Weiss J, Rupp A, Cragg B, Bassett V, Woodend AK. Randomized controlled trial to determine effects of prenatal breastfeeding workshop on maternal breastfeeding self-efficacy and breastfeeding duration. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2006;35:616-24.
  3. Meedya S, Fahy K, Kable A. Factors that positively influence breastfeeding duration to 6 months: a literature review. Women Birth 2010;23:135-45.
  4. Agrina, Sabrian F, Zulfitri R, Arneliwati, Herlina, Pristiana Dewi A. The effectiveness of simulation health education to mother breastfeeding skill between two groups in rural area of Riau, Indonesia. Enferm Clin 2019;29 Suppl 1:9-12.

 

 

 

การสนับสนุนของบุคลากรทางการแพทย์ส่งผลต่อความสำเร็จของมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                การสนับสนุนจากบุคลากรทางการแพทย์ มีผลดีต่อความสำเร็จและระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 อย่างที่ได้เคยกล่าวไปแล้วในเรื่องทัศนคติต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของบุคลากรทางการแพทย์ว่า บุคลากรทางการแพทย์มีความคิดหรือทัศนคติอย่างไร ก็จะสื่อถึงมารดาในรูปการปฏิบัติอย่างนั้น ดังนั้น  บุคลากรทางการแพทย์ที่มีทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็จะให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหาหรืออุปสรรคของมารดาให้มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จได้มากกว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทัศนคติที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมผงดัดแปลงสำหรับทารกซึ่งจะปล่อยให้มารดาแก้ไขปัญหาการให้นมแม่ด้วยตนเองตามยถากรรม การปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรทางการแพทย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งต้องอาศัยพื้นฐานความรู้และการอบรมที่เหมาะสมต่อเนื่อง สิ่งนี้จึงเป็นบุคลิกภาถที่พึงประสงค์ และเป็นสิ่งที่ต้องสร้างให้บุคลากรทางการแพทย์มีศักยภาพที่จะรักการเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งจะส่งเสริมทัศนคติที่ดี ทันสมัย และมีสมรรถนะในการทำงานสูง โดยจะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมด้านการดูแลสุขภาพ รวมทั้งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เอกสารอ้างอิง

  1. Britton C, McCormick FM, Renfrew MJ, Wade A, King SE. Support for breastfeeding mothers. Cochrane Database Syst Rev 2007:CD001141.

 

 

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)