ภาวะลิ้นติดกับการพูด

Mom-300x215

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การมีภาวะลิ้นติดเป็นปัญหาที่สร้างความวิตกกังวลในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และปัญหาในเรื่องการพูด สำหรับในเรื่องการพูด มีรายงานหนึ่งการศึกษาถึงผลของการรักษาภาวะลิ้นติดโดยการผ่าตัดเปรียบเทียบในกลุ่มที่ได้รับการผ่าตัดรักษา กลุ่มที่ไม่ได้รักษา และกลุ่มควบคุม โดยทดสอบการพูดโดยใช้แบบทดสอบการพูดมาตรฐาน (standardized articulation test) ที่ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญทางภาษาและการพูด ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละกลุ่ม แต่ในกลุ่มที่ไม่ได้รักษาพบพูดผิดบ่อยกว่า1 และมีสามรายงานการศึกษาที่เก็บรวบรวมข้อมูลของการรักษาภาวะลิ้นติดโดยการผ่าตัด ผลการศึกษามีแนวโน้มว่าการผ่าตัดรักษาจะช่วยให้การพูดดีขึ้น2-4 ซึ่งจำนวนตัวอย่างที่ศึกษาน้อย การสรุปผลจำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลที่ศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น

หนังสืออ้างอิง

1.???????????? Dollberg S, Manor Y, Makai E, Botzer E. Evaluation of speech intelligibility in children with tongue-tie. Acta Paediatr 2011;100:e125-7.

2.???????????? Heller J, Gabbay J, O’Hara C, Heller M, Bradley JP. Improved ankyloglossia correction with four-flap Z-frenuloplasty. Ann Plast Surg 2005;54:623-8.

3.???????????? Lalakea ML, Messner AH. Ankyloglossia: the adolescent and adult perspective. Otolaryngol Head Neck Surg 2003;128:746-52.

4.???????????? Messner AH, Lalakea ML. The effect of ankyloglossia on speech in children. Otolaryngol Head Neck Surg 2002;127:539-45.

?

การควบคุมน้ำหนักหลังคลอดกับมารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ท้อง

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การมีน้ำหนักเกิน อ้วน ร้อยละของไขมันในร่างกายสูงหรือน้ำหนักขึ้นเร็วสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านมในวัยหมดประจำเดือน มีการศึกษาพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งเต้านมสูงขึ้น 1.27-2.52 เท่าเมื่อมีดัชนีมวลกายสูงขึ้น1-4 การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักมักพบในช่วงของการตั้งครรภ์และหลังคลอด การสนับสนุนการลดน้ำหนักหลังคลอดจากการให้นมบุตรและการปรับเปลี่ยนลักษณะอาหารของมารดาอาจจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมได้ และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมน้ำหนักหลังคลอดได้5

หนังสืออ้างอิง

1.???????? Morimoto LM, White E, Chen Z, et al. Obesity, body size, and risk of postmenopausal breast cancer: the Women’s Health Initiative (United States). Cancer Causes Control 2002;13:741-51.

2.???????? Lahmann PH, Lissner L, Gullberg B, Olsson H, Berglund G. A prospective study of adiposity and postmenopausal breast cancer risk: the Malmo Diet and Cancer Study. Int J Cancer 2003;103:246-52.

3.???????? Lahmann PH, Hoffmann K, Allen N, et al. Body size and breast cancer risk: findings from the European Prospective Investigation into Cancer And Nutrition (EPIC). Int J Cancer 2004;111:762-71.

4.???????? Pichard C, Plu-Bureau G, Neves ECM, Gompel A. Insulin resistance, obesity and breast cancer risk. Maturitas 2008;60:19-30.

5.???????? Stendell-Hollis NR, Laudermilk MJ, West JL, Thompson PA, Thomson CA. Recruitment of lactating women into a randomized dietary intervention: successful strategies and factors promoting enrollment and retention. Contemp Clin Trials 2011;32:505-11.

?

?

เครื่องมือในการวัดทัศนคติในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

pregnant6

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????? การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทัศนคติของมารดาต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยในมารดาที่มีทัศนคติเชิงบวกต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะมีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานกว่า มีการศึกษาและออกแบบสอบถามทัศนคติในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ Iowa Infant feeding Attitude Scale หรือใช้คำย่อเป็น IIFAS ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เป็นแบบสอบถามใช้สำรวจทัศนคติของมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยจะมีทั้งหมด 17 หัวข้อ ในเก้าหัวข้อจะถามเรื่องเกี่ยวกับความสนใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และอีกแปดหัวข้อจะสอบถามเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมผสมซึ่งจะเป็นคะแนนในด้านลบของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ละหัวข้อจะมีลำดับคะแนนความคิดเห็น 1 ถึง 5 ตาม Likert scale ช่วงคะแนนที่เป็นผลลัพธ์ของการประเมินจะตั้งแต่ 17 ถึง 85 คะแนนของแบบสอบถามที่สูงบ่งบอกถึงทัศนคติเชิงบวกของมารดาต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คะแนนแบบสอบถามที่ต่ำบ่งบอกถึงทัศนคติเชิงบวกของมารดาต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมผสม นอกจากนี้คะแนนของแบบสอบถามยังทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่หกสัปดาห์หลังคลอดได้อย่างมีนัยสำคัญ1

ตารางที่ 1 แสดง Iowa Infant feeding Attitude Scale

คำถาม

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ไม่เห็นด้วย

เฉยๆ

เห็นด้วย

เห็นด้วยอย่างยิ่ง

1.คุณประโยชน์ในด้านสารอาหารของนมแม่จะมีอยู่จนกระทั่งทารกหยุดนมแม่

2.การเลี้ยงลูกด้วยนมผสมสะดวกกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

3.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก

4.นมแม่ขาดธาตุเหล์ก

5.ทารกที่เลี้ยงด้วยนมผสมจะมีโอกาสที่จะได้รับการป้อนนมเกินมากกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่

6.การเลี้ยงลูกด้วยนมผสมเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมารดาที่ทำงานนอกบ้าน

7.มารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมผสมจะพลาดโอกาสในการมีความสุขจากความรู้สึกของการเป็นแม่

8.มารดาไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร

9.ทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่จะมีสุขภาพดีกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมผสม

10.ทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่จะมีโอกาสที่จะได้รับการป้อนนมเกินมากกว่าทารกที่เลี้ยงด้วยนมผสม

11.บิดาจะรู้สึกถูกทอดทิ้งหากมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

12.นมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทารก

13.นมแม่ย่อยง่ายกว่านมผสม

14.นมผสมให้สุขภาพที่ดีกับทารกมากกว่านมแม่

15.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สะดวกกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมผสม

16.นมแม่ประหยัดกว่านมผสม

17.มารดาที่บางครั้งดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

?

หนังสืออ้างอิง

1.???????? Ho YJ, McGrath JM. A Chinese version of Iowa Infant Feeding Attitude Scale: reliability and validity assessment. Int J Nurs Stud 2011;48:475-8.

?

?

วิตามินซีในนมแม่

images5

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

วิตามินละลายน้ำจะผ่านจากกระแสเลือดเข้าสู่น้ำนมได้ง่าย ดังนั้นปริมาณวิตามินจะเปลี่ยนแปลงตามอาหารที่มารดารับประทาน เมื่อศึกษาถึงวิตามินซี ความต้องการวิตามินซีจะเพิ่มขึ้นเมื่อมารดาอยู่ในภาวะเครียดหรืออยู่ในระยะให้นมบุตร ระดับของวิตามินซีจะพบในปริมาณสูงในทารกมากกว่าช่วงเวลาอื่น และพบในอวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง ระดับของวิตามินซีในน้ำนมพบ 44-158 มิลลิกรัมต่อลิตร1 ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีตามความต้องการของสตรีที่ให้นมบุตรจะทำให้ปริมาณวิตามินซีในน้ำนมมีเพียงพอสำหรับทารกด้วย

หนังสืออ้างอิง

1.???????????? Byerley LO, Kirksey A. Effects of different levels of vitamin C intake on the vitamin C concentration in human milk and the vitamin C intakes of breast-fed infants. Am J Clin Nutr 1985;41:665-71.

?

 

พรีไบโอติก (prebiotic) และโปรไบโอติก (probiotic)

images3

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????? ในน้ำนมแม่มีสารที่เป็นพรีไบโอติกจำนวนมาก ซึ่งในนมผสมพยายามจะเสริมพรีไบโอติกและโปรไบโอติกให้คล้ายคลึงกับนมแม่ โปรไบโอติกจะเป็นการเสริมอาหารพร้อมแบคทีเรียที่จะช่วยปรับสภาพในลำไส้ช่วยในการย่อยและเป็นประโยชน์ต่อทารก ส่วนพรีไบโอติกจะเป็นการเสริมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้ การเสริมพรีไบโอติกและโปรไบโอติกนั้นยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัยโดยเฉพาะมารดาที่มีความเสี่ยง

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)