การช่วยเหลือทารกที่ปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง

IMG_0688

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ??การที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง มารดาหรือบุคลกรทางการแพทย์ต้องสังเกตหรือซักถามว่าในขณะที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้านั้น มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน ลักษณะของมารดาในการให้นม กำหนดเป็นตารางเวลาหรือให้ตามความต้องการของทารก ความถี่ในการให้นม การเจ็บหัวนม ท่าที่ให้นม เสียงรบกวน บรรยากาศที่มีสิ่งเร้าที่ดึงดูดความสนใจทารก การกินยา อาหารหรือสมุนไพรบางอย่างของมารดา มารดาใส่น้ำหอม ใช้กลิ่นน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นสบู่ที่ทารกไม่ชอบ และความเจ็บป่วยของทารก ซึ่งจะทำให้เข้าใจว่าสาเหตุของการปฏิเสธการเข้าเต้าของทารกเกิดจากสาเหตุใด ?

? ? ? ? ? ?การช่วยเหลือทารกที่ปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง? เริ่มต้นจาก การสังเกตท่าและลักษณะการเข้าเต้าของทารกว่าเหมาะสมหรือไม่เช่นเดียวกันกับการปฏิเสธการเข้าเต้าตลอด หากไม่เหมาะสมจัดท่าให้ทารกสามารถเข้าเต้าและดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อท่าให้นมลูกถูกต้อง แต่การที่มีการปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง อาจเป็นจากลักษณะบางท่าของมารดาที่ให้นมอาจไม่เหมาะสม และควรดูเวลาของการให้นมมีความเหมาะสมไหม การให้นมควรให้เมื่อทารกมีลักษณะที่บ่งบอกถึงอาการหิว (feeding cues) หากมารดาเพิ่งป้อนนมไปและนำทารกเข้าเต้า ทารกอาจปฏิเสธการเข้าเต้า หากมารดาปล่อยให้ทารกหิวจนร้องไห้หงุดหงิด ทารกก็จะปฏิเสธการเข้าเต้าได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อมารดาจัดท่าให้นมลูกได้ดีแล้ว หากทารกยังปฏิเสธการเข้าเต้า มารดาควรอุ้มทารกในลักษณะให้เนื้อแนบเนื้อบนหน้าอก (skin-to-skin contact) และรอจนกระทั่งทารกมีอาการที่บ่งบอกว่าหิว จึงเริ่มเข้าเต้าอีกครั้ง นอกจากนี้ การบีบน้ำนมและทาน้ำนมบริเวณหัวนมให้ทารกได้กลิ่นจะช่วยในการเข้าเต้าได้ และในกรณีที่ทารกเคยได้นมขวดมาก่อน น้ำนมอาจไหลเร็ว การบีบน้ำนมด้วยมือให้นมน้ำนมไหลได้ดีก่อนการเข้าเต้าก็จะช่วยเช่นกัน สำหรับทารกที่ขณะเข้าเต้าสังเกตเห็นมีการหายใจติดขัด อาจมีน้ำมูกอุดตันในจมูกหรือทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ทารกดูดนมได้ลำบาก หรือหากทารกเจ็บป่วยทำให้การดูดนมได้ไม่ดีหรือปฏิเสธการดูดนม ควรให้การรักษาไปพร้อมกับการฝึกการเข้าเต้า โดยอาจใช้หลอดฉีดยาใส่นมต่อสายติดไว้ที่ลานนม และหยดน้ำนมช่วยขณะทารกเข้าเต้า การที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง เมื่อมารดาทบทวนกระบวนการเหล่านี้ รวมถึงลักษณะของอาหารที่มารดารับประทานแล้วอาจมีผลต่อรสชาติของน้ำนมที่ทำให้ทารกปฏิเสธ สิ่งแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก หรือบรรยากาศที่มีสิ่งเร้ามากอาจดึงความสนใจทารกได้ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือกลิ่นสบู่ที่ทารกไม่ชอบ จะทำให้มีความเข้าใจในการให้นมแม่ในทารกแต่ละคนและทำให้เลือกบรรยากาศ ระยะเวลา และท่าที่ให้นมที่เหมาะสมที่สามารถให้นมบุตรได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Cadwell K, Turner-Maffei C. Pocket guide for lactation management. 2nd?ed. Burlington: Jones & Bartlett Learning 2014.

 

การช่วยเหลือทารกที่ปฏิเสธการเข้าเต้าข้างใดข้างหนึ่ง

00024-2-1-small

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? การที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้าในข้างใดข้างหนึ่ง ต้องสังเกตว่า ปฏิเสธข้างเดียวกันตลอดหรือไม่ หรือปฏิเสธเต้านมด้านซ้ายบ้างด้านขวาบ้างแล้วแต่ในแต่มื้อ

? ? ? ? ? ?ในกรณีที่ปฏิเสธเต้านมข้างเดียวกันตลอด ให้สังเกตว่า เต้านมด้านที่ทารกปฏิเสธมีความแตกต่างจากข้างที่ทารกยอมดูดนมหรือไม่ โดยอาจจะมีหัวนมบอด หรือหัวนมใหญ่ที่ทำให้ทารกอมหัวนมและลานนมได้ยากกว่า สังเกตท่าของมารดาในข้างที่ให้นมได้กับข้างที่ให้นมไม่ได้ว่า ท่าให้นมของมารดาต่างกันหรือไม่ หากทารกให้นมที่เต้านมด้านซ้ายได้แต่เมื่อสลับหันศีรษะมาอีกด้านแล้วทารกปฏิเสธการเข้าเต้า มารดาอาจจะใช้วิธีให้ทารกอยู่ในลักษณะการเข้าเต้าด้านเดิม โดยเลื่อนเฉพาะตัวทารกจากเต้านมด้านซ้ายมาเต้านมด้านขวา อาจปรับท่าจากท่าอุ้มขวางตักประยุกต์เป็นท่าอุ้มฟุตบอลโดยตัวทารกอยู่ในทิศทางเดิม หากทารกเข้าเต้าได้ อาจมีความผิดปกติของทารกที่ทำให้ทารกเข้าเต้าได้ในลักษณะที่ต้องเอียงด้านใดด้านหนึ่งเข้าเต้า เช่น มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ ช้ำ ไหปลาร้าหัก บาดเจ็บในเส้นประสาทที่แขน (brachial plexus injury) หรือมีความผิดปกติของการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ (torticollis) ซึ่งทารกจะสบายกว่าในการดูดนมในบางท่าหรือบางด้าน หากไม่ดีขึ้น อาจลองปรับเปลี่ยนท่าให้นมเป็นท่าอื่นๆ เช่น ท่านอนตะแคง ท่าฟุตบอล ท่าเอนหลัง ท่านั่งหลังตรง หรือท่านอนคว่ำบนตัวมารดา

? ? ? ? ? ในกรณีที่ทารกปฏิเสธเต้านมข้างใดข้างหนึ่งแล้วแต่ในแต่ละมื้อ หากตรวจสอบแล้วว่าทารกเจริญเติบโตได้ตามเกณฑ์ จะเป็นจากการที่ทารกกินนมได้เพียงพอจากเต้านมเพียงข้างเดียว ซึ่งจะเป็นกลไกธรรมชาติที่ทารกจะปฏิเสธเต้านมอีกด้านหนึ่ง โดยอาจจะทำให้มารดาเกิดอาการตึงคัดในเต้านมอีกด้านที่ทารกไม่ยอมดูดนมได้ มารดาจึงควรบีบน้ำนมออก และอาจเก็บสำรองน้ำนมไว้ใช้ได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Cadwell K, Turner-Maffei C. Pocket guide for lactation management. 2nd Burlington: Jones & Bartlett Learning 2014.

การช่วยเหลือทารกที่ปฏิเสธการเข้าเต้าตลอด

hand expression13

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? การที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้าตลอดทุกครั้งที่ให้กินนม บุคลากรทางการแพทย์ควรให้มารดาเล่าอาการการปฏิเสธการเข้าเต้าของทารกว่าเป็นตั้งแต่เมื่อไร มีครั้งไหนที่เข้าเต้าได้หรือไม่ ความถี่ในการให้นมเป็นอย่างไร ได้เคยให้นมขวดทารกกินหรือไม่ และน้ำนมมารดาไหลเป็นอย่างไร เนื่องจากอาจพบสาเหตุหลายสาเหตุร่วมกันได้

? ? ? ? ? ?การช่วยเหลือทารกที่ปฏิเสธการเข้าเต้าตลอด?เริ่มต้นจาก การสังเกตท่าและลักษณะการเข้าเต้าของทารกว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมจัดท่าให้ทารกสามารถเข้าเต้าและดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อท่าให้นมลูกถูกต้อง ควรดูเวลาของการให้นมมีความเหมาะสมไหม การให้นมควรให้เมื่อทารกมีลักษณะที่บ่งบอกถึงอาการหิว (feeding cues) หากมารดาเพิ่งป้อนนมไปและนำทารกเข้าเต้า ทารกอาจปฏิเสธการเข้าเต้า หากมารดาปล่อยให้ทารกหิวจนร้องไห้หงุดหงิด ทารกก็จะปฏิเสธการเข้าเต้าได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อมารดาจัดท่าให้นมลูกได้ดีแล้ว หากทารกยังปฏิเสธการเข้าเต้า มารดาควรอุ้มทารกในลักษณะให้เนื้อแนบเนื้อบนหน้าอก (skin-to-skin contact) และรอจนกระทั่งทารกมีอาการที่บ่งบอกว่าหิว จึงเริ่มเข้าเต้าอีกครั้ง นอกจากนี้ การบีบน้ำนมและทาน้ำนมบริเวณหัวนมให้ทารกได้กลิ่นจะช่วยในการเข้าเต้าได้ และในกรณีที่ทารกเคยได้นมขวดมาก่อน น้ำนมอาจไหลเร็ว การบีบน้ำนมด้วยมือให้นมน้ำนมไหลได้ดีก่อนการเข้าเต้าก็จะช่วยเช่นกัน สำหรับทารกที่ขณะเข้าเต้าสังเกตเห็นมีการหายใจติดขัด อาจมีน้ำมูกอุดตันในจมูกหรือทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ทารกดูดนมได้ลำบาก หรือหากทารกเจ็บป่วยทำให้การดูดนมได้ไม่ดีหรือปฏิเสธการดูดนม ควรให้การรักษาไปพร้อมกับการฝึกการเข้าเต้า โดยอาจใช้หลอดฉีดยาใส่นมต่อสายติดไว้ที่ลานนม และหยดน้ำนมช่วยขณะทารกเข้าเต้า กระบวนการเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมติดตามจนทารกเข้าเต้าและดูดนมได้ดี จึงจะทำให้มารดามั่นใจในการให้นมแม่และเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จ

เอกสารอ้างอิง

  1. Cadwell K, Turner-Maffei C. Pocket guide for lactation management. 2nd Burlington: Jones & Bartlett Learning 2014.

ทำไมทารกจึงปฏิเสธการเข้าเต้า

01_136_4-1

 

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ?การปฏิเสธการเข้าเต้าของทารกในการกินนมแม่ มีหลายลักษณะ ตั้งแต่ปฏิเสธตลอดทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธในการเข้าเต้าในเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง หรือปฏิเสธการเข้าเต้าบางครั้ง ซึ่งสาเหตุของลักษณะการปฏิเสธการเข้าเต้าที่แตกต่างกันจะเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันด้วย มารดาและบุคลากรทางการแพทย์ควรแนะนำและเตือนมารดาถึงความสำคัญของการปฏิเสธการเข้าเต้า เนื่องจากธรรมชาติของทารกมีจะดูดนมแม่ทั้งในกรณีที่หิว และยังคงดูดนมหรือเข้าเต้าเพื่อต้องการความอบอุ่น การใกล้ชิด และความรู้สึกปลอดภัย การที่ทารกปฏิเสธการเข้าเต้าจะทำให้ทารกมีภาวะขาดน้ำหรือสารอาหาร และมีภาวะตัวเหลือง ซึ่งจะเกิดอันตรายแก่ทารกได้ มารดาจึงควรสังเกตถึงการขึ้นของน้ำหนักทารกและการเจริญเติบโตของทารกอย่างใกล้ชิด

? ? ? ? ? ? ?สำหรับสาเหตุในการปฏิเสธการเข้าเต้าของทารก ได้แก่ การเข้าเต้าหรือการจัดท่าให้ลูกกินนมแม่ไม่เหมาะสม มารดาเจ็บหัวนมหรือเต้านม น้ำนมมารดาไหลน้อยหรือไม่ไหล ทารกเคยได้รับการป้อนนมด้วยขวดนมมาก่อน มารดารับประทานยา อาหารบางชนิด หรือสมุนไพรบางอย่าง การปล่อยให้ทารกหิวเกินไป ทารกไม่สบายหรือมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน และการที่มารดามีความผิดปกติของการเจริญเติบโตของเต้านม

เอกสารอ้างอิง

  1. Cadwell K, Turner-Maffei C. Pocket guide for lactation management. 2nd Burlington: Jones & Bartlett Learning 2014.

 

ลูกประคบสมุนไพรไทยกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

S__38207893

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? การใช้ลูกประคบสมุนไพร นอกจากจะช่วยในการลดความเจ็บปวดให้มารดาในระหว่างการคลอดแล้ว ในมารดาหลังคลอดการใช้ลูกประคบบริเวณเต้านมจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ต้านการอักเสบ ช่วยผ่อนคลาย และช่วยให้น้ำนมมาเร็วขึ้น1 สำหรับการช่วยลดอาการปวด มีการศึกษาพบว่า สามารถบรรเทาอาการปวดได้ไม่แตกต่างจากการใช้ยาต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ในการรักษาอาการปวดของข้อเข่าเสื่อมด้วย1,2 จะเห็นว่า สมุนไพรไทยจึงน่าจะมีประโยชน์ที่หลากหลายรวมทั้งในด้านการช่วยมารดาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ ช่วยให้มารดาลดอาการปวด อาการตึงคัดเต้านม ช่วยผ่อนคลาย และอาจจะลดความเครียด ช่วยให้มารดาผ่อนคลาย ซึ่งจากคุณสมบัติเหล่านี้ อาจจะช่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่การศึกษาในเรื่องนี้ที่เป็นข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ยังน้อย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจึงควรให้ความสนใจและศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องนี้

เอกสารอ้างอิง

  1. Dhippayom T, Kongkaew C, Chaiyakunapruk N, et al. Clinical effects of thai herbal compress: a systematic review and meta-analysis. Evid Based Complement Alternat Med 2015;2015:942378.
  2. Chiranthanut N, Hanprasertpong N, Teekachunhatean S. Thai massage, and Thai herbal compress versus oral ibuprofen in symptomatic treatment of osteoarthritis of the knee: a randomized controlled trial. Biomed Res Int 2014;2014:490512.

 

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)