รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
เครื่องมือที่ใช้ประเมินการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ใช้มากในประเทศไทยคือ LATCH score ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาพบว่าการประเมิน LATCH score ที่ 24 ชั่วโมงหลังคลอดสามารถทำนายการเลี้ยงลูกที่หกสัปดาห์หลังคลอดได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า การประเมิน LATCH score ขณะเกิดสามารถทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่หกสัปดาห์ได้โดยค่า LATCH score มากกว่า 6 จะมีความสัมพันธ์กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่หกสัปดาห์หลังคลอดที่สูงกว่า สำหรับความไวในการทำนายร้อยละ 93.5 ความจำเพาะร้อยละ 65.78 1 นอกจากนี้ การประเมิน LATCH score ที่ 48 ชั่วโมงหลังคลอดโดยใช้จุดตัดที่มากกว่าหรือเท่ากับ 8 ยังสามารถทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่หกสัปดาห์หลังคลอดได้โดยมีความไวที่สูงเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะเห็นว่า การประเมิน LATCH score ไม่ว่าจะเป็นการประเมินขณะเกิด ที่ 24 ชั่วโมง หรือที่ 48 ชั่วโมงจะเป็นประโยชน์ในการทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และอาจช่วยในการวางแผนติดตามดูแลมารดาอย่างใกล้ชิดในมารดาที่มีการประเมิน LATCH score ต่ำที่อาจเสี่ยงต่อการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วกว่ากำหนดที่ควรจะเป็น
เอกสารอ้างอิง
Sowjanya S, Venugopalan L. LATCH Score as a Predictor of Exclusive Breastfeeding at 6 Weeks Postpartum: A Prospective Cohort Study. Breastfeed Med 2018;13:444-9.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
เป็นที่ทราบกันดีว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยป้องกันการเกิดโรคอ้วนในทารกเมื่อเจริญเติบโตเข้าสู่วัยเด็ก การที่ลดหรือป้องกันการเกิดการโรคอ้วนในวัยเด็กจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเมตาบอลิกต่าง ๆ ในอนาคต เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาถึงรายละเอียดของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีผลต่อดัชนีมวลกายของทารกเมื่อเจริญเข้าสู่วัยเด็กพบว่า ทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวหกเดือนหรือทารกที่กินอาหารเสริมหลังอายุห้าเดือนจะสัมพันธ์กับการมีดัชนีมวลกายที่ต่ำกว่า 1 ซึ่งเป็นผลต่อการป้องกันภาวะน้ำหนัก เกินและโรคอ้วน ดังนั้น จากข้อมูลยิ่งส่งเสริมว่าควรปฏิบัติตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียวหกเดือนแล้วหลังจากนั้นควรเสริมอาหารตามวัยร่วมกับการกินนมแม่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสองปีหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับมารดาและทารก นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ามารดายังได้ประโยชน์จากการให้ลูกกินนมแม่ในการป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงเมื่ออายุเข้าสู่วัยทองด้วย
เอกสารอ้างอิง
Sirkka O, Vrijkotte T, Halberstadt J, et al. Prospective associations of age at complementary feeding and exclusive breastfeeding duration with body mass index at 5-6 years within different risk groups. Pediatr Obes 2018.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ในยุคที่มือถือมีบทบาทอย่างมากจนเหมือนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตของคนในยุคนี้ การใช้สื่อมือถือเพื่อช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อาจเป็นสิ่งที่ตรงกับจริตในยุคของคนในปัจจุบัน มีการศึกษาถึงการใช้สื่อมือถือช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พบว่า สื่อที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีจำนวนมากที่เข้าถึงได้จากโทรศัพท์มือถือ แต่มีสื่อจำนวนน้อยที่จำเพาะเจาะจงที่เหมาะสมสำหรับรายคน นอกจากนี้ การสื่อสารผ่านมือถือผ่านระบบข้อความที่สนับสนุนทั้งการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และสนับสนุนระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาที่ตั้งครรภ์และมารดาหลังคลอด จะเป็นการสื่อสารสองทางที่มีความจำเพาะเจาะจงสำหรับรายคนมากกว่า1 ดังนั้น หากบุคลากรทางการแพทย์ มารดาและครอบครัวเลือกใช้รูปแบบการเข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสม จะได้ประโยชน์จากการใช้สื่อมือถือในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เอกสารอ้างอิง
Schindler-Ruwisch JM, Roess A, Robert RC, Napolitano MA, Chiang S. Social Support for Breastfeeding in the Era of mHealth: A Content Analysis. J Hum Lact 2018:890334418773302.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มารดาส่วนใหญ่มักเริ่มต้นตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ก็มักจะมีสถานการณ์หรือเหตุผลต่าง ๆ ที่นำไปสู่การหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาที่เหมาะสม มีการศึกษาโดยการสัมภาษณ์มารดาถึงเหตุผลหรือจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่การหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาที่คลอดบุตรคนแรกพบว่า เหตุผลที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ ปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ความเครียดที่มีอยู่ซ้ำ ๆ การที่มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต บทบาทหรือสถานะทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เหตุการณ์ที่มีความจำเพาะหรือจุดเปลี่ยนที่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด 1 สิ่งเหล่านี้ล้วนนำไปสู่การสร้างให้เกิดความเครียดแก่มารดาที่จะนำไปสู่การหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดังนั้น การช่วยเหลือมารดาให้ปรับตัวกับความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยคงให้มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องได้
เอกสารอ้างอิง
Schafer EJ, Buch E, Campo S, Ashida S. From initiation to cessation: turning points and coping resources in the breastfeeding experience of first-time mothers. Women Health 2018.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การที่มารดาได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยทั่วไปจะสัมพันธ์กับการลดการเกิดภาวะซึมเศร้าของมารดาหลังคลอดได้ เนื่องจากความรู้สึกของมารดาที่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นจะช่วยสร้างความผูกพันและสายสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก ซึ่งจะช่วยให้มารดาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคหรือความยากลำบากต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปได้ มารดาจะรู้สึกถึงความสมบูรณ์ในการทำหน้าที่ของมารดาที่สามารถให้นมลูก และปราศจากแนวคิดที่มีผลลบในการโทษตนเองหากมารดาไม่สามารถให้นมลูกได้ แต่ในกลุ่มมารดาวัยรุ่นนั้นมีสมมติฐานที่เกิดข้อสงสัยว่าอาการซึมเศร้าหลังคลอดจะพบมากในมารดาวัยรุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่หรือไม่ มีการศึกษาถึงข้อสมมติฐานนี้พบว่า มารดาวัยรุ่นที่มียากลำบากในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะพบอาการซึมเศร้าหลังคลอดสูงกว่ามารดาที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตามปกติ 1 อย่างไรก็ตาม มารดาวัยรุ่นมักมีปัญหาในเรื่องความไม่พร้อมหรือการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น จึงมักขาดการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงอาจเกิดความวิตกกังกล ความเครียด และอาการซึมเศร้าในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เมื่อพบปัญหาหรือความยากลำบากต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งหากบุคลากรทางการแพทย์มีความเข้าใจ ให้การสนับสนุนและช่วยแก้ปัญหาที่มารดาวัยรุ่นได้พบในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยลดอาการซึมเศร้าที่พบในระยะหลังคลอดได้
เอกสารอ้างอิง
Sipsma HL, Ruiz E, Jones K, Magriples U, Kershaw T. Effect of breastfeeding on postpartum depressive symptoms among adolescent and young adult mothers. J Matern Fetal Neonatal Med 2018;31:1442-7.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)