รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การสังเกตมารดาให้นมทารกในการประเมินการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ผู้ที่ฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมบุตรหรือที่ปรึกษา
หรือเป็นบุคลากรทางการแพทย์อื่น จำเป็นต้องมีการเฝ้าดูเพื่อประเมินท่าในการให้นม
การเข้าเต้า และประสิทธิภาพในการดูดนมของทารกแรกเกิด โดยสิ่งที่เป็นความวิตกกังวลหลักของมารดาและครอบครัวส่วนใหญ่ก็คือ
คำถามที่ว่า “ทารกได้รับนมเพียงพอหรือไม่” ซึ่งหากมารดาได้รับการสอนให้เฝ้าดูสัญญาณ
หรือลักษณะที่บ่งบอกว่าทารกได้รับนมที่เพียงพอ มารดาจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้นเมื่อพบทารกแสดงอาการว่าได้รับนมที่เพียงพอ
ในทางกลับกันหากทารกไม่มีลักษณะอาการที่แสดงว่าได้รับนมที่เพียงพอ ทารกอาจต้องได้รับการประเมินเพิ่มเติม
สำหรับสัญญาณหรือลักษณะที่บ่งบอกว่าทารกได้รับนมที่เพียงพอ1 ได้แก่
- ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ทารกบ่อย
ๆ (3-4 ครั้งหรือมากกว่าใน 24 ชั่วโมง) ในวันที่สามหลังคลอด และจะพบทารกมีอุจจาระสีเหลืองในวันที่สี่หลังคลอด
แต่หลังจาก 5-6 สัปดาห์หลังคลอด ทารกปกติบางคนที่กินนมแม่อาจพบว่าไม่อุจจาระเป็นเวลาหลายวันได้
- ทารกปัสสาวะ
6 ครั้งหรือมากกว่าใน 24 ชั่วโมงในวันที่สาม หรือพบว่ามีการเปลี่ยนผ้าอ้อมเปียกในจำนวนเดียวกัน
(หากมีการเปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ทุกครั้งที่ทารกปัสสาวะ) อย่างไรก็ตาม การนับจำนวนผ้าอ้อมอาจไม่แม่นยำถ้าหากไม่ได้มีการเปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ทุกครั้ง
แต่ทารกปกติควรจะต้องมีการปัสสาวะอย่างน้อย 6 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ได้ยินเสียงกลืนนมระหว่างที่ทารกกินนม
- ทารกรู้สึกพึงพอใจหรืออิ่มเอมหลังการกินนม
- ทารกควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย
20 – 30 กรัม (¾ – 1 ออนซ์) ต่อวันหรือ 100 – 200 กรัม
(5-7 ออนซ์) ต่อสัปดาห์ โดยที่ความเร็วของการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักจะแตกต่างกันไปตามน้ำหนักขณะแรกเกิดของทารก
ทารกที่ตัวเล็กจะเติบโตช้ากว่าทารกที่ตัวใหญ่ ทารกแรกเกิดที่คลอดครบกำหนดควรเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในวันที่
3-5 ของชีวิต โดยใน 1-2 วันแรกจะพบทารกมีน้ำหนักลดลง ซึ่งทารกส่วนใหญ่จะกลับไปมีน้ำหนักเท่ากับในช่วงแรกเกิดในราว
7-10 วันหลังคลอด ในกรณีที่พบว่าทารกมีน้ำหนักลดลงตั้งแต่ร้อยละ
7-8 ขึ้นไปของน้ำหนักทารกแรกเกิด จำเป็นต้องได้รับการประเมินและติดตามอย่างเหมาะสมด้วยความระมัดระวัง
เพื่อให้แน่ใจว่า ทารกไม่มีปัญหาจริง ๆ สำหรับทารกที่เริ่มกินนมแม่เร็ว จะกลับมามีน้ำหนักเท่ากับตอนแรกเกิดได้เร็วเช่นกัน
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
เมื่อการให้นมแม่ได้เริ่มต้นขึ้น
โดยปกติมักพบว่าจะมีรูปแบบของความถี่ในการให้นมอย่างน้อย 8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง (รวมทั้งกลางวันและกลางคืน) ต่อมาเมื่อทารกอายุมากขึ้นราวหลัง
6 สัปดาห์หลังคลอด จะพบทารกมีช่วงเวลาที่นอนนานขึ้นในตอนกลางคืน แต่หากพบทารกที่นอนหลับตลอดคืนในตั้งแต่ในช่วงแรก
ลักษณะเช่นนี้อาจมีผลให้ทารกได้รับนมหรือพลังงานไม่เพียงพอ เนื่องจากระดับโปรแลกตินในตอนกลางคืนจะมีระดับที่สูงที่สุด
การให้ทารกดูดนมในตอนกลางคืน จึงช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะกระตุ้นให้ระดับโปรแลกตินสูงเพียงพอสำหรับการสร้างน้ำนม
และการยับยั้งการตกไข่
ทารกบางคนจะมีรูปแบบของการกินนมที่ “กระจุกตัวเป็นช่วง” ซึ่งทารกจะกินนมบ่อยมากในช่วงแรก หลังจากนั้นจะเว้นระยะของการกินนมนานขึ้นสลับกัน หากทารกมีน้ำหนักขึ้นดี สิ่งที่พบนี้ถือว่าเป็นความปกติที่พบได้จากลักษณะของความหลากหลายที่พบในทารกแต่ละคน1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ทารกแรกเกิดมักจะส่งสัญญาณว่าต้องการกินนมทุก
1-3 ชั่วโมง (นับตั้งแต่เริ่มให้นมครั้งแรกจนถึงเริ่มให้นมถัดไป) การกินนมของทารกแรกเกิดมักบ่อยที่สุดในช่วง
2-7 วันแรก โดยจะเกิดขึ้นพร้อมน้ำนมเริ่มมามากขึ้น (อยู่ในการสร้างน้ำนมระยะที่ 2)
ซึ่งความถี่ของการกินนมที่พอเหมาะจะราว 8-12 ครั้งต่อวัน โดยในช่วง
7-10 วันแรก จะพบทารกกินนมในตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน
ในช่วง
2-7 วันแรกบุคลากรทางการแพทย์ผู้ให้บริการส่วนมากมักเชื่อว่า ช่วงเวลาที่เว้นระยะของการให้นมที่นานกว่า
3 ชั่วโมงจะไม่เหมาะสม จึงแนะนำให้มารดาปลุกและให้นมทารก หากทารกนอนนานเกิน
3 ชั่วโมงหรือหากคุณแม่รู้สึกตึงคัดเต้านมมาก อย่างไรก็ตาม “หากทารกไม่ต้องการกินนมก็ไม่ควรบังคับหรือให้อาหารเสริม”1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ทารกแรกเกิดปกติควรได้รับโอกาสที่จะกินนมแม่ทันทีหลังคลอด ซึ่งโดยทั่วไปทารกปกติที่ไม่ได้รับยาที่จะมีผลกระทบต่อทารกในระหว่างการคลอดจะตื่นตัวมากที่สุดในช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยที่ในระยะแรกหลังคลอดจะมีช่วงเวลาที่ทารกตื่นตัว ซึ่งจะตามมาด้วยช่วงเวลาของที่ทารกง่วงหลับ แม้ว่าทารกแรกเกิดจำนวนมากจะเริ่มกินนมแม่ได้ภายใน 60 นาทีแรกของการคลอด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทารกปกติทุกคนจะสามารถทำได้เช่นนั้น ทารกบางคนอาจเพียงแค่เคล้าเคลียบริเวณหัวนม แต่ยังไม่มีการอมหัวนมและลานนมเพื่อที่จะดูดนมจนกระทั่งต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งหลังจากนั้น ซึ่งตามที่ได้บรรยายไว้ก่อนหน้านี้มีหลายการศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเปิดโอกาสให้ทารกได้รับการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อที่มีต่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
หากมารดาต้องการให้ทารกคายหัวนมออกจากปากในระหว่างที่ให้นม
มารดาสามารถหยุดแรงดูดของทารกที่สร้างขึ้นโดยการดูดนม โดยใช้นิ้วกดที่เต้านมที่รอยต่อของริมฝีปากของทารก
หรือโดยการใช้นิ้วที่สะอาดสอดเข้าไปที่มุมของปากของทารก ทารกก็จะคายหัวนมและลานนมออกจากปากอย่างนุ่มนวลโดยวิธีนี้สามารถช่วยป้องกันอาการเจ็บหัวนมได้
และลักษณะของหัวนมที่ทารกคายออกมาควรจะเหมือนกับก่อนการให้นมคือ มีลักษณะกลมไม่เปลี่ยนรูปหรือแบน1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)