คลังเก็บหมวดหมู่: ทารกแรกเกิด

ทารกแรกเกิด

การประเมินการให้นมลูกด้วยคะแนนการเข้าเต้า

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

              การประเมินการให้นมลูกด้วยคะแนนการเข้าเต้า (LATCH score) เกณฑ์การประเมินนี้ใช้ตัวแปรในการประเมิน 5 ตัวแปรคือ การเข้าเต้าหรือการอมหัวนมและลานนม การได้ยินเสียงกลืนน้ำนม ลักษณะของหัวนมของแม่ ความรู้สึกสบายเต้านมและหัวนม ท่าอุ้มลูกหรือการจัดท่าลูกขณะให้นม โดยคะแนนเต็มของเกณฑ์นี้คือ 10 คะแนน ข้อมูลจากการประเมินทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจากมารดาและทารก ผู้ประเมินสามารถทำการประเมินโดยพยาบาลหรือมารดา การแปลผล หากคะแนนการประเมินในทารกอายู 16-24 ชั่วโมงมากกว่า 8 แสดงว่ามีความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน 6 สัปดาห์หลังคลอดสูง1

สำหรับประสิทธิภาพของเกณฑ์นี้ มีการศึกษาถึงคะแนนการเข้าเต้ามีความสัมพันธ์กับระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ 6 สัปดาห์และใช้ติดตามช่วยเหลือมารดาที่หยุดนมแม่ในระยะแรกจากการเจ็บเต้านม2 และมีการประเมินความสัมพันธ์ในการให้คะแนนการเข้าเต้าของบุคลากรทางการแพทย์กับมารดาพบว่ามีค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ตั้งแต่ 0.18 ในการประเมินการได้ยินเสียงทารกกลืนน้ำนมถึง 0.67 ในการประเมินการเข้าเต้าหรือการอมหัวนมและลานนม3 มีการศึกษาถึงความสอดคล้องกันของคะแนนการเข้าเต้ากับการประเมินการให้นมลูกโดยวิธีอื่น ได้แก่ Mother-baby assessment และ Infant breastfeeding assessment tool พบว่าเกณฑ์การประเมินทั้งสามนี้มีความสอดคล้องกันในการประเมินการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่4

ในประเทศไทยมีความนิยมในการใช้คะแนนการเข้าเต้าในการประเมินการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งมีการศึกษาพบว่ามีความตรง (validity) เท่ากับ 0.90 และมีค่าความเที่ยง (reliability) เท่ากับ 0.955 อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของคะแนนการเข้าเต้ากับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวนทั้งสิ้น 3065 ราย โดยประเมินคะแนน LATCH ในช่วงวันแรกหลังคลอดและเก็บข้อมูลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในวันที่ 2, 7, 14, 45 และในเดือนที่ 2, 4 และเดือนที่ 6 หลังคลอดมาวิเคราะห์โดยจะใช้คะแนนการเข้าเต้าเพื่อการทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว พบว่า คะแนนการเข้าเต้าสามารถใช้ทำนายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวได้เฉพาะในช่วงแรกหลังคลอดเท่านั้น6 เกณฑ์การประเมินคะแนนการเข้าเต้าแสดงในรูป7

เอกสารอ้างอิง

  1. Kumar SP, Mooney R, Wieser LJ, Havstad S. The LATCH scoring system and prediction of breastfeeding duration. J Hum Lact 2006;22:391-7.
  2. Riordan J, Bibb D, Miller M, Rawlins T. Predicting breastfeeding duration using the LATCH breastfeeding assessment tool. J Hum Lact 2001;17:20-3.
  3. Adams D, Hewell S. Maternal and professional assessment of breastfeeding. J Hum Lact 1997;13:279-83.
  4. Altuntas N, Turkyilmaz C, Yildiz H, et al. Validity and reliability of the infant breastfeeding assessment tool, the mother baby assessment tool, and the LATCH scoring system. Breastfeed Med 2014;9:191-5.
  5. Baiya N, Ketsuwan S, Pachaiyapoom N, Puapornpong P. Mother’s knowledge, latch score and satisfaction after development support service in HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn Medical Center. J Med Health sci 2013;20:17-23.
  6. Puapornpong P, Raungrongmorakot K, Hamontri S, Ketsuwan S, Wongin S. Latch score and exclusive breastfeeding during the first six months postpartum. J Med Health Sci 2016;23:8-14.
  7. กุสุมา ชูศิลป์. การประเมินทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่. ใน: ศุภวิทย์ มุตตามระ, กุสุมา ชูศิลป์, อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ, วราภรณ์ แสงทวีสิน, ยุพยง แห่งเชาวนิช, บรรณาธิการ. ตำราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ ไอยรา จำกัด; 2555:163-71.

 

 

 

 

ทำอย่างไรให้มารดามีน้ำนมเพียงพอสำหรับทารก

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               โดยทั่วไปมารดาส่วนใหญ่จะมีน้ำนมเพียงพอสำหรับทารก อย่างไรก็ตาม ในมารดาที่มีความเสี่ยงที่จะปริมาณน้ำนมน้อยหรือมีความวิตกกังวล อาจปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้ เพื่อช่วยให้การสร้างน้ำนมมาเร็วและมีการสร้างน้ำนมปริมาณมากพอ คือ

  • การช่วยให้ทารกได้กินนมแม่ทันทีหลังคลอด โดยหากทารกไม่สามารถดูดนมจากเต้าได้ การบีบน้ำนมด้วยมือสามารถจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมได้1
  • การให้ทารกได้รับการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอดบุตร นานอย่างน้อย 1 ชั่วโมง จะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม1
  • การให้ทารกอ้าปากอมหัวนมและลานนมหรือเข้าเต้าได้ถูกต้อง ไม่ใช้จุกนมเทียมหรือหัวนมหลอกซึ่งอาจทำให้ทารกสับสนในลักษณะของการดูดและอาจไปลดการกระตุ้นการสร้างน้ำนม
  • การให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียว โดยไม่ให้อาหารอื่นหรือน้ำ
  • การให้ลูกกินนมบ่อย ๆ ตามความต้องการของลูก เริ่มตั้งแต่ระยะที่เป็นหัวน้ำนม ปกติการให้ลูกกินนมจะให้ทุก 2-3 ชั่วโมง โดยระยะเวลาในการให้นมให้ตามความต้องการของลูกเช่นกัน2 สำหรับมารดาที่ให้นมห่างมากกว่า 3 ชั่วโมงก่อนการกลับจากโรงพยาบาลสัมพันธ์กับการหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ 2 เดือนหลังคลอด3
  • การให้ลูกกินนมในช่วงกลางคืน เนื่องจากฮอร์โมนโปรแลคตินที่ช่วยในการสร้างน้ำนมจะมีปริมาณสูง

เอกสารอ้างอิง

  1. Morton J, Hall JY, Pessl M. Five steps to improve bedside breastfeeding care. Nurs Womens Health 2013;17:478-88.
  2. Kent JC, Mitoulas LR, Cregan MD, Ramsay DT, Doherty DA, Hartmann PE. Volume and frequency of breastfeedings and fat content of breast milk throughout the day. Pediatrics 2006;117:e387-95.
  3. Plewma P. Prevalence and factors influencing exclusive breast-feeding in Rajavithi Hospital. J Med Assoc Thai 2013;96 Suppl 3:S94-9.

 

 

การให้ทารกใช้จุกนมหลอก ดีหรือไม่ดีอย่างไร

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               โดยทั่วไปการใช้หัวนมหลอก (pacifier) จะลดเวลาการดูดนมของทารกจากเต้า ซึ่งจะลดการกระตุ้นเต้านมและลดการทำให้น้ำนมเกลี้ยงเต้า ทำให้มีผลต่อการกระบวนการการสร้างนมแม่ และมีความสัมพันธ์กับระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่สั้นกว่า1 พร้อมทั้งมีการพบการใช้หัวนมหลอกสูงขึ้นในมารดาที่ตั้งใจจะหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2,3 และพบว่าการใช้หัวนมหลอกก่อนทารกมีอายุ 14 เดือนจะสัมพันธ์กับการติดการดูดนิ้วในทารกสูงถึง 8.62 เท่า (95%CI=2.56-29.04)4 อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาพบว่า การใช้หัวนมหลอกในทารกคลอดก่อนกำหนดอาจมีประโยชน์ในการฝึกทักษะการดูดนมของทารกและลดระยะการปรับตัวในการที่ทารกจะเปลี่ยนไปดูดนมแม่จากเต้าได้5

เอกสารอ้างอิง

  1. Z MS, S J, J KN, M NB, A T. Pacifier Use and its Association with Breastfeeding and Acute Respiratory Infection (ARI) in Children Below 2 Years Old. Med J Malaysia 2013;68:125-8.
  2. Feldens CA, Ardenghi TM, Cruz LN, Scalco GP, Vitolo MR. Advising mothers about breastfeeding and weaning reduced pacifier use in the first year of life: a randomized trial. Community Dent Oral Epidemiol 2013;41:317-26.
  3. Goldman RD. Pacifier use in the first month of life. Can Fam Physician 2013;59:499-500.
  4. Fukumoto E, Fukumoto S, Kawasaki K, et al. Cessation age of breast-feeding and pacifier use is associated with persistent finger-sucking. Pediatr Dent 2013;35:506-9.
  5. Kaya V, Aytekin A. Effects of pacifier use on transition to full breastfeeding and sucking skills in preterm infants: a randomised controlled trial. J Clin Nurs 2017;26:2055-63.

การดูดนมจากจุกนมเทียม

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                   การที่ทารกดูดจุกนมเทียมหรือจุกนมของขวดนม จะทำให้ทารกดูดนมแม่ได้ยากขึ้นได้ เนื่องจากลักษณะการดูดนมแม่จากเต้านมและการดูดนมจากจุกนมเทียมมีความแตกต่างกัน1 โดยการดูดนมจากจุกนมเทียมทารกไม่ได้แลบลิ้นออกมาเพื่อประกบกับจุกนมเทียมและไม่ได้ใช้ลิ้นกดจุกนมเทียมเหมือนในกรณีที่ดูดนมจากเต้านมมารดา ซึ่งทารกต้องใช้ลิ้นกดบริเวณลานนมเพื่อช่วยไล่น้ำนมจากท่อน้ำนมมาที่หัวนม นอกจากนี้ นมจากรูของจุกนมเทียมจะใหญ่ ทำให้นมในขวดนมที่ใส่จุกนมเทียมนั้นไหลได้ง่ายกว่าการดูดจากเต้านมแม่ ทำให้ทารกแทบไม่ต้องออกแรงดูด ทารกที่มีการเริ่มดูดนมจากจุกนมเทียมจึงอาจมีการสับสนหัวนม (nipple confusion) ซึ่งก็คือเมื่อติดการดูดนมจากจุกนมเทียมแล้ว เมื่อมาดูดนมจากเต้า ทารกจะปฏิบัติตัวไม่ถูก2 ทำให้ดูดนมแม่จากเต้าไม่ออกหรือออกช้า ทารกหงุดหงิด ร้องกวน จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรและมีระยะเวลาที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่สั้น3 กลไกหรือลักษณะการดูดนมจากจุกนมเทียมแสดงดังรูป4

เอกสารอ้างอิง

  1. Batista CLC, Ribeiro VS, Nascimento M, Rodrigues VP. Association between pacifier use and bottle-feeding and unfavorable behaviors during breastfeeding. J Pediatr (Rio J) 2018;94:596-601.
  2. Zimmerman E. Pacifier and bottle nipples: the targets for poor breastfeeding outcomes. J Pediatr (Rio J) 2018;94:571-3.
  3. Martins RFM, Lima A, Ribeiro CCC, Alves CMC, da Silva AAM, Thomaz E. Lower birthweight, shorter breastfeeding and lack of primary health care contributed to higher pacifier use in a birth cohort. Acta Paediatr 2018.
  4. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

 

 

การเข้าเต้าที่ไม่ดี

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

             การเข้าเต้าที่ไม่ดี หรือการประกบปากอมหัวนมและลานนมที่ไม่ดี จะมีลักษณะดังนี้ หัวนมและลานนมไม่ยืดออกเป็นจุก ทำให้ที่อยู่ใต้ลานนมไม่อยู่ในปากทารก และการที่ลิ้นทารกไม่ยื่นออกมาข้างหน้า ยังอยู่ในปาก และไม่กดไล่น้ำนมจากท่อน้ำนมที่อยู่ใต้ลานนม การที่ทารกเข้าเต้าและมีการดูดนมในลักษณะนี้คือการเข้าเต้าที่ไม่ดี ทารกจะดูดเฉพาะหัวนม ซึ่งจะทำให้มารดาเจ็บหัวนม การดูดนมจะไม่มีประสิทธิภาพและทำให้ทารกไม่ได้น้ำนมและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้1 ดังแสดงในรูป2

เอกสารอ้างอิง

  1. Blair A, Cadwell K, Turner-Maffei C, Brimdyr K. The relationship between positioning, the breastfeeding dynamic, the latching process and pain in breastfeeding mothers with sore nipples. Breastfeed Rev 2003;11:5-10.
  2. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.