รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ปัจจุบันมารดาและครอบครัวมักมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพ้นมวัวของทารกจากการที่มารดากินนมวัว ทั้ง ๆ ที่การแพ้นมวัวของทารกจากการที่ทารกกินนมแม่ที่มารดากินนมวัวมีอุบัติการณ์ต่ำ และก็ไม่แนะนำให้มารดาเลิกกินนมวัวเพื่อลดความเสี่ยงหรือป้องกันการแพ้นมวัวของทารก โดยทั่วไปในมารดาที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรมักมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับแคลเซียมที่เพียงพอสำหรับมารดาและทารก ซึ่งแหล่งที่มาของแคลเซียมที่มารดาจะได้รับส่วนใหญ่จะมาจากอาหาร และนมวัวก็เป็นแหล่งอาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณที่สูงและสามารถหาซื้อได้ง่าย จึงมีการรับประทานบ่อยเนื่องจากสะดวกในการเข้าถึง อย่างไรก็ตามมีการศึกษาพบว่า การกินนมแม่อาจจะช่วยลดการแพ้นมวัวในทารกได้จากการศึกษาในหนู เนื่องจากสารในนมวัวที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้จะผ่านระบบภูมิคุ้มกันของมารดา ซึ่งจะกระตุ้นแอนติบอดี (antibody) ในร่างกายของมารดาที่จะผ่านน้ำนมไปช่วยลดอาการแพ้นมวัวในทารกได้1 ข้อมูลนี้นั้นก็เป็นข้อมูลที่ยังสนับสนุนและแนะนำให้มารดากินนมวัวและกินอาหารที่มีความหลากหลายในระหว่างการให้นมบุตร
เอกสารอ้างอิง
1. Adel-Patient K, Bernard H,
Fenaille F, Hazebrouck S, Junot C, Verhasselt V. Prevention of Allergy to a
Major Cow’s Milk Allergen by Breastfeeding in Mice Depends on Maternal Immune
Status and Oral Exposure During Lactation. Front Immunol 2020;11:1545.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
แม้ว่าการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในสถานพยาบาลที่มารดาทำการคลอดบุตรจะเป็นสิ่งที่สำคัญ และจะมีส่วนช่วยในการเตรียมความพร้อมให้มารดา มีโอกาสที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนสำเร็จ แต่ในมารดาที่จะต้องกลับไปทำงานนั้นยังมีปัจจัยที่สำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจและประสพการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงาน คือ ระยะเวลาที่ให้ลาพักหลังคลอดและนโยบายของสถานที่ทำงานในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 ซึ่งก็คือ การมีการจัดสถานที่ดูแลเด็กเล็กในระหว่างวันในที่ทำงาน การเปิดให้มีช่วงเวลาพักที่มารดาสามารถบีบหรือปั๊มนมเก็บให้ลูกได้ การมีอุปกรณ์สนับสนุนการปั๊มและการเก็บรักษาน้ำนม การมีสถานที่ที่เหมาะสมให้มารดาสามารถบีบหรือปั๊มนมเก็บได้ นอกจากนี้การสนับสนุนของบุคคลที่อยู่ใครอบครัวยังทีส่วนช่วยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. Abekah-Nkrumah G, Antwi MY,
Nkrumah J, Gbagbo FY. Examining working mothers’ experience of exclusive
breastfeeding in Ghana. Int Breastfeed J 2020;15:56.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ปัจจุบันสื่อข้อมูลความรู้ทางอินเตอร์เน็ตมีการเข้าถึงและใช้กันแพร่หลาย โดยพบว่ามีการเรียนรู้และใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ช่วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากในประเทศแคนาดา1 สำหรับในประเทศไทย การเข้าโทรศัพท์มือถือราวร้อยละ 80 ดังนั้น โอกาสที่จะเข้าถึงข้อมูลความรู้ในเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การเตรียมข้อมูลที่จะช่วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีเพียงพอกับความต้องการของมารดาและครอบครัว มีความทันสมัย และใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมกันนั้นควรมีการพัฒนาให้มารดาและคนในสังคมมีความสามารถในการคิดพิจารณาความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการที่จะรองรับจำนวนข้อมูลที่มากมายและหลากหลายในอินเตอร์เน็ต และสามารถนำสิ่งที่ได้มีใช้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุด
เอกสารอ้างอิง
1. Abbass-Dick J, Sun W, Newport A,
Xie F, Godfrey D, Goodman WM. The comparison of access to an eHealth resource
to current practice on mother and co-parent teamwork and breastfeeding rates: A
randomized controlled trial. Midwifery 2020;90:102812.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด 19 จะมีข่าวเกี่ยวกับการที่มารดาหรือครอบครัวขาดรายได้ มีการลักขโมยนมผง และข่าวที่ตามมาคือมีการขอรับบริจาคนมผง ซึ่งหากพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว การอ้างว่าขาดรายได้ ไม่มีเงินที่จะไปซื้อนมผงให้ลูก ทำให้ต้องไปลักขโมยนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากการให้ข้อมูลในปัจจุบันในโรงพยาบาลที่มารดาไปฝากครรภ์หรือคลอดบุตรจะมีการแนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมารดาและทารกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยังประหยัด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผงที่จะเป็นภาระอย่างมากต่อครอบครัว (เฉลี่ยค่านมผงจะประมาณ 4000-8000 บาทต่อเดือน) โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ที่จะมีการตกต่ำของเศรษฐกิจและมีคนว่างงานที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการรับบริจาคหรือขอรับบริจาคนมผงนั้น ก็ไม่สมควร เช่นกัน เนื่องจากการนำนมผงที่บริจาคมีใช้จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดกับทารกได้ เพราะการที่ทารกเดิมเคยได้รับนมแม่และหากมีการใช้นมผง จะทำให้นมแม่ลดลง เมื่อนมที่บริจาคหมดลง จึงเป็นภาระของมารดาและครอบครัวที่จะต้องซื้อนมผงต่อไป นอกจากนี้ นมที่บริจาคมาอาจมีชนิดของนมที่ไม่ตรงกับความต้องการของทารก ขาดฉลากอธิบายวิธีการใช้หรือคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ นมใกล้จะหมดอายุ และปริมาณที่ให้มีจำกัด พร้อมกันนี้มารดาต้องมีความพร้อมในการจัดหาน้ำสะอาดมาเพื่อใช้ในการชงนม ทำให้การรับบริจาคนมผงมาจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหรือผลเสียแก่ทารกมากกว่า1 ยิ่งถ้าเป็นการขอรับบริจาคนมผงจากภาครัฐ ยิ่งแสดงว่าผู้ที่ขอรับบริจาคขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาหารทารกและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากนี้ การบริจาคนมผงยังอาจมีความผิดทางกฎหมายของ พรบ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. WHO Frequently Asked Questions :
Breastfeeding and COVID-19 For health care workers. J Hum Lact 2020;36:392-6.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
แม้ว่าการแนะนำการป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 โดยทั่วไปคือ การสวมหน้ากากอนามัย ดูแลสุขอนามัยโดยการล้างมือบ่อย ๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม แล้วทำไมจึงมีการแนะนำให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพราะมารดาและทารกจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว ขณะที่ทารกกินนมแม่ เหตุผลก็เนื่องจากประโยชน์ที่มารดาและทารกจะได้จากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อโควิด 19 และความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับนมผงที่ไม่มีความเหมาะสม ไม่สะอาด และมีปริมาณที่ไม่เพียงพอ1 ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้จะสร้างผลเสียและเกิดอันตรายกับทารกมากกว่า โดยข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลกตัดสินใจอยู่บนหลักพื้นฐานทางการแพทย์ที่ยึดประโยชน์มากกว่าผลเสียที่จะได้รับนั่นเอง
เอกสารอ้างอิง
1. WHO Frequently Asked Questions :
Breastfeeding and COVID-19 For health care workers. J Hum Lact 2020;36:392-6.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)