รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? มะเร็งเต้านมยังเป็นมะเร็งที่ทำให้สตรีเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งรวมทั้งในประทศไทย ซึ่งการตรวจคัดกรองเบื้องต้นใช้การตรวจคลำเต้านมด้วยตนเอง หากสงสัยถึงความผิดปกติต้องมารับตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมจากแพทย์ มีการใช้การตรวจเอ็กซเรย์เต้านมในการคัดกรองมะเร็งเต้านมเมื่อสตรีอายุตั้งแต่ 40-45 แต่ความคุ้มค่าของการตรวจคัดกรองยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบพบว่า การให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึงร้อยละ 28 นอกจากนี้ในมารดาที่เคยให้นมลูกไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็มีส่วนป้องกันมะเร็งเต้านมด้วย 1 ดังนั้น การลดการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมของสตรี การป้องกันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และการป้องกันที่ปฏิบัติได้ง่ายและมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านทั้งต่อตัวสตรีเองและบุตร คือ ?การให้ลูกอย่างน้อยได้กินนมแม่?
เอกสารอ้างอิง
Unar-Munguia M, Torres-Mejia G, Colchero MA, Gonzalez de Cosio T. Breastfeeding Mode and Risk of Breast Cancer: A Dose-Response Meta-Analysis. J Hum Lact 2017;33:422-34.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? ในกรุงเทพมหานครที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย การปรับเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย รวมทั้งโครงสร้างของครอบครัวก็มีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากชุมชนในชนบท การที่มีที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเมนต์ สิ่งนี้ส่งผลต่อโครงสร้างของครอบครัวที่จะเป็นครอบครอบเดี่ยวหรือครอบครัวที่รวมอยู่ร่วมกันหลายครอบครัว ซึ่งจะมีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหลังคลอดเมื่อมารดากลับบ้านและเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน มีการศึกษาถึงปัจจัยเรื่องลักษณะของที่อยู่อาศัยและลักษณะของโครงสร้างของครอบครัวซึ่งพบว่ามีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในชุมชนแออัดในสังคมเมือง 1 ดังนั้น การที่จะให้การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเขตพื้นที่ใด ควรมีการศึกษาให้ละเอียดถึงปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเขตพื้นที่นั้น ๆ เพื่อการวางแผนการสนับสนุนจะได้ทำได้อย่างเหมาะสมและแนะนำในสิ่งที่เป็นไปได้
เอกสารอ้างอิง
Velusamy V, Premkumar PS, Kang G. Exclusive breastfeeding practices among mothers in urban slum settlements: pooled analysis from three prospective birth cohort studies in South India. Int Breastfeed J 2017;12:35.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? หลังคลอด กระบวนการในการเริ่มต้นการกระตุ้นให้น้ำนมมาและเป็นการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กระบวนการแรกคือ การนำทารกมาอยู่บนอกมารดา โอบกอดสัมผัสเนื้อแนบเนื้อ ซึ่งหลังจากนำทารกมาไว้บนอกมารดาแล้ว ต้องให้เวลาเพื่อให้ทารกได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่แตกต่างจากการอยู่ในครรภ์มารดา ทารกจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับใน 9 ขั้นตอน คือ ร้องไห้ ผ่อนคลาย ตื่นตัว ขยับเคลื่อนไหว พัก คืบคลาน คุ้นเคย ดูดนม และหลับ ซึ่งกว่าทารกจะเริ่มดูดนมต้องอยู่บนอกมารดาราว 1 ชั่วโมง ในกระบวนการนี้มีประโยชน์หลายอย่าง โดยช่วยรักษาอุณหภูมิทารกให้คงที่ ป้องกันทารกตัวเย็น ทำให้ทารกผ่อนคลาน และการสัมผัสกระตุ้นระบบการสื่อประสาทของทารกให้เป็นระบบที่ดีที่ช่วยในการพัฒนาการของทารกเมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้น กระตุ้นสายสัมพันธ์ของมารดาและทารก กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนแห่งความรักคือออกซิโทซิน ซึ่งจะช่วยให้การหลั่งน้ำนมเกิดได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็วตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาถึงผลของการโอบกอดสัมผัสทารกเนื้อแนบเนื้อว่ามีผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะหลังคลอดในช่วงสามเดือนหรือไม่ พบว่าทารกที่ได้รับการโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดจะได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวสูงกว่าทารกที่ไม่ได้รับการโอบกอดเนื้อแนบเนื้อในช่วงสามเดือนแรก 1 สิ่งนี้บ่งบอกว่า กลไกการโอบกอดเนื้อแนบเนื้ออาจจะช่วยสานสัมพันธ์ของแม่กับลูก ช่วยกระตุ้นน้ำนม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อการที่มารดาที่คงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องและยาวนานยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลมากขึ้นต่อการตัดสินใจที่จะคงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวต่อไปหรือไม่ ซึ่งปัจจัยที่สำคัญที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคที่มารดาที่เผชิญคือ การกลับไปทำงานของมารดา ที่ต้องการการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมจากบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเตรียมพร้อมให้กับมารดาและบุตร
เอกสารอ้างอิง
Vila-Candel R, Duke K, Soriano-Vidal FJ, Castro-Sanchez E. Effect of Early Skin-to-Skin Mother-Infant Contact in the Maintenance of Exclusive Breastfeeding. J Hum Lact 2017:890334416676469.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????? การหยุดหายใจขณะหลับนั้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลายอย่าง รวมทั้งการเกิดความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ นอกจากนี้ยังทำให้บุคคลที่มีการหยุดหายใจขณะหลับมีอาการอ่อนเพลีย ขาดสมาธิ และทำงานขาดประสิทธิภาพ ซึ่งการอุบัติการณ์ของการเกิดการหยุดหายใจขณะหลับนั้นพบเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมาก และในกลุ่มที่มีดัชนีมวลกายสูงหรือมีภาวะอ้วน มีการศึกษาว่า การให้ทารกได้กินนมแม่จะช่วยให้การพัฒนาการของช่องเพดานปากและช่องทางเดินหายใจในจมูกเจริญเติบโตมีระยะห่างที่ปกติ ทำให้มีผลในการป้องกันการเกิดการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งจะแตกต่างจากทารกที่กินนมจากขวด การพัฒนาการของช่องเพดานปากและทางเดินหายใจในจมูกจะลดลง ทำให้ทารกหายใจทางช่องปาก และมีโอกาสที่จะพบการหยุดหายใจขณะหลับสูงขึ้น นอกจากนี้ยังพบทารกที่กินนมขวดมีช่องคอหอยแคบกว่า ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดการหยุดหายใจขณะหลับเมื่อทารกเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่1
เอกสารอ้างอิง
Vinha PP, de Mello-Filho FV. Evidence of a Preventive Effect of Breastfeeding on Obstructive Sleep Apnea in Children and Adults. J Hum Lact 2017;33:448-53.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
? ? ? ? ? ? ? ?โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือ Multiple sclerosis เป็นโรคที่พบได้ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ โดยอาการที่พบจะมีอาการของการอักเสบของเส้นประสาทหรือการเสื่อมของเส้นประสาทซึ่งเป็นผลจากภูมิคุ้มกันที่ต่อต้านตนเอง ได้แก่ ความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น การเสียสมดุลในการทรงตัว อาจพบมีการเดินที่ผิดปกติ อ่อนเพลีย ?เวียนศีรษะ ?เหนื่อย หมดแรง การควบคุมกระ เพาะปัสสาวะ ผิดปกติ?กล้ามเนื้อ เกร็ง มีอาการสั่น ?มีความผิดปกติในการพูด การกลืน มีความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องผูก หรือท้องเสีย เรื้อรัง ในระบบสืบพันธุ์อาจพบอาการของการมีบุตรยากหรือพบว่ามีความรู้สึกทางเพศลดลง และพบความเสื่อมของความทรงจำ ซึ่ ง หากมารดาตั้งครรภ์ได้ ในระหว่างการตั้งครรภ์โดยเฉพาะในไตรมาสที่สาม อาการของโรคมักจะดีขึ้นถึงร้อยละ 70 เนื่องจากการตั้งครรภ์จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน1 แต่หลังคลอดอาการที่กลับมาเป็นเพิ่มเหมือนกับก่อนการตั้งครรภ์ซึ่งต้องมีการใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ การให้นมแม่ในระยะหลังคลอดสามารถทำได้ แต่ปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดที่สำคัญว่าจะพิจารณาให้มารดาให้นมลูกหรือไม่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและตัวยาที่ต้องเลือกใช้ในขณะที่อาการกำเริบ ซึ่งมารดาควรปรึกษาแพทย์ว่าระหว่างการรักษาด้วยยาแต่ละชนิดมีผลต่อการให้นมลูกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การแม้โรคนี้จะมีปัจจัยในเรื่องพันธุกรรมแต่พบความเสี่ยงที่เกิดในลูกต่ำ และการให้นมแม่นั้นไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มขึ้น แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากตัวยาที่มารดาได้รับระหว่างการรักษามากกว่า
เอกสารอ้างอิง
Voskuhl R, Momtazee C. Pregnancy: Effect on Multiple Sclerosis, Treatment Considerations, and Breastfeeding. Neurotherapeutics 2017.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)