คลังเก็บหมวดหมู่: การดูแลสุขภาพหลังคลอด

การดูแลสุขภาพหลังคลอด

มีก้อนที่เต้านมขณะให้นมบุตร อันตรายไหม

IMG_0931

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ?ระยะหลังคลอดในขณะให้นมบุตร หากมารดาตรวจพบก้อนที่เต้านม โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการตรวจพบมาก่อน สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ ก้อนจากการอุดตันของท่อน้ำนม (plugged duct) หรือเป็นก้อนที่เกิดจากน้ำนมขังเป็นถุง (galactocele) กรณีที่มารดามีไข้ร่วมด้วย อาจเกิดจากเต้านมอักเสบหรือฝีที่เต้านม

? ? ? ? ? ?กรณีที่เป็นก้อนจากการอุดตันของท่อน้ำนม การดูแลรักษาทำโดยการประคบร้อนก่อนการให้นมหรือการปั๊มนม ร่วมกับทำการนวดตรงบริเวณก้อน กดนวดไล่ตรงบริเวณที่เป็นก้อนไปในทิศทางของหัวนม โดยการทำการกดนวดขณะที่ทารกดูดนมหรือขณะปั๊มนม แนะนำมารดาให้ใส่เสื้อชั้นในที่เหมาะสม ไม่แน่นหรือกดทับขัดขวางการไหลของน้ำนมในท่อน้ำนม สำหรับการให้เลคซิตินจากถั่วเหลือง (soy lecithin) เพื่อช่วยลดการเกิดการอุดตันของท่อน้ำนม ยังไม่มีรายงานการวิจัยยืนยันผลในการรักษา กรณีที่มารดาได้รับการกระแทกบริเวณเต้านมจนเกิดรอยช้ำเขียว ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการอุดตันของไหลของน้ำนมได้ การรักษาก็ใช้การประคบร้อนและการกดนวดเช่นกัน เพื่อให้ก้อนเลือดที่จับตัวเป็นก้อนมีการดูดซึมเร็วขึ้น เมื่ออาการช้ำเขียวดีขึ้น การไหลของน้ำนมก็จะกลับเป็นปกติ

? ? ? ? ? ?นอกจากนี้ สาเหตุของก้อนที่เต้านมอาจเกิดจากก้อนจากการอักเสบของเต้านมหรือฝีที่เต้านม ซึ่งมักตรวจพบว่ามารดาจะมีอาการไข้ร่วมด้วย สำหรับสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ก้อนเนื้องอกหรือก้อนถุงน้ำชนิดที่ไม่ใช่เนื้อร้าย (fibroadenoma, papilloma หรือ fibrocystic disease) ก้อนไขมัน (lipoma) หรือที่พบได้น้อยแต่ต้องระมัดระวังคือ ก้อนจากมะเร็งเต้านม ซึ่งพบราวร้อยละ 3 ที่ให้การวินิจฉัยได้ระหว่างการตั้งครรภ์หรือการให้นมบุตร ดังนั้น ในกรณีที่ให้การรักษาในสาเหตุที่พบบ่อยแล้วไม่ดีขึ้น ควรระมัดระวังว่าอาจเป็นก้อนเนื้องอกหรือเนื้อร้ายที่ต้องการการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.

มารดาดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างให้นมบุตร ได้หรือไม่

alcohol drinking3

??????????????? รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ในช่วงเทศกาลหรือมีการเลี้ยงฉลองในวาระต่างๆ อาจมีการเลี้ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คำถามที่มักถูกถามคือ มารดาดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ แอลกอฮอล์จะดูดซึมได้เร็วจากทางเดินอาหารและผ่านไปสู่น้ำนมได้ดี โดยระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมารดาจะใกล้เคียงกับระดับแอลกอฮอล์ในน้ำนม ดังนั้น การที่มารดามีอาการเมา และให้ลูกกินนม? ลูกจะได้รับน้ำนมที่มีแอลกอฮอล์ในระดับที่สูง คือ ลูกก็จะเมาด้วย การหลีกเลี่ยงที่ทำได้คือเว้นระยะของการให้นมบุตรให้ห่างออกไป ให้ร่างกายมารดากำจัดแอลกอฮอล์ไปเสียก่อน โดยหากมารดาดื่มไวน์ขนาดที่รินเสริ์ฟปกติหรือไม่เกินครึ่งแก้วไวน์ (150 มิลลิลิตร) หรือดื่มเบียร์ไม่เกินหนึ่งกระป๋องเล็ก (360 มิลลิลิตร) หรือดื่มค็อกเทลที่ผสมเหล้า 40 ดีกรีไม่เกิน 1 เป็กครึ่ง (45 มิลลิลิตร) ร่างกายจะกำจัดแอลกอฮอล์ออกได้ และสามารถให้นมลูกโดยปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ มารดาควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างการให้นมบุตร ซึ่งจะทำให้ไม่ได้ไม่ต้องมาวิตกกังวลว่าต้องเว้นระยะการให้นมลูกนานเท่าไหร่ และไม่ต้องวิตกกังวลว่าลูกจะได้รับแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหนด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.

ทารกกัดหัวนม แก้ไขอย่างไร

latching2-1-o

??????????????? รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? การที่ทารกกัดหัวนมมักจะเกิดขณะที่เริ่มต้นการกินนมและขณะที่กินนมเสร็จแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทารกกัดหัวนมขณะที่เริ่มกินนมเกิดจากการที่มีการป้อนนมในช่วงที่ทารกไม่หิวหรือยังไม่ต้องการกินนม การแก้ไขควรให้นมทารกเมื่อทารกหิว ซึ่งมารดาต้องสังเกตอาการของทารกหิวได้และให้นมเมื่อทารกต้องการ กรณีที่ทารกกัดหัวนมเมื่อกินนมเสร็จแล้วเกิดจากการที่ทารกอิ่มและไม่ต้องการกินนมแล้ว การแก้ไขคือ มารดาจำเป็นต้องสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าทารกอิ่ม โดยเมื่อทารกอิ่มแล้ว ต้องขยับทารกออกจากเต้านม จะเห็นว่าหลักการที่จะช่วยป้องกันการกัดหัวนมของทารกคือ การให้นมตามความต้องการของทารก ซึ่งจะทำให้ทารกไม่ประท้วงการกินนมโดยการกัดหัวนม ในกรณีที่ทารกกินหัวนมจนเป็นแผล ต้องระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ ได้แก่ เต้านมอักเสบและฝีที่เต้านมด้วย

? ? ? ? ? ? อย่างไรก็ตาม บางครั้งในกรณีที่เริ่มมีฟันขึ้น ทารกอาจจะหมั่นเขี้ยว ซึ่งทำให้ทารกกัดหัวนมได้เช่นเดียวกัน แต่หลักการในการดูแลทารกก็ยังใช้หลักการเดียวกัน คือ ?ให้ทารกกินตามความต้องการเมื่อทารกหิวและหยุดให้เมื่อทารกอิ่ม? ซึ่งจะแก้ไขปัญหาทารกกัดหัวนมได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.

 

อาการท้องผูกในทารกที่กินนมแม่

IMG_1036

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ?ปกติในทารกที่กินนมแม่จะไม่ค่อยพบว่ามีอาการท้องผูกในทารก เนื่องจากในนมแม่จะมีสารที่ช่วยในการระบายซึ่งจะทำให้ทารกถ่ายได้ง่าย แต่อาการท้องผูกในทารกที่กินนมแม่อาจพบในทารกที่อายุมากกว่าหนึ่งเดือน ในทารกที่ได้รับนมผสมหรือในทารกที่เริ่มอาหารเสริม ซึ่งอาจจะเกิดจากการกินนมแม่ได้แต่พบน้อย ส่วนใหญ่มักเป็นจากการกินนมผสมหรืออาหารที่ทารกได้เสริมที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก การปรับเปลี่ยนลักษณะการชงนมผสม และชนิดของอาหารเสริมจะสามารถลดอาการท้องผูกได้

? ? ? ? ? อย่างไรก็ตาม ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่พบอาการท้องผูกในทารกที่กินนมแม่ ได้แก่ ทารกที่มีความผิดปกติของทางเดินอาหารแต่กำเนิด โรค Hirschsprung ภาวะไทรอยด์ต่ำ การติดเชื้อโบทิลิซึ่ม (botulism) ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ มารดาควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้รักษาและได้รับคำแนะนำสำหรับการแก้ไขที่เหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.

 

น้ำนมเป็นสีชมพูเกิดจากอะไร

00025-1-1-l-small

??????????????? รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ?น้ำนมสีชมพูเกิดจากการมีเลือดปนออกมากับน้ำนม มักเป็นในช่วงแรกๆ ที่มีเต้านมคัด การบีบน้ำนมหรือปั๊มนมที่รุนแรงก็อาจทำให้เกิดน้ำนมสีชมพูได้ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า rusty-pipe syndrome แต่ในภาษาไทยอยากจะใช้คำว่า ?เลือดในอกที่ออกมาปนกับน้ำนมมารดา? ไม่มีอันตรายอะไรจากการที่ทารกกินน้ำนมสีชมพูนี้ โดยทั่วไป น้ำนมสีชมพูจะหายไปเองในหนึ่งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การที่น้ำนมสีชมพูหรือปนเลือดจะทำให้มารดาวิตกกังวลและเป็นสาเหตุที่ทำให้หยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนที่ควรจะเป็นได้ ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ควรให้คำแนะนำให้มารดาปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมเพื่อให้มารดาสามารถประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดังหวังได้

? ? ? ? ? ?สำหรับสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้น้ำนมมีเลือดปน อาจเกิดจากมารดามีหัวนมแตกหรือเต้านมอักเสบ ซึ่งมารดาจะมีอาการเจ็บหัวนมหรือเต้านมร่วมด้วย นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการกินยาคุมกำเนิดและยาช่วยนอนหลับบางตัว?และในกรณีที่เป็นนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ยังไม่หาย อาจเกิดจากเนื้องอกในท่อน้ำนม (intraductal papilloma) หรือมะเร็งได้ ซึ่งมารดาควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้รักษาและแนะนำวิธีการให้นมแม่ที่ถูกต้องและเหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

  1. Bunik M. Breastfeeding telephone triage and advice. 2nd The American Academy of Pediatrics 2016.