รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
มารดาที่มีความเสี่ยงที่จะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระยะฝากครรภ์และในระหว่างการคลอด
เมื่อมาคลอด
ควรมีการกระตุ้นให้มารดาโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อและเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
และเมื่อมารดาและทารกย้ายไปที่หอผู้ป่วยหลังคลอด หรือในมารดาและทารกที่มีความเสี่ยงในระยะแรกหลังคลอด
ควรมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้
จัดให้มารดาอยู่ร่วมกันกับทารกตลอด
24 ชั่วโมง สอนและฝึกให้มารดาบีบน้ำนมด้วยมือ
เข้าเต้า และจัดท่าให้นมลูก จัดบุคลากรที่มีทักษะในการประเมินและให้คำแนะนำในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เยี่ยมมารดาและทารกทุก
8 ชั่วโมง นัดติดตามมารดาและทารกหลังจากได้รับอนุญาตให้กลับบ้านในช่วง
3-5 วันที่คลินิกนมแม่
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
เกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระยะแรกหลังคลอด1 ,2
มารดาที่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยกว่า
3 เดือน มารดาที่วางแผนจะให้นมผงดัดแปลงสำหรับทารกก่อน
3 เดือน มารดาที่ต้องกลับไปทำงานเร็วก่อน
3 เดือน มารดาที่รู้สึกมีน้ำนมไม่เพียงพอ มารดาที่เจ็บหัวนมหรือมีหัวนมหลังทารกดูดนมแบน มารดาที่มีน้ำนมมาช้าเกิน
72 ชั่วโมงหลังคลอด มารดาที่ไม่สามารถจะบีบหัวน้ำนมด้วยมือ มารดาที่ได้รับยาแก้ปวดในกลุ่มมอร์ฟีนในระยะหลังคลอด ทารกที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย ทารกครรภ์แฝด ทารกที่มีความผิดปกติของกายวิภาคในช่องปาก
ได้แก่ ทารกที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ ลิ้นใหญ่คับปาก คางเล็ก
และทารกที่มีภาวะลิ้นติด ทารกที่มีความผิดปกติของระบบประสาท
ได้แก่ กลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (hypertonia)
หรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
(hypotonia) ทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน
ได้แก่ น้ำตาลในเลือดต่ำ มีภาวะตัวเหลือง หายใจเร็ว มีภาะขาดออกซิเจนในครรภ์
มีการติดเชื้อ หรือมีการบาดเจ็บระหว่างการคลอด ทารกที่มีอาการง่วงหลับต่อเนื่อง ทารกที่มีการเข้าเต้าที่ยากลำบาก ทารกที่ดูดนมไม่ต่อเนื่องหรือไม่มีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
1. Feldman-Winter L, Kellams A, Peter-Wohl S,
et al. Evidence-Based Updates on the First Week of Exclusive Breastfeeding
Among Infants >/=35 Weeks. Pediatrics 2020;145.
2. Puapornpong P, Paritakul P, Suksamarnwong M, Srisuwan S, Ketsuwan S. Nipple Pain Incidence, the Predisposing Factors, the Recovery Period After Care Management, and the Exclusive Breastfeeding Outcome. Breastfeed Med 2017;12:169-73.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
เกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระหว่างการคลอด1 ,2
ข้อมูลในระหว่างการคลอด
มารดาที่มีการคลอดที่เนิ่นนาน
(ครรภ์แรก ≥ 20
ชั่วโมง และครรภ์หลัง ≥ 14
ชั่วโมง) มารดาที่มีการกระตุ้นหรือชักนำการคลอดนาน (≥ 14 ชั่วโมง) มารดาที่มีการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มมอร์ฟีนในระหว่างการคลอด มารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการคลอด
ได้แก่ โรคเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ โรคความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (gestational
hypertension) ครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia) มารดาที่มีการติดเชื้อโดยเฉพาะเป็นการติดเชื้อของรกและถุงน้ำคร่ำ
และมารดาที่มีการตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลทารกจากการประเมินเบื้องต้น
ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย ทารกครรภ์แฝด ทารกที่มีความผิดปกติของกายวิภาคในช่องปาก
ได้แก่ ทารกที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ ลิ้นใหญ่คับปาก คางเล็ก และทารกที่มีภาวะลิ้นติด ทารกที่มีความผิดปกติของระบบประสาท
ได้แก่ กลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (hypertonia)
หรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
(hypotonia) ทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน
ได้แก่ น้ำตาลในเลือดต่ำ มีภาวะตัวเหลือง หายใจเร็ว มีภาะขาดออกซิเจนในครรภ์
มีการติดเชื้อ หรือมีการบาดเจ็บระหว่างการคลอด
เอกสารอ้างอิง
1. Feldman-Winter L, Kellams A, Peter-Wohl S,
et al. Evidence-Based Updates on the First Week of Exclusive Breastfeeding
Among Infants >/=35 Weeks. Pediatrics 2020;145.
2. Puapornpong P, Raungrongmorakot K, Mahasitthiwat V, Ketsuwan S. Comparisons of the latching on between newborns with tongue-tie and normal newborns. J Med Assoc Thai 2014;97:255-9.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
เกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในคลินิกฝากครรภ์ 1 , 2
ข้อมูลสุขภาพและประวัติทั่วไปของมารดา
มารดาวัยรุ่น
(มารดาที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเมื่อคิดอายุจนถึงวันกำหนดคลอด) มารดาที่อายุมาก
(มารดาที่อายุมากกว่า 40 ปีเมื่อคิดอายุจนถึงวันกำหนดคลอด) มารดาที่มีหัวนมบอด
หัวนมแบน หรือหัวนมสั้น (ความยาวหัวนมสั้นกว่า 0.5 เซนติเมตร) มารดาที่อ้วน
(ดัชนีมวลกายตั้งแต่ 27 kg/m2 ) มารดาที่สูบบุหรี่ มารดาที่มีโรคประจำตัวที่จะส่งผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
กลุ่มอาการถุงน้ำมากในรังไข่ (polycystic ovarian syndrome) เป็นต้น มารดาที่มีประวัติการผ่าตัดเต้านมทั้งการผ่าตัดก้อนที่เต้านม
และการผ่าตัดเสริมเต้านม
ประวัติทางสูตินรีเวช
มารดาครรภ์แรก
มารดาที่มีปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในครรภ์ก่อน
หยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร หรือให้ลูกกินนมแม่แล้วทารกน้ำหนักขึ้นน้อย มารดาที่ขาดการตึงคัดเต้านมในระหว่างการตั้งครรภ์หรือในขณะย่างเข้าสู่วัยรุ่น มารดาที่มีประวัติการมีฝีที่เต้านม
มารดาที่มีบุตรยาก
หรือใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
เอกสารอ้างอิง
1. Feldman-Winter L, Kellams A, Peter-Wohl S,
et al. Evidence-Based Updates on the First Week of Exclusive Breastfeeding
Among Infants >/=35 Weeks. Pediatrics 2020;145.
2. Puapornpong P, Raungrongmorakot K,
Paritakul P, Ketsuwan S, Wongin S. Nipple length and its relation to success in
breastfeeding. J Med Assoc Thai 2013;96
Suppl 1:S1-4.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มักเริ่มจากในโรงพยาบาล การเขียนข้อแนะนำที่เป็นแนวทางการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องที่ยาก แพทย์ซึ่งเป็นผู้นำในการรักษาต้องมีการประสานงานกับทีมที่ดูแลเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมจะนำไปใช้ในโรงพยาบาลของตนเอง โดยการค้นคว้าหาข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ของกระบวนการหรือแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ แล้วนำมาพิจารณาร่วมกับทีมเพื่อวางแนวทางที่สอดคล้องกับบริบทของโรงพยาบาลและผู้รับบริการที่เกี่ยวข้อง ผมในฐานะผู้ดูแลทีมการเรียนการสอนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฆจึงได้ทบทวนและจัดทำแนวทางการปฏิบัติเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในโรงพยาบาล เพื่อนำไปใช้ในศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และหวังว่าหากแพทย์ผู้ดูแลสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานพยาบาลอื่นเห็นว่าเป็นประโยชน์ สามารถนำไปปรับหรือเลือกใช้ให้เหมาะสมของโรงพยาบาลของตนเอง เพื่อร่วมมือกันในการสนับสนุนให้เด็กไทยได้กินนมแม่มากขึ้น
การคัดกรองความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร
ควรมีการกำหนดเกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรให้มีนิยามที่ชัดเจน
แจ้งให้ทีมผู้ดูแลทราบ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ควรมีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติสำหรับกลุ่มเสี่ยงและปฏิบัติตามแนวทางการดูแลที่วางไว้
โดยมีการเก็บข้อมูลการปฏิบัติ ปัญหาและอุปสรรค เพื่อนำมาติดตามผลการปฏิบัติงาน วิเคราะห์หาองค์ความรู้ใหม่ และปรับปรุงพัฒนาการทำงาน
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)