คลังเก็บป้ายกำกับ: ประวัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ประวัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นผลดีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

IMG_0784

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในมารดา โดยยิ่งระยะเวลาที่ให้ลูกกินนมแม่นานยิ่งลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม หากมีประวัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะเป็นมะเร็งเต้านมที่มีความรุนแรงน้อยกว่า โอกาสการกลับเป็นซ้ำหลังการรักษาน้อยกว่า และอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมน้อยกว่า โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติการให้ลูกกินนมแม่นานมากกว่าหกเดือน1 ดังนั้น การให้ลูกกินนมแม่ส่งผลช่วยให้มารดาห่างไกลจากมะเร็งเต้านม ลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตในกรณีที่มารดาเป็นมะเร็งเต้านม

เอกสารอ้างอิง

  1. Kwan ML, Bernard PS, Kroenke CH, et al. Breastfeeding, PAM50 tumor subtype, and breast cancer prognosis and survival. J Natl Cancer Inst 2015;107.

ประวัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รูปการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จาก Eglash A, et al.1

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จากประวัติศาสตร์ในสมัยก่อน ในราชวงศ์ต่างๆ ในสังคมชั้นสูง หรือในมารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดและไม่มีน้ำนม หรือทารกถูกทิ้ง จะมีการใช้แม่นมเพื่อทำการให้นมกับทารกแรกเกิด โดยมีการคัดเลือกและข้อจำกัดสำหรับแม่นมหลายอย่างในหลายสังคมและหลายวัฒนธรรม ได้แก่ การห้ามรับประทานอาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสื่อถึงความกังวลเกี่ยวกับการที่ทารกจะได้รับสิ่งที่แม่นมรับประทานเข้าไปและจะส่งผลต่อทารก ห้ามมีนิสัยชอบเล่นการพนัน โลภ หรือตื่นตกใจง่าย สื่อถึงภาวะทางอารมณ์ของแม่นมอาจมีผลต่อทารก ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงให้นมทารก สื่อถึงความกังวลเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ การมีบุตร จะทำให้คุณประโยชน์ของนมแม่ลดลง ห้ามครอบครัวของแม่นมแต่งงานกับเด็กทารกที่ได้รับการเลี้ยงจากแม่นม สื่อถึงความเชื่อทางศาสนาและความสัมพันธ์ของผู้หญิงที่ให้นมแม่จะอยู่ในฐานะของแม่คนหนึ่ง โดยอาจให้มีการดูแลทารกคนนั้นไปจนทารกโตเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ลักษณะน้ำนมของแม่นมก็เป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือก โดยแม่นมจะต้องมีลักษณะน้ำนมขาว หวาน กลมกลืน ข้นเหนียวที่แสดงถึงคุณภาพน้ำนมที่ดี มีความเชื่อเกี่ยวกับหัวน้ำนม (colostrum) ที่เชื่อว่าเป็นอันตรายต่อทารก จึงมีการให้สารอาหารอื่นแทนในระยะแรกที่น้ำนมยังมาไม่ดี ได้แก่ น้ำผึ้ง เนยหรือน้ำมันผสมน้ำตาล น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม2

ต่อมาในปี ค.ศ. 1856 ได้มีการเปิดโรงงานผลิตนมกระป๋องในอเมริกา และนมผสมเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง วัฒนธรรมการทำงานของสตรีเปลี่ยนแปลงไป โดยสตรีเริ่มต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การให้ความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลง การใช้นมผสมมีมากขึ้น จนในปี ค.ศ. 1990 องค์กรอนามัยโลกและองค์กรยูนิเซฟ (UNICEF) ประกาศการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และในปี ค.ศ. 1992 มีการเริ่มโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูกเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันมีข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของนมแม่ โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงทารกที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่จะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคของทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจและหูอักเสบ ผิวหนังอักเสบ กลุ่มอาการทารกเสียชีวิตเฉียบพลัน (sudden infant death syndrome) โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูง โดยภูมิคุ้มกันนี้จะยาวนานไปถึงเด็กอายุ 7 ปีและบางโรคยาวนานไปถึงวัยผู้ใหญ่1 ข้อมูลเหล่านี้ส่งเสริมเกิดการศึกษาเพิ่มเติมและให้ข้อแนะนำการเลี้ยงลูกอย่างเดียวเพิ่มจาก 4 เดือนเป็น 6 เดือน

หนังสืออ้างอิง

1.???????????? Eglash A, Montgomery A, Wood J. Breastfeeding. Disease-a-Month 2008;54:343-411.

2.???????????? Dowling DA. Lessons From the Past: A Brief History of the Influence of Social, Economic, and Scientific Factors on Infant Feeding. Newborn and Infant Nursing Reviews 2005;5:2-9.