รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด 19 จะมีข่าวเกี่ยวกับการที่มารดาหรือครอบครัวขาดรายได้ มีการลักขโมยนมผง และข่าวที่ตามมาคือมีการขอรับบริจาคนมผง ซึ่งหากพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว การอ้างว่าขาดรายได้ ไม่มีเงินที่จะไปซื้อนมผงให้ลูก ทำให้ต้องไปลักขโมยนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากการให้ข้อมูลในปัจจุบันในโรงพยาบาลที่มารดาไปฝากครรภ์หรือคลอดบุตรจะมีการแนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมารดาและทารกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยังประหยัด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผงที่จะเป็นภาระอย่างมากต่อครอบครัว (เฉลี่ยค่านมผงจะประมาณ 4000-8000 บาทต่อเดือน) โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ที่จะมีการตกต่ำของเศรษฐกิจและมีคนว่างงานที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการรับบริจาคหรือขอรับบริจาคนมผงนั้น ก็ไม่สมควรเช่นกัน เนื่องจากการนำนมผงที่บริจาคมีใช้จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดกับทารกได้ เพราะการที่ทารกเดิมเคยได้รับนมแม่และหากมีการใช้นมผง จะทำให้นมแม่ลดลง เมื่อนมที่บริจาคหมดลง จึงเป็นภาระของมารดาและครอบครัวที่จะต้องซื้อนมผงต่อไป นอกจากนี้ นมที่บริจาคมาอาจมีชนิดของนมที่ไม่ตรงกับความต้องการของทารก ขาดฉลากอธิบายวิธีการใช้หรือคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ นมใกล้จะหมดอายุ และปริมาณที่ให้มีจำกัด พร้อมกันนี้มารดาต้องมีความพร้อมในการจัดหาน้ำสะอาดมาเพื่อใช้ในการชงนม ทำให้การรับบริจาคนมผงมาจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหรือผลเสียแก่ทารกมากกว่า1 ยิ่งถ้าเป็นการขอรับบริจาคนมผงจากภาครัฐ ยิ่งแสดงว่าผู้ที่ขอรับบริจาคขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาหารทารกและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากนี้ การบริจาคนมผงยังอาจมีความผิดทางกฎหมายของ พรบ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. WHO Frequently Asked Questions : Breastfeeding and COVID-19 For health care workers. J Hum Lact 2020;36:392-6.