ทัศนคติของบุคลากรทางการแพทย์มีผลต่อมารดาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ทัศนคติต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของบุคลากรทางการแพทย์จะสื่อถึงมารดาและส่งผลต่อการปฏิบัติของบุคลากรทางการแพทย์ในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็จะให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหาหรืออุปสรรคของมารดาให้มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีทัศนคติที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมผงดัดแปลงสำหรับทารก จะขาดการเอาใจใส่ดูแลมารดาให้สามารถนมแม่ได้ หรือปล่อยปะละเลยให้มารดาแก้ไขปัญหาการให้นมแม่ด้วยตนเองตามยถากรรม สิ่งต่าง ๆ ที่บุคลากรทางการแพทย์มีทัศนคติจะส่งผลต่อการปฏิบัติ ซึ่งมารดารับรู้ได้ การที่มารดารับรู้ทัศนคติที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวของบุคลากรทางการแพทย์ทางสูติศาสตร์และกุมารเวชศาสตร์ในช่วงทารกระยะแรกเกิดสัมพันธ์กับเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวถึงสามเดือน1

 เอกสารอ้างอิง

  1. Ramakrishnan R, Oberg CN, Kirby RS. The association between maternal perception of obstetric and pediatric care providers’ attitudes and exclusive breastfeeding outcomes. J Hum Lact 2014;30:80-7.

 

 

 

 

กำลังใจจากแพทย์ผู้ดูแลมีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

           หลังคลอดมารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงของทั้งร่างกายและจิตใจ กำลังใจจากคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้มารดาสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รวมทั้งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาพบว่าการให้กำลังใจจากแพทย์ผู้ดูแลมีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยพบว่าการสนับสนุนและให้กำลังใจให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากแพทย์ผู้ดูแลมีผลต่อการเพิ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะแรกถึง 3 เท่าในกลุ่มสตรีอายุน้อยที่มีเศรษฐานะและการศึกษาต่ำ เพิ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะแรกเกือบ 5 เท่าในกลุ่มสตรีผิวดำและเพิ่ม 11 เท่าในกลุ่มสตรีที่อยู่คนเดียว1 ดังนั้น แพทย์นอกจากจะต้องเอาใจใส่ดูแลในเรื่องของการคลอดและภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดแล้ว ควรจะคำนึงถึงการให้การสนับสนุนทางด้านจิตใจด้วยการให้กำลังใจแก่มารดา ยิ่งหากเป็นแพทย์ที่ดูแลมารดาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ มีความสนิทสนม ได้รับการยอมรับเชื่อถือจากมารดา จะยิ่งช่วยเป็นกำลังใจแก่มารดาได้มาก และจะช่วยเสริมพลังให้มารดามีความเชื่อมั่นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เอกสารอ้างอิง

  1. Lu MC, Lange L, Slusser W, Hamilton J, Halfon N. Provider encouragement of breast-feeding: evidence from a national survey. Obstet Gynecol 2001;97:290-5.

 

 

 

 

ผลเสียของการสูบบุหรี่ต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                การสูบบุหรี่นอกจากจะมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดและโรคทางเดินหายใจในปอดอุดตันเรื้อรังแล้ว ยังมีผลเสียต่อคนในครอบครัว สตรีมีครรภ์ และทารกที่กินนมแม่ด้วย โดยหากมารดาสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ของมารดาจะเป็นผลลบต่อความตั้งใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และยังมีผลทำให้พฤติกรรมทารกในการกินนมแม่ผิดปกติ ซึ่งมีผลเสียต่อการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1  นอกจากนี้ ผลเสียของการสูบบุหรี่ยังมีความสัมพันธ์กับการหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย2 โดยมีการศึกษาพบว่าการที่มารดาสูบบุหรี่ในขณะ 16 สัปดาห์หลังคลอดจะเป็นสิ่งที่ทำนายถึงการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่3 และพบว่ามารดาที่สูบบุหรี่จะสัมพันธ์กับการพบ mycotoxin ในนมแม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่4

เอกสารอ้างอิง

  1. Bertini G, Elia S, Lori S, Dani C. Abnormal neurological soft signs in babies born to smoking mothers were associated with lower breastfeeding for first three months. Acta Paediatr 2019;108:1256-61.
  2. Ladomenou F, Kafatos A, Galanakis E. Risk factors related to intention to breastfeed, early weaning and suboptimal duration of breastfeeding. Acta Paediatr 2007;96:1441-4.
  3. Dennis CL, Gagnon A, Van Hulst A, Dougherty G, Wahoush O. Prediction of Duration of Breastfeeding among Migrant and Canadian-Born Women: Results from a Multi-Center Study. J Pediatr 2013;162:72-9.
  4. Memis EY, Yalcin SS. Human milk mycotoxin contamination: smoking exposure and breastfeeding problems. J Matern Fetal Neonatal Med 2019:1-10.

การนับถือศาสนาและการมีความเชื่อที่แตกต่างกันของมารดามีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

           ศาสนา ศรัทธาและความเชื่อในสังคม อาจมีทั้งที่เป็นประโยชน์และเป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยที่การปฏิบัติตามความเชื่อของแต่ละศาสนาจะมีผลต่อการปฏิบัติในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 เช่น ความเชื่อในการให้ลูกกินน้ำ กินข้าวต้มก่อนอายุหกเดือนมีผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2 ความเชื่อในเรื่องหัวน้ำนมเป็นพิษ สกปรก ไม่ควรกิน3 และความเชื่อในทางศาสนาอิสลามเรื่องการให้อาหารอื่นนอกเหนือจากนมแม่ในระยะหลังคลอดมีผลลบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว4 ซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติตามความเชื่อของศาสนาเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการเผยแพร่คำสอน อาจช่วยให้มารดาสามารถทำการปฏิบัติได้โดยไม่รู้สึกผิดต่อความเชื่อทางศาสนาและไม่เป็นผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เอกสารอ้างอิง

  1. Gallegos D, Vicca N, Streiner S. Breastfeeding beliefs and practices of African women living in Brisbane and Perth, Australia. Matern Child Nutr 2013.
  2. Arts M, Geelhoed D, De Schacht C, Prosser W, Alons C, Pedro A. Knowledge, beliefs, and practices regarding exclusive breastfeeding of infants younger than 6 months in Mozambique: a qualitative study. J Hum Lact 2011;27:25-32; quiz 63-5.
  3. Aniebue PN, Aniebue UU, Adimora GN. Knowledge and beliefs about exclusive breastfeeding among rural Nigerian men in Enugu, Southeast Nigeria. Breastfeed Med 2010;5:169-71.
  4. Jessri M, Farmer AP, Olson K. Exploring Middle-Eastern mothers’ perceptions and experiences of breastfeeding in Canada: an ethnographic study. Matern Child Nutr 2013;9:41-56.

เชื้อชาติของมารดากับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

              เชื้อชาติของมารดาเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยมีการศึกษาพบว่าการให้ลูกกินนมแม่ในแต่ละเชื้อชาติมีความแตกต่างกันในการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การปฏิบัติของมารดา และระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1-4 เนื่องจากแต่ละเชื้อชาติมักมีวัฒนธรรมและความเชื่อต่าง ๆ ที่มีการถ่ายทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น หากสิ่งที่ส่งต่อกันนั้นเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่หากเหล่านี้เป็นอุปสรรคขัดขวางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็มีความจำเป็นต้องวางแผนให้คำปรึกษาแก่ทั้งตัวมารดาเอง สามี และคนในครอบครัวที่มีบทบาทสำคัญต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างทั่วถึง เพราะการปรับเปลี่ยนทัศนคติเฉพาะตัวมารดา อาจไม่ประสบความสำเร็จหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัวที่มีเชื้อชาติที่เหมือนกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. Ahluwalia IB, Morrow B, D’Angelo D, Li R. Maternity care practices and breastfeeding experiences of women in different racial and ethnic groups: Pregnancy Risk Assessment and Monitoring System (PRAMS). Matern Child Health J 2012;16:1672-8.
  2. Ahluwalia IB, D’Angelo D, Morrow B, McDonald JA. Association between acculturation and breastfeeding among Hispanic women: data from the Pregnancy Risk Assessment and Monitoring System. J Hum Lact 2012;28:167-73.
  3. Zhu Y, Hernandez LM, Mueller P, Dong Y, Hirschfeld S, Forman MR. Predictive Models for Characterizing Disparities in Exclusive Breastfeeding Performance in a Multi-ethnic Population in the US. Matern Child Health J 2016;20:398-407.
  4. Asare BY, Preko JV, Baafi D, Dwumfour-Asare B. Breastfeeding practices and determinants of exclusive breastfeeding in a cross-sectional study at a child welfare clinic in Tema Manhean, Ghana. Int Breastfeed J 2018;13:12.

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)