การที่มารดากลับไปทำงานเป็นสาเหตุของการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่พบบ่อย

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                 การที่มารดาต้องกลับไปทำงานเนื่องจากมารดาเป็นลูกจ้างและหมดระยะเวลาของการลาพักหลังคลอด ทำให้มารดามีโอกาสที่จะต้องแยกจากทารก หากมารดาไม่ได้รับการแนะนำและฝึกปฏิบัติในการบีบน้ำนมและมีความรู้ในเรื่องการเก็บรักษาน้ำนม ร่วมกับต้องมีความช่วยเหลือของครอบครัวในผู้ที่ช่วยดูแลทารก จะมีผลทำให้มารดาหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 ดังนั้นจะเห็นว่าการที่มารดาต้องกลับไปทำงานมีผลเสียต่อระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2 อย่างไรก็ตาม อุปสรรคจากการกลับเข้าทำงานของมารดายังมีผลน้อยกว่าความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดา3 ในประเทศไทยพบว่า การกลับเข้าทำงานของมารดาเป็นสาเหตุสำคัญที่พบบ่อยที่สุดในการหยุดกินนมแม่4,5

เอกสารอ้างอิง

  1. Olang B, Heidarzadeh A, Strandvik B, Yngve A. Reasons given by mothers for discontinuing breastfeeding in Iran. Int Breastfeed J 2012;7:7.
  2. Ladomenou F, Kafatos A, Galanakis E. Risk factors related to intention to breastfeed, early weaning and suboptimal duration of breastfeeding. Acta Paediatr 2007;96:1441-4.
  3. Sulaiman Z, Liamputtong P, Amir LH. Timing of return to work and women’s breastfeeding practices in urban Malaysia: A qualitative study. Health Soc Care Community 2018;26:48-55.
  4. Puapornpong P, Manolerdthewan W, Raungrongmorakot K, Ketsuwan S, Wongin S. Factor effecting on breastfeeding success in infants up to 6 month of age in Nakhon Nayok province. J Med Health Sci 2009;16:116-23.
  5. Plewma P. Prevalence and factors influencing exclusive breast-feeding in Rajavithi Hospital. J Med Assoc Thai 2013;96 Suppl 3:S94-9.

 

 

ควรเลือกโรงพยาบาลที่คลอดบุตรอย่างไรจึงจะช่วยเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               ตรงไปตรงมา คือ หากเราต้องการส่งเสริมให้ลูกได้กินนมแม่ก็ควรจะฝากครรภ์และคลอดในโรงพยาบาลที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โรงพยาบาลที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะเป็นโรงพยาบาลที่ปฏิบัติตามเกณฑ์ของโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูก (Baby-Friendly Hospital Initiative) โรงพยาบาลที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เหล่านี้ จะมีการปฏิบัติตามบันได 10 ขั้นสู่ความสำเร็จการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (Ten Steps to Successful Breastfeeding) ซึ่งการปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัตินี้ส่งผลดีต่อความตั้งใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 การเริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2-6  ดังนั้น หากเราได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลเหล่านี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงขึ้น     

เอกสารอ้างอิง

  1. Declercq E, Labbok MH, Sakala C, O’Hara M. Hospital practices and women’s likelihood of fulfilling their intention to exclusively breastfeed. Am J Public Health 2009;99:929-35.
  2. Harillo-Acevedo D, Ramos-Morcillo AJ, Ruzafa-Martinez M. Factors associated with breastfeeding support from health care professionals by implementing a Clinical Practice Guideline. Birth 2019;46:146-56.
  3. Hawke BA, Dennison BA, Hisgen S. Improving Hospital Breastfeeding Policies in New York State: Development of the Model Hospital Breastfeeding Policy. Breastfeed Med 2012.
  4. Goodman K, DiFrisco E. Achieving baby-friendly designation: step-by-step. MCN Am J Matern Child Nurs 2012;37:146-52; quiz 52-4.
  5. Labbok MH. Global baby-friendly hospital initiative monitoring data: update and discussion. Breastfeed Med 2012;7:210-22.
  6. Venancio SI, Saldiva SR, Escuder MM, Giugliani ER. The Baby-Friendly Hospital Initiative shows positive effects on breastfeeding indicators in Brazil. J Epidemiol Community Health 2012;66:914-8.

 

หลังคลอดการให้ทารกนอนเตียงเดียวกับมารดาดีหรือไม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                  การให้ทารกนอนร่วมเตียงกับมารดาพบว่ามีผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว1 และพบว่ามีการให้นมแม่ช่วงกลางคืนมากกว่าทารกนอนแยกเตียงสามเท่า2 เนื่องจากความใกล้ชิดระหว่างมารดาและทารกจะทำให้มารดาสามารถจะสังเกตอาการหรืออาการแสดงที่บ่งบอกว่าทารกหิวได้ ซึ่งจะทำให้มารดาสามารถให้นมได้ตามความต้องการของทารกที่จะมีความแตกต่างของลักษณะอาการเฉพาะตัวของทารกแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การที่ทารกนอนบนเตียงมารดามีข้อควรระวังการที่มารดาจะทับทารกหรือทารกตกหล่นลงในร่องที่อยู่ข้างเตียง ซึ่งจะเกิดอันตรายแก่ทารกได้ โดยมักจะพบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในมารดาวัยรุ่น มารดาที่ดื่มแอลกอฮอล์ และมารดาที่ใช้ยาเสพติด สำหรับในคนไทย หากมารดานอนกับพื้นหรือใช้ฟูกหรือที่นอนเตี้ย ๆ ปูให้กับมารดาและทารก โดยพื้นที่ที่ปูนอนมีความกว้างที่เพียงพอ จะสามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ทารกได้โดยยังคงประโยชน์ของการนอนร่วมเตียงเดียวกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. Tan KL. Factors associated with exclusive breastfeeding among infants under six months of age in peninsular malaysia. Int Breastfeed J 2011;6:2.
  2. McCoy RC, Hunt CE, Lesko SM, et al. Frequency of bed sharing and its relationship to breastfeeding. J Dev Behav Pediatr 2004;25:141-9.

การให้ทารกอยู่กับมารดาตลอดหลังคลอดช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

              การเปิดโอกาสให้ทารกอยู่กับมารดาตลอด 24 ชั่วโมงหลังคลอด (rooming-in) ไม่แยกมารดาและทารกออกจากกัน มารดาและทารกจะมีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและทารก มารดาจะสามารถสังเกตได้ถึงสัญญาณของความต้องการในการกินนมของทารก ทำให้สามารถให้นมทารกได้ตามความต้องการ โดยทั่วไปทารกจะกินนมวันละ 8-12 ครั้ง ซึ่งหากมารดาสังเกตและให้นมได้ตามความต้องการของทารก ทารกจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมได้อย่างเหมาะสม มีการศึกษาว่า การให้ทารกอยู่กับมารดาตลอด 24 ชั่วโมงมีความสัมพันธ์กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้น 5 เท่า (95%CI 1.5-16.9)1 ช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2 เพิ่มโอกาสในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือน3 และช่วยในความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้น4 ดังนั้น แนวทางในการปฏิบัติดูแลมารดาและทารกหลังคลอด จึงควรส่งเสริมให้มารดาและทารกได้อยู่ร่วมกัน

เอกสารอ้างอิง

  1. Cotto CW, Garcia Fragoso L. Rooming-in improves breastfeeding initiation rates in a community hospital in Puerto Rico. Bol Asoc Med P R 2010;102:30-2.
  2. England G. Rooming-in promotes breastfeeding. Nurs N Z 2006;12:3.
  3. Chiou ST, Chen LC, Yeh H, Wu SR, Chien LY. Early skin-to-skin contact, rooming-in, and breastfeeding: a comparison of the 2004 and 2011 National Surveys in Taiwan. Birth 2014;41:33-8.
  4. Rapley G. Keeping mothers and babies together–breastfeeding and bonding. RCM Midwives 2002;5:332-4.

การให้น้ำหรืออาหารอื่น ๆ แก่ทารกมีผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

              องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนแรก หลังจากนั้นให้นมแม่ร่วมกับอาหารเสริมตามวัยจนกระทั่งครบสองปีหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของมารดาและทารก ดังนั้นการที่มีการให้น้ำ หรือเครื่องดื่มชาสมุนไพร หรืออาหารอื่น ๆ กับทารกแรกเกิดจึงมีผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว เนื่องจากการให้น้ำหรืออาหารอื่นอาจเป็นวัฒนธรรมหรือความเชื่อที่มีในแต่ละประเทศ ทารกที่กินน้ำ หรือชาสมุนไพร หรืออาหารอื่นอาจจะทำให้ทารกอิ่มและกินนมแม่ได้น้อยลง ทำให้การกระตุ้นน้ำนมแม่ลดลงส่งผลต่อการลดลงของปริมาณน้ำนมแม่ด้วย และน้ำหรืออาหารอื่นจะมีคุณค่าทางอาหารและพลังงานน้อยเมื่อเทียบกับนมแม่จึงมีผลต่อเจริญเติบโตของทารกได้ มีการศึกษาพบว่า ในทารกที่ได้รับน้ำหรือชาสมุนไพรจะมีโอกาสที่ทารกจะได้รับนมชนิดอื่นเพิ่มขึ้นสามเท่า ซึ่งส่งผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวแต่ไม่พบว่ามีผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 หากมารดายังให้ลูกกินนมแม่เป็นหลักอยู่

เอกสารอ้างอิง

  1. Giugliani ERJ, do Espírito Santo LC, de Oliveira LD, Aerts D. Intake of water, herbal teas and non-breast milks during the first month of life: Associated factors and impact on breastfeeding duration. Early Human Development 2008;84:305-10.

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)