เมื่อไรจึงสงสัยว่ามารดามีหัวนมสั้น

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               ความยาวหัวนมของมารดาปกติจะราว 0.7-1.0 เซนติเมตรเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ โดยทั่วไปความยาวหัวนมจะเพิ่มขึ้นได้ราว 2 มิลลิเมตรเมื่อถึงระยะคลอด ซึ่งหากมารดามีความยาวหัวนมสั้นกว่า 7 มิลลิเมตรในระยะหลังคลอดอาจส่งผลทำให้การเข้าเต้าลำบาก และสัมพันธ์กับการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร แม้ว่าการอ้าปากอมหัวและลานนมจะช่วยให้ทารกคาบส่วนของหัวนมและลานนมได้ติดและทำให้การเข้าเต้าสามารถทำได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความยาวหัวนมเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเข้าเต้า ดังนั้น ในกรณีหัวนมมารดาสั้นกว่า 5 มิลลิเมตร จึงควรใส่ใจและมีการให้คำปรึกษามารดาถึงทางเลือกในการช่วยเพิ่มความยาวหัวนมตั้งแต่ในระยะฝากครรภ์ โดยการใช้อุปกรณ์ดึงหัวนม (nipple puller) สามารถเพิ่มความยาวของหัวนมได้ราว 4 มิลลิเมตร (ดังนั้นจะช่วยได้ดีในมารดาที่มีหัวนมสั้น 3-5 มิลลิเมตร) โดยไม่พบภาวะแทรกซ้อนของการคลอดก่อนกำหนด1 หรืออาจใช้ประทุมแก้วช่วยแก้ไข เพื่อให้ลานนมมารดานิ่ม ทารกจะได้อมหัวนมและลานนมได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยมีความปลอดภัยและเพิ่มความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้2 สำหรับมารดาที่ไม่ได้รับการแก้ไข การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่อมารดาเกิดความยากลำบากในการเข้าเต้า การให้การช่วยเหลือและสนับสนุนจะช่วยให้ผลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีขึ้น สำหรับการแก้ไขโดยการกระตุ้นดึงหัวนม (Hoffman maneuver) ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอถึงประโยชน์ที่ชัดเจน

เอกสารอ้างอิง

  1. Baiya N, Ketsuwan S, Thana S, Puapornpong P. Outcome of nipple puller use during antenatal care in short nipple pregnant women: a randomized controlled trial. Thai J Obstet and Gynaecol 2018;26:96-102.
  2. Chanprapaph P, Luttarapakul J, Siribariruck S, Boonyawanichkul S. Outcome of non-protractile nipple correction with breast cups in pregnant women: a randomized controlled trial. Breastfeed Med 2013;8:408-12.

 

 

 

 

การเยี่ยมบ้านช่วยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               การที่บุคลากรทางการแพทย์ได้ติดตามเยี่ยมบ้านมารดาในระยะหลังคลอด จะเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังคลอด เนื่องจากมารดาหลังกลับบ้านอาจพบปัญหาในการปรับตัวหรือปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งต้องการคำปรึกษาที่จะช่วยให้มารดาคงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้โดยไม่หยุดการให้นมลูกก่อนเวลาอันควร มีการศึกษาพบว่าหากมีการเยี่ยมบ้านของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะลดความเสี่ยงของการใช้นมผงดัดแปลงสำหรับทารกลง1 และเพิ่มอัตราการเลียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนหลังคลอดได้2,3

เอกสารอ้างอิง

  1. Feldens CA, Ardenghi TM, Cruz LN, Scalco GP, Vitolo MR. Advising mothers about breastfeeding and weaning reduced pacifier use in the first year of life: a randomized trial. Community Dent Oral Epidemiol 2013;41:317-26.
  2. Silva V, Caminha MFC, Silva SL, Serva V, Azevedo P, Filho MB. Maternal breastfeeding: indicators and factors associated with exclusive breastfeeding in a subnormal urban cluster assisted by the Family Health Strategy. J Pediatr (Rio J) 2019;95:298-305.
  3. Carvalho M, Carvalho MF, Santos CRD, Santos PTF. First Postpartum Home Visit: A Protective Strategy for Exclusive Breastfeeding. Rev Paul Pediatr 2018;36:8.

การให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                 การติดต่อระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้ให้บริการกับมารดาที่เป็นผู้รับบริการ ระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์ถือเป็นระบบพื้นฐานที่มีทั่วถึงและแพร่หลายในมารดาที่เป็นผู้รับบริการส่วนใหญ่ ซึ่งโทรศัพท์แทบจะเรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตมนุษย์ในปัจจุบัน การใช้ระบบโทรศัพท์เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอด จะช่วยส่งเสริม ติดตาม และให้คำแนะนำกับมารดาในกรณีที่มีปัญหาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เบื้องต้นได้ โดยมีการศึกษาว่า การโทรศัพท์ให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาหลังคลอดจะช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหนึ่งเดือนหลังคลอด แต่ไม่มีผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในช่วง 4 และ 6 เดือนหลังคลอด1

 

เอกสารอ้างอิง

  1. Tahir NM, Al-Sadat N. Does telephone lactation counselling improve breastfeeding practices?: A randomised controlled trial. Int J Nurs Stud 2013;50:16-25.

สภาพแวดล้อมที่เอื้อในการให้นมแม่จะช่วยสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

             สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สภาพแวดล้อมในที่ต่าง ๆ ที่มารดาต้องดำเนินชีวิตประจำวัน หรือระหว่างการทำงาน ได้แก่ ที่ให้นมแม่อาจเป็นมุมนมแม่ในห้างสรรพสินค้าหรือตามสถานที่ท่องเที่ยว และตู้เย็นเก็บนมแม่ในสถานประกอบการ สิ่งเหล่านี้ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 ในกรณีที่ไม่มีการเอื้อในการให้นมแม่ในที่สาธารณะหรือสถานประกอบการ หรือสังคมมีมุมมองที่มีความคิดเห็นว่าการให้นมแม่เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่เฉพาะการให้นมที่บ้าน การให้ในที่สาธารณะเป็นเรื่องน่าอับอาย จะมีผลทำให้มารดาเกิดความเครียด เมื่อจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน หรือต้องให้นมแม่ในที่สาธารณะ จะส่งผลให้มารดาหยุดก่อนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Cameron B, Javanparast S, Labbok M, Scheckter R, McIntyre E. Breastfeeding support in child care: an international comparison of findings from Australia and the United States. Breastfeed Med 2012;7:163-6.

การได้ลาพักหลังคลอดหกเดือนช่วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

             การที่มารดาได้ลาพักหลังคลอด มารดาจะมีโอกาสได้อยู่ดูแลทารกและสามารถให้นมทารกได้อย่างต่อเนื่อง มีการศึกษาว่า มารดาที่ลาพักหลังคลอดได้นานจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานกว่า1 ในประเทศไทยการลาพักหลังคลอดเป็นสิทธิของข้าราชการและพนักงานของรัฐ มารดาจะลาคลอดได้ 90 วันหรือสามเดือนโดยได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน สำหรับลูกจ้างที่มีสิทธิประกันสังคมลาพักหลังคลอดได้ 98 วันรวมวันหยุด โดยในระหว่างการลาพักหลังคลอด 45 วันแรกจะได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนจากนายจ้าง แต่หลังจากนั้น หากลาต่ออีก จะได้รับเงินเดือนร้อยละ 50 ของเงินเดือนเฉลี่ย 90 วัน (โดยคิดจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15000 บาท) อีก 45 วัน ซึ่งหลังสามเดือนเมื่อมารดาต้องกลับไปทำงานจึงพบเป็นสาเหตุที่พบบ่อยในการหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2,3 แต่ในประเทศยุโรปบางประเทศ ได้แก่ ประเทศเดนมาร์กให้ลาคลอดได้หนึ่งปีโดยได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน  ประเทศสวีเดนและนอร์เวย์จะเปิดโอกาสให้มารดาลาพักหลังคลอดถึงหนึ่งปีครึ่งหรือมากกว่านั้นเพื่อเลี้ยงดูทารกโดยมารดายังได้รับเงินเดือนโดยรวมราวร้อยละ 77-86 ต่อปี สำหรับในเอเชีย ประเทศเวียดนามออกกฎหมายให้สตรีลาพักหลังคลอดได้ถึงหกเดือน ซึ่งมีส่วนช่วยให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนสูงขึ้นได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Skafida V. Juggling work and motherhood: the impact of employment and maternity leave on breastfeeding duration: a survival analysis on Growing Up in Scotland data. Matern Child Health J 2012;16:519-27.
  2. Puapornpong P, Manolerdthewan W, Raungrongmorakot K, Ketsuwan S, Wongin S. Factor effecting on breastfeeding success in infants up to 6 month of age in Nakhon Nayok province. J Med Health Sci 2009;16:116-23.
  3. Plewma P. Prevalence and factors influencing exclusive breast-feeding in Rajavithi Hospital. J Med Assoc Thai 2013;96 Suppl 3:S94-9.

 

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)