
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มารดาบางคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูทารกอาจไม่มีความมั่นใจที่จะให้การดูแลบุตรและคาดหวังว่าหากบุตรอยู่กับพยาบาลจะได้รับการดูแลที่ดีและใกล้ชิด สิ่งนี้เป็นความเชื่อที่ผิดที่บุคลากรทางการแพทย์ควรอธิบายให้มารดาได้ฟังว่า “มารดาเป็นผู้ที่จะดูแลทารกที่เป็นลูกของตนเองได้ดีที่สุด เนื่องจากมารดามีความรัก ความผูกพัน ทำให้มีความใส่ใจดูแลลูกอย่างเต็มที่”และทำไมโรงพยาบาลจึงกระตุ้นให้มารดาและทารกอยู่ร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง เหตุผลคือเพื่อที่จะให้มารดาได้เรียนรู้จักทารก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งทารกและมารดา อภิปรายถึงปัญหาของมารดาที่ต้องการขอให้นำลูกไปไว้ที่หออภิบาลทารกแรกเกิดและวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ต้องย้ายลูกไปที่หออภิบาลทารกแรกเกิด อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งประโยชน์ของการให้มารดาและทารกอยู่ร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงให้มารดารับทราบตั้งแต่ในช่วงฝากครรภ์ โดยหากมารดาและทารกจำเป็นต้องแยกจากกันด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ควรมีการบันทึกเหตุผลลงในเวชระเบียนของมารดาและทารกเพื่อจะมีการทบทวนให้การแยกจากกันสั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และระหว่างการแยกจากกันของมารดาและทารก กระตุ้นให้มารดาไปหาและอุ้มทารก โดยอาจบีบน้ำนมไปให้ทารกถ้าสามารถให้ได้1
เอกสารอ้างอิง
- ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่รู้ว่าจะช่วยมารดาในการเรียนรู้การดูแลทารกได้อย่างไร ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติตัวไม่ถูก ไม่มีความมั่นใจ และมีความวิตกกังวลว่าจะไม่สามารถจะช่วยมารดาให้เรียนรู้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ จึงต้องการแยกทารกไปอยู่ที่หออภิบาลทารกโดยคาดหวังว่า พยาบบาลที่หออภิบาลทารกจะดูแลทารกได้ดีกว่า ซึ่งความคิดนี้เป็นผลเสียต่อการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สิ่งนี้ต้องการการอบรมและฝึกทักษะให้บุคลากรทางการแพทย์มีความรู้ที่เพียงพอ มีทัศนคติที่เหมาะสม และมีทักษะในการสอนมารดาด้วยความมั่นใจ โดยทั่วไปการสอนมารดาควรทำโดยการปฏิบัติดูแลทารกระหว่างอยู่ข้างเตียงมารดา ซึ่งมารดาจะสังเกตและเรียนรู้ได้ เมื่อมารดาฝึกปฏิบัติ บุคลากรทางการแพทย์ก็สามารถสังเกตการปฏิบัติของมารดาและให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสมขณะอยู่ข้างเตียงเช่นกัน นอกจากนี้การดูแลทารกเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับมารดา การช่วยมารดาที่จะเรียนรู้การดูแลทารกโดยเฉพาะในช่วงกลางคืนจะเป็นประโยชน์กว่าการแยกทารกไปไว้หออภิบาลทารกแรกเกิด ซึ่งจะลดความมั่นใจของมารดาในการปรับตัวของมารดารับการเป็นแม่ที่จะต้องอยู่ร่วมกับทารกตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อมารดาได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน1
เอกสารอ้างอิง
- ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การนัดติดตามหลังคลอดนั้น หากมารดาคลอดปกติ แพทย์มักจะนัดตรวจหลังคลอด 6 สัปดาห์ ยังไม่ได้มีการกำหนดแนวทางในการนัดมารดาและทารกมาติดตามดูการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แล้วควรมีแนวทางในการนัดติดตามดูการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร การดูแลมารดาและทารกจะมีการดูแลตามความเสี่ยง เมื่อกำหนดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากการทบทวนวรรณกรรมแล้ว เพื่อให้การนัดไม่บ่อยจนเกินไปและสร้างความลำบากในการเดินทางมาโรงพยาบาลของมารดาและทารก การนัดจึงควรนัดอิงตามการดูแลมารดาหลังคลอดคือ ในมารดาที่มีความเสี่ยงต่ำควรนัดติดตามหลังคลอดที่ 6-8สัปดาห์ สำหรัยมารดาที่มีความเสี่ยงต่ำ การนัดติดตามมารดาและทารกที่ 1 สัปดาห์น่าจะสมเหตุสมผล เพราะน่าจะสามารถช่วยให้คำปรึกษาให้แก่มารดาที่อาจจะพบปัญหาหรืออุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังจากการกลับไปอยู่ที่บ้าน มีการศึกษากลุ่มเปรียบเทียบแบบสุ่มถึงระยะเวลาที่นัดหลังคลอดจะมีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยศึกษาในมารดาครรภ์แรก และแบ่งกลุ่มที่นัดทุก 2-3 สัปดาห์และอีกกลุ่มนัดตรวจทุก 6-8 สัปดาห์ โดยทำการติดตามทางโทรศัพท์เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนถึง 5-6 เดือนพบว่า ระยะเวลาที่นัดหลังคลอดไม่มีผลต่ออัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่1 อย่างไรก็ตามในการศึกษานี้ ไม่ได้แยกกลุ่มมารดาออกเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากกลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์จากการนัดติดตามหลังคลอด ซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
1. Abbott JL, Carty JR, Hemman E, Batig AL. Effect of Follow-Up Intervals on Breastfeeding Rates 5-6 Months Postpartum: A Randomized Controlled Trial. Breastfeed Med 2019;14:22-32.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
โดยปกติที่หอผู้ป่วยหลังคลอดจะมีการจัดเตียงเล็กให้ทารกแรกเกิดนอนโดยที่อยู่ข้างเตียงมารดา พื้นที่สำหรับการจัดเตียงเล็กสำหรับทารก จะใช้พื้นที่น้อยและสามารถใช้พื้นที่ที่ญาติเฝ้าสำหรับวางเตียงได้ ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ไม่ควรวิตกกังวลเกี่ยวกับการไม่มีที่วางเตียงเล็กจนละเลยประโยชน์ของการให้มารดาและทารกอยู่ร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับทางเลือกอีกทางหนึ่งที่สามารถทำได้คือ การให้ทารกนอนร่วมเตียงกับมารดา1,2 แต่ควรระมัดระวังการเกิดทารกพลัดหล่นเตียงหรือมารดาพลิกไปทับทารกในกรณีที่มารดาเหนื่อยล้าจนเกินไป มารดาเป็นมารดาวัยรุ่น ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีการติดยาเสพติด และควรมีการจัดสภาพเตียงและข้างเตียงให้เหมะสมโดยมีราวกั้นเตียง เก้าอี้ หรืออาจวางเตียงติดกำแพงเพื่อป้องกันทารกตกเตียง หรือมีญาติช่วยดูแลทารกร่วมด้วย การที่มารดาและทารกนอนอยู่ร่วมเตียงเดียวกันจะทำให้การให้นมลูกทำได้บ่อยขึ้น มารดาได้เรียนรู้พฤติกรรมทารกและสามารถพักไปพร้อม ๆ กับทารก
เอกสารอ้างอิง
- McCoy RC, Hunt CE, Lesko SM, et al. Frequency of bed sharing and its relationship to breastfeeding. J Dev Behav Pediatr 2004;25:141-9.
- Tan KL. Factors associated with exclusive breastfeeding among infants under six months of age in peninsular malaysia. Int Breastfeed J 2011;6:2.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
โดยทั่วไป หากทารกคลอดครบกำหนดปกติไม่มีภาวะแทรกซ้อน หลังคลอดทารกสามารถอยู่กับมารดาได้ตลอด 24 ชั่วโมง การแยกทารกไปอยู่ที่หออภิบาลทารกแรกเกิดโดยมีความเชื่อว่าจะสามารถดูแลได้ใกล้ชิดมากกว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะการสังเกตการอย่างใกล้ชิดไม่สามารถเป็นไปได้ที่หออภิบาลทารกแรกเกิดเนื่องจากสัดส่วนของพยาบาลต่อทารกน้อย การสังเกตทารกขณะที่อยู่ใกล้เตียงมารดาโดยมีมารดาเป็นผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ลูก มีความใส่ใจในลูกของตัวเองจึงมักสังเกตความผิดปกติของทารกได้รวดเร็วกว่า และการสอนมารดาในการสังเกตการ จะทำให้มารดาได้มีส่วนร่วมและการดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น1
เอกสารอ้างอิง
- ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. 2558.
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)