ปัญหาทารกตื่นบ่อยเวลากลางคืน

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ลักษณะการนอนของทารกจะมีความแตกต่างโดยการหลับของทารกจะไม่หลับลึกเหมือนผู้ใหญ่และร้อยละ 50 ของการหลับจะอยู่ในสภาวะ rapid eye movement ซึ่งจะพบว่าทารกอาจจะมีการเคลื่อนไหวตัวหรือขยับตัวในระหว่างการนอนได้บ่อย การที่ทารกตื่นบ่อยในเวลากลางคืนเกิดจากการพัฒนาของระบบประสาทที่ยังไม่สมบูรณ์ จะพบว่าทารกนอนได้ต่อเนื่องกัน 5 ชั่วโมงในเวลากลางคืนเมื่ออายุ 4 เดือน และทารกนอนได้ต่อเนื่องกัน 10 ชั่วโมงในเวลากลางคืนเมื่ออายุ 1 ปี ในทารกที่อายุ 4-10 สัปดาห์จะนอนเฉลี่ยต่อวัน 13.47 ชั่วโมง โดยมารดาจะได้นอนเฉลี่ย 7.18 ชั่วโมงต่อวัน1 ดังนั้น การที่ทารกตื่นบ่อยในเวลากลางคืน หากเป็นลักษณะปกติ การสอนมารดาให้มีความเข้าใจลักษณะการนอนของทารกจะทำให้มารดาสามารถจัดสรรเวลาพักผ่อนไปพร้อมกับทารกในเวลากลางวัน ไม่เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียในการให้นมลูก และไม่วิตกกังวลหรือเป็นปัญหาที่ทารกตื่นบ่อยเวลากลางคืน สำหรับท่าในการนอนของทารกแนะนำให้ทารกนอนหงาย การนอนคว่ำอาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะทารกเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ (sudden infant death syndrome)2-5 ร่วมกับการระมัดระวังในการใช้หมอนหรือผ้าที่อ่อนนุ่มบนเตียงของทารกที่อาจไปอุดปากและจมูกของทารกที่ทำให้เกิดการขาดอากาศหายใจจากท่านอนของทารกที่ไม่เหมาะสมได้6,7

เอกสารอ้างอิง

  1. Thomas KA, Foreman SW. Infant sleep and feeding pattern: effects on maternal sleep. J Midwifery Womens Health 2005;50:399-404.
  2. Richardson HL, Walker AM, Horne RS. Sleep position alters arousal processes maximally at the high-risk age for sudden infant death syndrome. J Sleep Res 2008;17:450-7.
  3. Alexander RT, Radisch D. Sudden infant death syndrome risk factors with regards to sleep position, sleep surface, and co-sleeping. J Forensic Sci 2005;50:147-51.
  4. Gessner BD, Ives GC, Perham-Hester KA. Association between sudden infant death syndrome and prone sleep position, bed sharing, and sleeping outside an infant crib in Alaska. Pediatrics 2001;108:923-7.
  5. Hutchison L, Stewart AW, Mitchell E. SIDS-protective infant care practices among Auckland, New Zealand mothers. N Z Med J 2006;119:U2365.
  6. Heinig MJ, Banuelos J. American Academy of Pediatrics task force on sudden infant death syndrome (SIDS) statement on SIDS reduction: friend or foe of breastfeeding? J Hum Lact 2006;22:7-10.
  7. Tipene-Leach D, Hutchison L, Tangiora A, et al. SIDS-related knowledge and infant care practices among Maori mothers. N Z Med J 2010;123:88-96.

 

 

 

เมื่อทารกอิ่มจะมีลักษณะอย่างไร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                  เมื่อทารกกินนมไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว มารดาจะรู้ได้อย่างไรว่าทารกอิ่ม อาการแสดงว่าทารกอิ่มนั้น จะมีลักษณะที่สังเกตได้ดังนี้ ทารกจะรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนใหญ่จะปล่อยนมออกจะปากเอง ในขณะที่มีบางคนอาจจะยังดูดนมต่อ โดยดูดเบา ๆ จนกระทั่งหลับ ซึ่งหากมารดาสังเกตว่าทารกอิ่มแล้ว สามารถนำทารกออกจากเต้าได้ โดยทั่วไป การให้นมทารกจากเต้าควรป้อนให้เกลี้ยงจากเต้าข้างหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนให้เต้านมอีกข้าง เนื่องจากทารกจะได้กินนมส่วนหลังซึ่งจะมีปริมาณไขมันสูง ทำให้ทารกอิ่มสบาย หลับได้นาน และช่วยให้การสร้างน้ำนมดีขึ้น1         

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. 2558.

เมื่อทารกหิวนมจะมีลักษณะอย่างไร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

             เมื่อทารกหิวนมมีลักษณะอย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่มารดาควรเรียนรู้ เนื่องจากการให้ลูกกินนมควรให้ตามความต้องการของลูก ซึ่งลักษณะที่แสดงว่าทารกหิวนม อาการแสดงระยะแรก คือ ทารกจะมีการเพิ่มการเคลื่อนไหวของดวงตาในขณะที่หลับตาหรือลืมตา อ้าปากกว้าง แลบลิ้นออกมา และหันหน้าไปทางเต้านม อาจส่งเสียงครางเบา ๆ และมีการดูดหรืออมนิ้ว มือ ผ้าหรือวัตถุที่อยู่ใกล้ปาก หากทารกร้องเสียงดัง โก่งหลังออก ลักษณะนี้เป็นอาการแสดงในระยะหลังของการที่ทารกหิวหรือทารกหิวนมมากจนหงุดหงิด ซึ่งจะทำให้การอ้าปากอมหัวนมและลานนมหรือการนำทารกเข้าเต้าทำได้ยาก ต้องอุ้มและทำให้ทารกสงบก่อนจึงจะให้นมได้1           

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. 2558.

การช่วยให้ทารกอ้าปากอมหัวนมและลานนม

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               การช่วยทารกอ้าปากอมหัวนมและลานนมในการเข้าเต้า ทำโดยให้ริมฝีปากของทารกสัมผัสกับหัวนม เพื่อทารกจะได้อ้าปาก คอยให้ทารกอ้าปากกว้างแล้วเคลื่อนทารกเข้าหาเต้านม โดยปากทารกจำเป็นต้องอ้ากว้างเพื่อให้สามารถจะอมหัวนมและลานนมได้ลึก จัดให้ระดับริมฝีปากล่างอยู่ต่ำกว่าหัวนม เพื่อให้คางและริมฝีปากล่างสัมผัสกับเต้านมก่อนริมฝีปากบน และนำทารกเข้าหาเต้านม โดยไม่ควรให้มารดาต้องขยับตัวให้เต้านมเข้าหาทารก1  

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. 2558.

การเข้าเต้าคืออะไร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

              การเข้าเต้าคือ กระบวนการที่นำทารกเข้าหาเต้านมเพื่อการดูดนม เป็นกระบวนการที่สำคัญ โดยทารกจะอ้าปากอมหัวและลานนม การพยุงเต้านมของมารดาขณะให้นมลูกจะทำให้เข้าเต้าได้ดีขึ้น การพยุงเต้านมขณะเข้าเต้าอาจทำได้โดยวางมือบนหน้าอกบริเวณเต้านม โดยใช้นิ้วหัวแม่มือกดบริเวณส่วนบนของเต้านมเพื่อช่วยในการปรับรูปร่างของเต้านมให้มีความเหมาะสมในการอ้าปากอมหัวนมและลานนมของทารก ขณะเดียวกันใช้นิ้วที่เหลือรองรับที่ฐานใต้เต้านม การกดควรกดด้วยควรนุ่มนวล และไม่จำเป็นต้องกดที่จุดเดียวเสมอไป และต้องแน่ใจว่านิ้วมือต้องไม่อยู่ใกล้หัวนมเกินไปจนไปขัดขวางการอ้าปากอมหัวนมและลานนมของทารก ขณะทารกดูดนมหัวนมและลานนมจะยึดยาวออกมามีลักษณะเป็นจุก (teat) อยู่ในปากทารก ท่อน้ำนมจะที่อยู่ใต้ลานนม ลิ้นของทารกจะยื่นออกมาข้างหน้าบนเหงือกด้านล่าง เพื่อที่จะกดไล่นมออกจากเต้านมพร้อมทั้งมีการเคลื่อนที่ของลิ้นส่วนหน้าไปทางกระดูกกรามล่าง (mandible) ขณะที่ลิ้นส่วนหลังจะเคลื่อนที่ในลักษณะเป็นคลื่นระหว่างการกลืนน้ำนมของทารก การที่ทารกอ้าปากอมหัวนมและลานนมในลักษณะนี้ คือการเข้าเต้าที่ดีโดยจะทำให้การดูดและกลืนนมมีประสิทธิภาพ1     

เอกสารอ้างอิง

  1. Elad D, Kozlovsky P, Blum O, et al. Biomechanics of milk extraction during breast-feeding. Proc Natl Acad Sci U S A 2014;111:5230-5.

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)