ถ้าลูกป่วย มารดาต้องหยุดให้นมลูกหรือไม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            เมื่อลูกป่วย การให้ลูกได้กินนมแม่จะยิ่งเกิดประโยชน์ เนื่องจากจะช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันแล้ว นมแม่ยังเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และให้พลังงานที่ดีแก่ทารกแรกเกิด1 ดังนั้น หากลูกป่วยโดยโรคทั่วไป ไม่จำเป็นต้องหยุดการให้นมลูก แต่หากลูกมีความเจ็บป่วยบางโรคที่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร หรือมีความจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด จะมีความจำเป็นต้องให้ลูกหยุดกินนมแม่ชั่วคราว จนเมื่อแพทย์อนุญาตให้ทารกเริ่มอาหารได้ มารดาก็สามารถกลับมาให้ทารกกินนมแม่ต่อได้ แต่ระหว่างที่มีการเว้นระยะหยุดกินนมแม่ มารดาควรบีบหรือปั๊มนม เพื่อให้เต้านมยังคงมีการสร้างน้ำนมอย่างต่อเนื่อง สำหรับน้ำนมที่บีบหรือปั๊ม มารดาสามารถเก็บรักษาโดยแช่เย็นหรือแช่แข็ง และนำกลับมาใช้หากมารดามีความจำเป็นต้องแยกจากทารกในกรณีอื่น ๆ

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

ถ้ามารดาป่วย ต้องหยุดให้นมลูกหรือไม่

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                หากมารดาบังเอิญเจ็บป่วยในระหว่างที่ให้นมลูก ต้องหยุดให้นมลูกหรือไม่ คำถามนี้หากจะตอบให้ละเอียดต้องดูว่ามารดาป่วยเป็นอะไร โดยปกติหากมารดาไม่มีโรคประจำตัว โรคที่มักเจ็บป่วยก็มักจะเป็นหวัด เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย เสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย แสบร้อนท้อง หรือมีอาการของโรคกระเพาะ โรคที่พบบ่อยเหล่านี้ โชคดีที่วิธีการรักษาของโรครวมทั้งการรักษาด้วยยา ไม่มีผลเสียทารกที่กินนมแม่1 ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดการให้นมลูก อย่างไรก็ตาม หากมารดาจำเป็นต้องใช้ยา อาจจะจากร้านขายยา หรือได้รับยาจากคลินิกหรือโรงพยาบาล มารดาควรแจ้งแก่เภสัชกรหรือแพทย์ว่า ตนเองให้นมบุตรอยู่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแล มีความระมัดระวังในเรื่องการใช้ยายิ่งขึ้น และแนะนำการใช้ยาที่เหมาะสม หากมารดาต้องเว้นระยะการให้นมลูกเป็นเวลานานแค่ไหนในโรคบางโรค และต้องมีการติดตามระมัดระวังอะไรบ้างในทารก เช่น การที่มารดาเป็นวัณโรคปอด การให้การรักษามารดาให้พ้นจากระยะที่จะมีการติดต่อ หรือแพร่เชื้อได้ และมารดามีการใช้ยาอะไรบ้าง มีความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูอาการหรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการใดต่อในทารก เมื่อเป็นเช่นนี้ ในกรณีที่มารดามีความเจ็บป่วยที่จำเพาะ ไม่ใช่โรคที่เจ็บป่วยกันบ่อย ๆ ทั่วไป การรับข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์มีความจำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการดูแลเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำได้อย่างเหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

มารดาต้องการลดน้ำหนัก แต่ต้องให้นมลูกทำอย่างไร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

                ขณะที่มารดาตั้งครรภ์มักมีการบำรุงครรภ์โดยรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้มารดามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ไม่เหมาะสมคือ น้ำหนักที่เพิ่มเกินกว่าที่ควร นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ทารกแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์และการคลอดอีกด้วย โดยจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ ทารกตัวโต คลอดยาก เพิ่มความเสี่ยงในการผ่าตัดคลอด การตกเลือดหลังคลอด ซึ่งหากมารดามีน้ำหนักขึ้นที่พอดี หลังคลอดหากมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ น้ำหนักของมารดาจะลดลงเร็ว และมีน้ำหนักเท่ากับก่อนการตั้งครรภ์ในระยะเวลา 3-6 เดือนหลังคลอด ไม่ต้องมาทุกข์ระทม หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักและรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปหลังคลอด ดังนั้น หากมารดาต้องการลดน้ำหนัก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดน้ำหนักอยู่แล้ว1 การควบคุมอาหารและออกกำลังกายในระหว่างการให้นมลูกสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการควบคุมอาหารมากจนเกินไปจนร่างกายมารดาได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจมีผลต่อสารอาหารในนมแม่ในระยะยาวได้ การลดน้ำหนักในมารดาหลังคลอด แนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และดูแลลูกด้วยตนเองก่อน ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแต่พอดี จะทำให้มารดายังสามารถคงการให้นมแม่ได้ มีรูปร่างที่ดี และสุขภาพที่แข็งแรง

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

 

อาหารใดที่ห้ามรับประทานในมารดาที่ให้นมบุตร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

               ไม่มีอาหารใดที่เป็นประโยชน์ที่ห้ามในมารดาที่ให้นมบุตรในมารดาและบุตรที่ปกติ แต่ก็อย่างที่ทราบกันแล้วว่า “แม่กินอะไร ลูกก็ได้อย่างนั้น” แม่ที่กินอาหารที่มีประโยชน์ ลูกก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ แม่กินอาหารที่เป็นพิษต่อร่างกาย ลูกก็จะได้รับสารพิษนั้นด้วย การกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะและครบห้าหมู่จะเป็นประโยชน์แก่มารดาที่ให้นมบุตร และแม่ที่ให้นมบุตรควรรับประทานอาหารเพิ่มเพื่อใช้ในการสร้างน้ำนมโดยปริมาณอาหารที่เพิ่มราว 500 กิโลแคลอรีต่อวัน สำหรับข้อสงสัยที่ว่า แม่กินอาหารรสจัดหรือเผ็ดได้ไหม คำตอบคือกินได้ แต่ก็ไม่ควรมากเกินพอดี เพราะหากเผ็ดมากไปจนระคายเคืองกระเพาะและทางเดินอาหาร แม่เกิดอาการผิดปกติก็จะเกิดผลเสียต่อการให้นมลูกด้วย1

เอกสารอ้างอิง

  1. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

หลังคลอด มารดาควรกินอาหารกระตุ้นน้ำนมไหม

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

            ก่อนอื่นต้องย้ำอีกทีว่า สิ่งที่กระตุ้นนมแม่ที่ดีที่สุดคือลูก โดยให้ลูกกระตุ้นดูดนมบ่อย ๆ และดูดจนเกลี้ยงเต้า ดังนั้นเมื่อมีการถามว่าควรกินอาหารที่กระตุ้นน้ำนมไหม คำตอบคือ กินได้เพราะไม่มีข้อเสียอื่นใด หากรับประทานเป็นอาหาร และมารดามีการกินอาหารที่หลากหลาย ไม่ได้เลือกเฉพาะอาหารที่กระตุ้นน้ำนมอย่างเดียว ในประเทศไทย อาหารที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นน้ำนม ได้แก่อาหารที่มีส่วนประกอบของพืชผักจำพวกหัวปลี ขิง ใบแมงลัก กุยช่าย กะเพรา ตำลึง มะรุม สำหรับผลไม้ ได้แก่ มะละกอ ฟักทอง เป็นต้น โดยอาจทำเป็นเมนูอาหาร แกงเลียงผักรวม ไก่หรือปลาผัดขิง แกงตำลึงเต้าหู้หมูสับ ผัดกุยช่าย แกงป่า แกงส้มมะรุม ฟักทองผัดไข่ แม้ว่ายังขาดข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัยถึงประสิทธิผลของอาหารเหล่านี้ในการกระตุ้นน้ำนม มีเพียงการศึกษาขิงที่ผลิตเป็นแคปซูลซึ่งจะช่วยให้น้ำนมมาเร็วในช่วงแรก แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ก็ไม่มีความแตกต่างกัน1  อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้เป็นอาหารไม่มีโทษ และมีแนวโน้มว่าจะได้ประโยชน์ การพิจารณาอาหารในกลุ่มนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมารดาที่ให้นมบุตร2

เอกสารอ้างอิง

  1. Paritakul P, Ruangrongmorakot K, Laosooksathit W, Suksamarnwong M, Puapornpong P. The Effect of Ginger on Breast Milk Volume in the Early Postpartum Period: A Randomized, Double-Blind Controlled Trial. Breastfeed Med 2016;11:361-5.
  2. ภาวิน พัวพรพงษ์. รอบรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. นครนายก: ซี.ที. ดอทคอม; 2558.

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)