การเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะไตรมาสที่สาม

การเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะไตรมาสที่สาม

การเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะไตรมาสที่สาม

ทารกในไตรมาสที่สามจะเพิ่มน้ำหนักเร็วขึ้นเนื่องการการเจริญเติบโตของอวัยวะต่างๆ ครบถ้วนแล้ว การเกิดของทารกก่อนระยะนี้ นับเป็นการแท้ง ในสัปดาห์ที่ 32 ทารกจะมีน้ำหนักประมาณ 1800 กรัม ผิวหนังยังมีสีแดงและเหี่ยวย่น สัปดาห์ที่ 36 ทารกจะมีน้ำหนักประมาณ 2500 กรัม ผิวหนังเริ่มตึงขึ้นจากไขมันสะสมใต้ผิวหนัง เมื่อย่างเข้าสัปดาห์ที่ 37 เมื่อมีการคลอดก็จะถึอว่าการคลอดครบกำหนดแล้ว สำหรับอายุครรภ์ที่เลย 42 สัปดาห์ขึ้นไปมักเกิดอันตรายจากการเสื่อมของการทำงานของรก ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกได้

ในระยะไตรมาสที่สาม? อาการต่างๆ ที่พบในไตรมาสที่สองจะเพิ่มมากขึ้น? อาการอื่นๆ ที่พบเพิ่มเติมได้แก่

– หายใจไม่อิ่ม? เนื่องจากมดลูกขยายขนาดขึ้นมากดันกระบังลม

– สะดือจะถูกดันจนราบหรือจุ่นในบางรายซึ่งจะเหมือนเดิมเมื่อหลังคลอด

– อาจพบปัสสาวะเล็ดเวลาไอ จาม หรือวิ่ง

– การปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นจากศีรษะทารกลงไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ

– เหนื่อยจากการหลับไม่ค่อยสนิท? เนื่องจากการเจ็บครรภ์เตือนหรือการดิ้นของทารกในครรภ์

– อุ้ยอ้ายจากท้องที่ใหญ่และหนักขึ้น

– กระดูกเชิงกรานจะเริ่มขยายบริเวณข้อต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด? ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกปวดบริเวณข้อสะโพกหรือหัวหน่าวเวลาเคลื่อนไหวได้

– น้ำหนักในช่วงไตรมาสนี้โดยรวมเพิ่มประมาณ 5 กิโลกรัม

คุณแม่จะปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงไตรมาสที่สาม??

การปฏิบัติตัวที่เหมาะสมเพิ่มเติมในระยะนี้จากไตรมาสที่สอง ได้แก่

– ยกเท้าพาดสูงเสมอเมื่อมีโอกาส? เพื่อลดการเกิดเส้นเลือดขอดและข้อเท้าบวม

– ควรจัดเตรียมกระเป๋าเสื่อผ้าของใช้? สำหรับการไปโรงพยาบาลให้พร้อมอยู่เสมอ

– เตรียมยกทรงสำหรับใส่ให้นมลูกได้

– เตรียมของใช้สำหรับลูกน้อยหลังคลอดใหม่

อาการอะไรบ้างที่ต้องรีบปรึกษาแพทย์ในไตรมาสที่สาม?

– มีไข้สูง ไม่ทราบสาเหตุ

– ปัสสาวะแสบ ขัด หรือเป็นเลือด

– ปวดท้องน้อยรุนแรง

– เลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งอาจเป็นอาการนำของการตกเลือดก่อนคลอด

– ทารกในครรภ์ดิ้นน้อย หรือไม่ดิ้น

– ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือคันช่องคลอด

– มีมูกเลือด มีน้ำเดิน

– มีอาการของการเจ็บครรภ์คลอด คือ ท้องแข็งเป็นก้อนเป็นพักๆ ทุก 10 นาทีหรือน้อยกว่า การเจ็บครรภ์สม่ำเสมอและถี่ขึ้นเรื่อยๆ

อาการเตือนอย่างไรแสดงถึงการเจ็บครรภ์คลอด?

??????????? คุณแม่อาจวิตกกังวลและไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เวลานั้นมาถึง? ความไม่แน่ใจซึ่งอาจมีเฉพาะการบีบตัวของมดลูกครั้งแรกๆ? ซึ่งคล้ายกับการบีบตัวปกติในสัปดาห์ท้ายๆ ของการตั้งครรภ์? แต่จะแน่ใจเมื่อพบสัญญาณเตือนต่อไปนี้

– มูกเลือด (show)? เป็นก้อนมูกข้นมีเลือดผสม? เดิมปิดอยู่บริเวณปากมดลูกและจะหลุดผ่านช่องคลอดเมื่อตอนเริ่มระยะเจ็บครรภ์

– น้ำเดิน? ถุงน้ำคร่ำซึ่งห่อหุ้มตัวทารกอยู่จะแตกในช่วงหนึ่งของการเจ็บครรภ์? อาจพบมีน้ำไหลพรวดโดยปกติจะมีจำนวนมาก ถ้าเกิดขณะยืนอยู่จะไหลมาตามขาและลงพื้น หากนอนอยู่จะพบลักษณะเตียงเปรอะคล้ายปัสสาวะรดที่นอน? ถ้าพบน้ำเดินแม้ไม่มีการเจ็บครรภ์ก็ควรไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์? เพราะการที่มีถุงน้ำคร่ำแตกเป็นระยะเวลานานจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อสูงขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายกับทารกในครรภ์ได้

– มดลูกบีบตัว? อาจเริ่มด้วยการปวดหน่วงๆ ที่หลัง? หรือปวดร้าวไปขา จะสังเกตเห็นท้องแข็งเป็นพักๆ อาการปวดจะสม่ำเสมอและถี่ขึ้น? โดยปกติอาการปวดมักจะถี่โดยเว้นช่วงระยะเวลาน้อยกว่า 10 นาทีหรือชั่วโมงละ 6 ครั้ง

เมื่อถึงตอนนี้ คุณแม่คนใหม่คงจะเตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่ระยะคลอดได้อย่างเหมาะสม ไม่วิตกกังวลอีกต่อไปและสามารถผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปด้วยดี

บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์

ข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ระหว่างการตั้งครรภ์ เดือนที่ 5

ข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ระหว่างการตั้งครรภ์ เดือนที่ 5

 

ข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ระหว่างการตั้งครรภ์ เดือนที่ 5

– เดือนที่ห้า ในคุณแม่ครรภ์แรกจะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นของทารกในครรภ์ได้ แต่มักไม่ค่อยแน่ใจ การดิ้นของทารกจะรู้สึกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การบริหารร่างกายของสตรีตั้งครรภ์สามารถบริหารร่างกายได้โดยการออกกำลังกาย การเดิน การแกว่งแขน การนอนยกเท้าบริหารกล้ามเนื้อต้นขาและอุ้งเชิงกราน สำหรับการรับประทานอาหารมารดาจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น น้ำหนักไม่ควรขึ้นเกินเดือนละสองกิโลกรัม

 

บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์

 

 

คุณพร้อมจะเป็น ?คุณแม่? หรือยัง?

คุณพร้อมจะเป็น ?คุณแม่? หรือยัง?

คุณพร้อมจะเป็น ?คุณแม่? หรือยัง?

? ? ? ? ?เมื่อคุณคิดจะเป็นคุณแม่? การวางแผนล่วงหน้า? จะทำให้การตั้งครรภ์และการมีบุตรมีความสมบูรณ์แบบ? การวางลำดับขั้นตอนอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่เพิ่มให้คุณมีโอกาสการตั้งครรภ์สูงขึ้นเท่านั้น? ยังให้โอกาสแก่คุณที่จะมีลูกที่มีความสมบูรณ์และปกติด้วย? การเตรียมพร้อมก่อนการตั้งครรภ์คู่สมรสควรมีการเตรียมตัวอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 เดือนและเมื่อตั้งครรภ์แล้ว ในช่วงเดือนแรกๆ ของการตั้งครรภ์จะเป็นช่วงเวลาที่เกิดความกระทบกระเทือนและเกิดอันตรายแก่ทารกในครรภ์ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์และกินอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ จะทำให้มั่นใจได้ว่า คุณได้เตรียมพร้อมแล้วสำหรับลูกน้อยในครรภ์

บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์

ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย

 

? ? ? ? ? ??ถุงยางอนามัย? การคุมกำเนิดวิธีนี้สามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองใน ซิฟิลิส หรือเอดส์ วิธีการคุมกำเนิดต้องใส่ถุงยางอนามัยในอวัยวะเพศชายเมื่อมีการแข็งตัวเต็มที่ และต้องใส่ก่อนการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในอวัยวะเพศสตรีเสมอ เพราะหากมีการสอดใส่ไปก่อนแล้วจึงใส่ถุงยางอนามัย อาจตั้งท้องได้ วิธีการนี้หากมีความคุ้นเคยก็ไม่ได้รับกวนความรู้สึกขัดจังหวะการมีความสุขจากการมีเพศสัมพันธุ์เลย เมื่อมีฝ่ายชายมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ควรถอดถุงยางอนามัยออกก่อนอวัยวะเพศชายอ่อนตัวลงเพื่อป้องกันน้ำอสุจิไหลออกมาและเข้าไปในช่องคลอดฝ่ายหญิง ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง

 

บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์

 

ทำไมต้องมีการคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด

 

การมีเพศสัมพันธ์เป็นกลไกธรรมชาติที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ ซึ่งนำไปสู่การตั้งครรภ์ โดยการตั้งครรภ์นั้นเกิดขึ้นทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ได้เตรียมใจ การคุมกำเนิดจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้การมีเพศสัมพันธุ์เกิดได้อย่างมีความสุข ไร้ความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ เราจึงควรมาเรียนรู้เรื่องการคุมกำเนิดในแต่ละชนิดโดยศึกษาถึงข้อดีข้อเสียและความเหมาะสมกับตนเองที่จะเลือกใช้

 

บทความโดย รศ.นายแพทย์ภาวิน พัวพรพงษ์

 

 

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)