10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ตอนที่ 5)

obgyn

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

  • ไม่ให้จุกนมหรือหัวนมหลอกกับทารกที่เลี้ยงด้วยนมแม่ มีการศึกษาการให้จุกนมหรือหัวนมหลอกกับทารกหลังคลอดที่อายุมากกว่า 4 สัปดาห์พบว่าระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สั้นลง1 แต่จากการศึกษาที่เป็นการทบทวนอย่างเป็นระบบ (systematic review) ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างจุกนมหรือหัวนมหลอกกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหรือระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่2 อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ยังยึดเป็นส่วนหนึ่งของสิบขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
  • ส่งเสริมให้เกิดกลุ่มที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และส่งต่อการดูแลมารดาและทารกเมื่อได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน บทบาทของกลุ่มที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่การติดตาม สอบถาม ให้ความรู้ ให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การติดตามอาจใช้การโทรศัพท์สอบถามหรือการเยี่ยมบ้าน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ส่งผลทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีขึ้น3,4

การนำสิบขั้นตอนในการสร้างความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปใช้มีนานกว่า 20 ปี ซึ่งส่งผลให้เพิ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวและระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่5,6

หนังสืออ้างอิง

1.??????????? Howard CR, Howard FM, Lanphear B, et al. Randomized clinical trial of pacifier use and bottle-feeding or cupfeeding and their effect on breastfeeding. Pediatrics 2003;111:511-8.

2.??????????? O’Connor NR, Tanabe KO, Siadaty MS, Hauck FR. Pacifiers and breastfeeding: a systematic review. Arch Pediatr Adolesc Med 2009;163:378-82.

3.??????????? Kronborg H, Vaeth M, Olsen J, Iversen L, Harder I. Effect of early postnatal breastfeeding support: a cluster-randomized community based trial. Acta Paediatr 2007;96:1064-70.

4.??????????? Dennis CL, Kingston D. A systematic review of telephone support for women during pregnancy and the early postpartum period. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2008;37:301-14.

5.??????????? Abrahams SW, Labbok MH. Exploring the impact of the Baby-Friendly Hospital Initiative on trends in exclusive breastfeeding. Int Breastfeed J 2009;4:11.

6.??????????? Kramer MS, Chalmers B, Hodnett ED, et al. Promotion of Breastfeeding Intervention Trial (PROBIT): a randomized trial in the Republic of Belarus. JAMA 2001;285:413-20.

 

 

10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ตอนที่ 4)

obgyn

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

  • มารดาและทารกควรอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงหลังคลอด (rooming in) การที่มารดาและทารกอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงจะเพิ่มระยะเวลา และโอกาสในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก กระตุ้นให้เกิดเพิ่มการสร้างน้ำนมและทำให้มารดามีความมั่นใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น1
  • กระตุ้นให้มีป้อนนมแม่ตามความต้องการ ไม่มีข้อจำกัดในความถี่และระยะเวลาการให้นมแม่ แต่ควรให้ทุก 2-3 ชั่วโมง วันละอย่างน้อย 8-12 ครั้ง เมื่อให้การกระตุ้นด้วยความถี่ที่เพียงพอ น้ำนมจะมาเพิ่มขึ้น และหากให้จนเกลี้ยงเต้าจะช่วยป้องกันและลดอาการตึงคัดเต้านมได้2

หนังสืออ้างอิง

1.??????????? Bystrova K, Widstrom AM, Matthiesen AS, et al. Early lactation performance in primiparous and multiparous women in relation to different maternity home practices. A randomised trial in St. Petersburg. Int Breastfeed J 2007;2:9.

2.??????????? Eglash A, Montgomery A, Wood J. Breastfeeding. Disease-a-Month 2008;54:343-411.

 

 

 

10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ตอนที่ 3)

obgyn

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

  • แสดงให้มารดารู้วิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และวิธีการดูแลให้มีปริมาณน้ำนมเพียงพอหากมีความจำเป็นต้องแยกจากทารก????????? การสอนเรื่องวิธีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต้องเริ่มจากการสอนการเข้าเต้า โดยสอนเรื่องการเข้าเต้าเริ่มตั้งแต่ สังเกตลักษณะความพร้อมของทารกในการดูดนม ได้แก่ การจ้องมอง การตื่นตัว การตอบสนองต่อการกระตุ้น การดูด การนำมือหรือนิ้วเข้าปาก ลักษณะการส่งเสียงและการร้อง การตอบสนองต่อการกระตุ้นจากเต้านมของทารกโดยการอ้าปากกว้าง ลิ้นอยู่ในลักษณะรูปถ้วย และวางอยู่บริเวณเหงือกด้านล่าง ทารกจะอมหัวนมและส่วนของลานนมยาว 2 เซนติเมตรเข้าไปในปาก จากนั้นดูด ซึ่งจะดูดและหยุดสลับเป็นจังหวะต่อเนื่องกัน ได้ยินเสียงการกลืน สังเกตเห็นนมในปากทารก ทารกอาจจะปลิ้นน้ำนมออกมาขณะเรอ มีการเปลี่ยนแปลงจังหวะการดูดจาก 2 ครั้งต่อวินาทีเป็น 1 ครั้งต่อวินาที เมื่อทารกกินนมอิ่มแล้วจะปล่อยเต้านมออกมาเอง ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น หน้า แขนและมือผ่อนคลาย โดยอาจจะหลับ การจัดท่าทารกและแนวการวางตัวของทารกขณะเข้าเต้า ศีรษะทารกและลำตัวอยู่ระดับเต้านม และอยู่แนวเดียวกับลำตัว ไม่หันไปทางด้านข้าง ก้มหรือเงยจนเกินไป แนวการวางตัวของทารกที่ถูกต้องจะอยู่ในแนวของเส้นสมมุติจากหู ไปไหล่และขอบกระดูกอุ้งเชิงกราน (iliac crest) เมื่อมารดาเข้าเต้าได้อย่างเหมาะสม จะกระตุ้นการดูดนมได้ดี ไม่เจ็บหัวนมหรือเจ็บเต้านมเพียงเล็กน้อยและดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่หากการเข้าเต้าและการดูดไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อภาวะแทรกซ้อนทำให้เกิดหัวนมแตก เต้านมอักเสบและเป็นหนองได้ กรณีที่มีความจำเป็นของมารดาที่ต้องกลับไปทำงาน การเรียนรู้เรื่องวิธีการเก็บนมแม่จำเป็น การเก็บนมแม่จากการบีบนมจากเต้านมจะได้ผลในช่วงแรก แต่หากเก็บต่อเนื่องในระยะนานการเก็บด้วยเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพกว่า1
  • ไม่ให้สารอาหารอื่นนอกจากนมแม่ หากไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์สำหรับการให้สารอาหารอื่นเสริม1 แบ่งเป็น

-ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ชัดเจน (absolute medical indication) สำหรับการให้สารอาหารอื่นเสริมระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ มารดาและทารกแยกจากกัน มารดาเจ็บป่วยรุนแรง ความผิดปกติของทารกในการเมตาบอลิซึม (inborn error of metabolism) ทารกไม่สามารถจะดูดนมจากเต้านมได้เนื่องจากความเจ็บป่วยหรือความพิการ และการที่มารดาได้รับยาบางชนิดที่เป็นข้อห้ามในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

-ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์สัมพัทธ์ (relative medical indication)สำหรับการให้สารอาหารอื่นเสริมระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ การมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่ไม่มีอาการ ทารกมีภาวะขาดน้ำที่ไม่ดีขึ้นจากการให้นมแม่ น้ำหนักทารกลดลงร้อยละ 8-10 ร่วมกับมีการสร้างน้ำนมช้าเมื่อประเมินที่ 120 ชั่วโมงหลังคลอด การถ่ายอุจจาระน้อยเมื่อประเมินที่ 120 ชั่วโมงหลังคลอด น้ำนมไหลน้อย ภาวะตัวเหลืองของทารกหลังคลอดจากการขาดสารอาหารหรือจากนมแม่ที่ตรวจค่าบิลลิรูบิน (bilirubin) เกิน 18 มีความจำเป็นที่ต้องได้รับสารอาหารแมคโคร (macronutrient) มีประวัติการผ่าตัดเต้านมที่ทำให้มีผลต่อการลำเลียงน้ำนมจากเต้านมสู่หัวนมแม่ และการเจ็บปวดรุนแรงระหว่างให้นมแม่

???????? สำหรับปัญหาที่พบบ่อย แต่เป็นเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องให้สารอาหารอื่นเสริมระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ ทารกมีอาการง่วงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกโดยมีน้ำหนักลดน้อยกว่าร้อยละ 7 ภาวะตัวเหลืองของทารกหลังคลอด 72 ชั่วโมงที่มีค่าบิลลิรูบินน้อยกว่า 18 ร่วมกับน้ำหนักลดน้อยกว่าร้อยละ 7 โดยที่ทารกยังกินได้และถ่ายปกติ ทารกหงุดหงิดในตอนกลางคืนหรือมารดาให้นมแม่เป็นเวลาหลายชั่วโมง และมาดาเหนื่อยหรือง่วงนอน

หนังสืออ้างอิง

1.??????????? Holmes AV. Establishing successful breastfeeding in the newborn period. Pediatr Clin North Am 2013;60:147-68.

 

 

 

 

10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ตอนที่ 2)

obgyn

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

  • ให้ข้อมูลกับสตรีตั้งครรภ์ทุกคนเกี่ยวกับประโยชน์และการดูแลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประโยชน์ของนมแม่ต่อมารดา ได้แก่ การลดการเกิดเบาหวาน (type 2 diabetes) การเกิดการซึมเศร้าหลังคลอด การเกิดมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม การมีบุตรยากและช่วยคุมกำเนิด ประโยชน์ต่อทารก ได้แก่ การลดการเกิดหูชั้นกลางอักเสบ การเกิดผิวหนังอักเสบ (atopic dermatitis) การอักเสบของกระเพาะและลำไส้ การอักเสบของทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ชนิดเนื้อตาย (necrotizing enterocolitis) การเกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่รุนแรง หอบหืด โรคมือ ปาก เท้าเปื่อย การเสียชีวิตของทารกเฉียบพลัน (sudden infant death syndrome) การเกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็ก1,2 การตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มารดาที่มีทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์กับการเลือกเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากกว่าเลี้ยงลูกด้วยนมผสมอย่างมีนัยสำคัญ3 ในมารดาที่มีความตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นาน พบว่าสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานกว่า4,5 การให้ความรู้แก่สตรีก่อนการคลอดเกี่ยวกับประโยชน์อย่างมากของนมแม่และข้อดีที่ชัดเจนของนมแม่เหนือนมผสมมีผลต่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่6
  • ช่วยให้มารดาเริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในครึ่งชั่วโมงหลังคลอด ประกอบด้วยการเริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาพบว่าหากเริ่มให้นมลูกช้ากว่า 6 ชั่วโมงแรกหลังมีผลลบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่7 การให้ผิวของทารกได้มีการสัมผัสกับผิวมารดาในช่วงแรกคลอดส่งผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ 1-4 เดือนหลังคลอดอย่างมีนัยสำคัญและเพิ่มระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ8

หนังสืออ้างอิง

1.??????????? Eglash A, Montgomery A, Wood J. Breastfeeding. Disease-a-Month 2008;54:343-411.

2.??????????? Zhu Q, Li Y, Li N, et al. Prolonged exclusive breastfeeding, autumn birth and increased gestational age are associated with lower risk of fever in children with hand, foot, and mouth disease. Eur J Clin Microbiol Infect Dis 2012;31:2197-202.

3.??????????? Scott JA, Shaker I, Reid M. Parental attitudes toward breastfeeding: their association with feeding outcome at hospital discharge. Birth 2004;31:125-31.

4.??????????? Forster DA, McLachlan HL, Lumley J. Factors associated with breastfeeding at six months postpartum in a group of Australian women. Int Breastfeed J 2006;1:18.

5.??????????? Blyth RJ, Creedy DK, Dennis CL, et al. Breastfeeding duration in an Australian population: the influence of modifiable antenatal factors. J Hum Lact 2004;20:30-8.

6.??????????? Sakha K, Behbahan AG. Training for perfect breastfeeding or metoclopramide: which one can promote lactation in nursing mothers? Breastfeed Med 2008;3:120-3.

7.??????????? Chaves RG, Lamounier JA, Cesar CC. Factors associated with duration of breastfeeding. J Pediatr (Rio J) 2007;83:241-6.

8.??????????? Moore ER, Anderson GC, Bergman N, Dowswell T. Early skin-to-skin contact for mothers and their healthy newborn infants. Cochrane Database Syst Rev 2012;5:CD003519.

 

 

 

 

10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ตอนที่ 1)

obgyn

เขียนโดย รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (Ten Steps to Successful Breastfeeding) ได้รับการกำหนดเป็นนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากองค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 และได้มีการศึกษาถึงผลการนำไปปฏิบัติต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยจะเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในระยะเวลาหกเดือน1 ขั้นตอน 10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีรายละเอียดดังนี้

  • มีนโยบายในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่เขียนไว้ชัดเจนไว้สื่อสารกับบุคลากร การเขียนนโยบายควรสื่อสารความชัดเจนในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ขั้นตอน กระบวนการและสิ่งสนับสนุนที่ช่วยเหลือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงสื่อสารในเรื่องการให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากเป็นการสื่อสารในองค์กรแล้ว ยังเป็นการสื่อสารให้กับมารดาและครอบครัวได้เห็นถึงแนวทางในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของโรงพยาบาลและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกระแสสังคมด้วย มีการศึกษาว่าการมีนโยบายในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่เขียนไว้ชัดเจนไว้สื่อสารกับบุคลากรมีความสัมพันธ์แบบอิสระกับอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ช่วยให้มีการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสองสัปดาห์หลังคลอดสูงขึ้น2
  • ฝึกบุคลากรให้มีทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติตามนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การฝึกอบรมบุคลากรที่เป็นผู้ดูแลแม่และลูกในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมหลักสูตร 20 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการปฏิบัติทางคลินิก 3 ชั่วโมงและในการฝึกทักษะสัดส่วนแพทย์ผู้สอนต่อผู้เข้าอบรม 1:1หรือ 1:2 ปัญหาหนึ่งของบุคลากรคือ แพทย์ผู้เป็นผู้นำในการสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังขาดความรู้และทักษะในการสอนและจัดให้มารดาและทารกได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ในปัจจุบันการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประกอบวิชาชีพเวชกรรมปี 2555 ในการสอนนักศึกษาแพทย์และมีการหลักสูตรส่งเสริมการเรียนการสอนของอาจารย์แพทย์สาขาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยาและกุมารเวชศาสตร์ มีตำรา เอกสารการสอนและสื่อสนับสนุนการสอนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทำให้ระบบการเรียนการสอนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีขึ้น ซึ่งอิทธิพลในด้านความคิดเห็นของแพทย์มีผลต่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมาก3,4

หนังสืออ้างอิง

1.??????????? Zakarija-Grkovic I, Segvic O, Bozinovic T, et al. Hospital practices and breastfeeding rates before and after the UNICEF/WHO 20-hour course for maternity staff. J Hum Lact 2012;28:389-99.

2.??????????? Rosenberg KD, Stull JD, Adler MR, Kasehagen LJ, Crivelli-Kovach A. Impact of hospital policies on breastfeeding outcomes. Breastfeed Med 2008;3:110-6.

3.??????????? Taveras EM, Li R, Grummer-Strawn L, et al. Opinions and practices of clinicians associated with continuation of exclusive breastfeeding. Pediatrics 2004;113:e283-90.

4.??????????? Taveras EM, Capra AM, Braveman PA, Jensvold NG, Escobar GJ, Lieu TA. Clinician support and psychosocial risk factors associated with breastfeeding discontinuation. Pediatrics 2003;112:108-15.

 

 

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)