ทารกที่กินนมมารดาที่กินเหล้า ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อทารกในครรภ์และทารกที่กินนมแม่ โดยทั่วไปไม่แนะนำให้มารดาดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หากมารดาตั้งครรภ์หรือมีทารกกินนมแม่ ในมารดาที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์การหยุดหรือลดการดื่มให้ไม่เกินหนึ่งดื่มมาตรฐานจะลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นได้  อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาผลในระยะยาวของทารกที่กินนมแม่ในมารดาที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์พบว่า ทารกที่กินนมแม่ในมารดาที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้น เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา จะมีความสามารถในการเรียนรู้ทั้งด้านภาษาและตัวเลขลดลง1 การให้ข้อมูลเหล่านี้แก่มารดาและครอบครัวอาจช่วยให้เกิดความเข้าใจถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นและลดหรือหยุดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลงได้

เอกสารอ้างอิง

1.        Gibson L, Porter M. Drinking or Smoking While Breastfeeding and Later Academic Outcomes in Children. Nutrients 2020;12.

การใช้เครื่องตรวจการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าวินิจฉัยภาวะลิ้นติด

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

ภาวะลิ้นติดเป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยมีผลทำให้มารดาเกิดการเจ็บหัวนมขณะทารกดูดนม ทำให้เกิดการเข้าเต้ายาก และส่งผลให้ทารกกินนมได้ไม่ดี จึงทำให้ทารกมีน้ำหนักขึ้นน้อยได้ โดยทั่วไป การวินิจฉัยภาวะลิ้นติดมีวิธีการวินิจฉัยในหลากหลายเกณฑ์ ได้แก่ เกณฑ์ของ Hazelbaker เกณฑ์ของ Kotlow เกณฑ์การวินิจฉัยของศิริราช และการใช้เครื่องมือ MEDSWU Tongue-tie director ที่เป็นเครื่องมือที่คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒได้ทำการพัฒนาเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มีความสะดวกและมั่นใจในการวินิจฉัยภาวะลิ้นติด นอกจากนี้ มีการศึกษาในประเทศบราซิลที่พยายามจะใช้เครื่องมือวัดการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าวัดการทำงานของกล้ามเนื้อ Greater suprahyoid ที่ทำหน้าที่ขณะที่ทารกดูดและกินนมในการวินิจฉัยภาวะลิ้นติด1 ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า การใช้เครื่องมือวัดการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสามารถทำการวินิจฉัยการจำกัดการเคลื่อนไหวของลิ้นที่จะเป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัยภาวะลิ้นติดได้ อย่างไรก็ตาม การกำหนดมาตรฐานและความยุ่งยากในการแปลผลยังอาจเป็นอุปสรรคในการนำเครื่องมือนี้มาใช้ในคลินิก

เอกสารอ้างอิง

1.        Franca ECL, Albuquerque LCA, Martinelli RLC, Goncalves IMF, Souza CB, Barbosa MA. Surface Electromyographic Analysis of the Suprahyoid Muscles in Infants Based on Lingual Frenulum Attachment during Breastfeeding. Int J Environ Res Public Health 2020;17.

แนวทางการปฏิบัติเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับโรงพยาบาล ตอนที่ 5

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

มารดาที่มีความเสี่ยงที่จะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระยะฝากครรภ์และในระหว่างการคลอด เมื่อมาคลอด ควรมีการกระตุ้นให้มารดาโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อและเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด และเมื่อมารดาและทารกย้ายไปที่หอผู้ป่วยหลังคลอด หรือในมารดาและทารกที่มีความเสี่ยงในระยะแรกหลังคลอด ควรมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  • จัดให้มารดาอยู่ร่วมกันกับทารกตลอด 24 ชั่วโมง
  • สอนและฝึกให้มารดาบีบน้ำนมด้วยมือ เข้าเต้า และจัดท่าให้นมลูก
  • จัดบุคลากรที่มีทักษะในการประเมินและให้คำแนะนำในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เยี่ยมมารดาและทารกทุก 8 ชั่วโมง
  • นัดติดตามมารดาและทารกหลังจากได้รับอนุญาตให้กลับบ้านในช่วง 3-5 วันที่คลินิกนมแม่

แนวทางการปฏิบัติเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับโรงพยาบาล ตอนที่ 4

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

เกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระยะแรกหลังคลอด1,2

  • มารดาที่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยกว่า 3  เดือน
  • มารดาที่วางแผนจะให้นมผงดัดแปลงสำหรับทารกก่อน 3 เดือน
  • มารดาที่ต้องกลับไปทำงานเร็วก่อน 3 เดือน
  • มารดาที่รู้สึกมีน้ำนมไม่เพียงพอ
  • มารดาที่เจ็บหัวนมหรือมีหัวนมหลังทารกดูดนมแบน
  • มารดาที่มีน้ำนมมาช้าเกิน 72 ชั่วโมงหลังคลอด
  • มารดาที่ไม่สามารถจะบีบหัวน้ำนมด้วยมือ
  • มารดาที่ได้รับยาแก้ปวดในกลุ่มมอร์ฟีนในระยะหลังคลอด
  • ทารกที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอด
  • ทารกคลอดก่อนกำหนด
  • ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
  • ทารกครรภ์แฝด
  • ทารกที่มีความผิดปกติของกายวิภาคในช่องปาก ได้แก่ ทารกที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ ลิ้นใหญ่คับปาก คางเล็ก และทารกที่มีภาวะลิ้นติด
  • ทารกที่มีความผิดปกติของระบบประสาท ได้แก่ กลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (hypertonia) หรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ (hypotonia)
  • ทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ น้ำตาลในเลือดต่ำ มีภาวะตัวเหลือง หายใจเร็ว มีภาะขาดออกซิเจนในครรภ์ มีการติดเชื้อ หรือมีการบาดเจ็บระหว่างการคลอด
  • ทารกที่มีอาการง่วงหลับต่อเนื่อง
  • ทารกที่มีการเข้าเต้าที่ยากลำบาก
  • ทารกที่ดูดนมไม่ต่อเนื่องหรือไม่มีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

1.         Feldman-Winter L, Kellams A, Peter-Wohl S, et al. Evidence-Based Updates on the First Week of Exclusive Breastfeeding Among Infants >/=35 Weeks. Pediatrics 2020;145.

2.         Puapornpong P, Paritakul P, Suksamarnwong M, Srisuwan S, Ketsuwan S. Nipple Pain Incidence, the Predisposing Factors, the Recovery Period After Care Management, and the Exclusive Breastfeeding Outcome. Breastfeed Med 2017;12:169-73.

แนวทางการปฏิบัติเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับโรงพยาบาล ตอนที่ 3

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

เกณฑ์ความเสี่ยงในการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควรในระหว่างการคลอด1,2

            ข้อมูลในระหว่างการคลอด

  • มารดาที่มีการคลอดที่เนิ่นนาน (ครรภ์แรก ≥ 20 ชั่วโมง และครรภ์หลัง ≥ 14 ชั่วโมง)
  • มารดาที่มีการกระตุ้นหรือชักนำการคลอดนาน (≥ 14 ชั่วโมง)
  • มารดาที่มีการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มมอร์ฟีนในระหว่างการคลอด
  • มารดาที่มีภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการคลอด ได้แก่ โรคเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ โรคความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (gestational hypertension)  ครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia) มารดาที่มีการติดเชื้อโดยเฉพาะเป็นการติดเชื้อของรกและถุงน้ำคร่ำ และมารดาที่มีการตกเลือดหลังคลอด

ข้อมูลทารกจากการประเมินเบื้องต้น

  • ทารกคลอดก่อนกำหนด
  • ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
  • ทารกครรภ์แฝด
  • ทารกที่มีความผิดปกติของกายวิภาคในช่องปาก ได้แก่ ทารกที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ ลิ้นใหญ่คับปาก คางเล็ก และทารกที่มีภาวะลิ้นติด
  • ทารกที่มีความผิดปกติของระบบประสาท ได้แก่ กลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัว (hypertonia) หรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ (hypotonia)
  • ทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ น้ำตาลในเลือดต่ำ มีภาวะตัวเหลือง หายใจเร็ว มีภาะขาดออกซิเจนในครรภ์ มีการติดเชื้อ หรือมีการบาดเจ็บระหว่างการคลอด

เอกสารอ้างอิง

1.         Feldman-Winter L, Kellams A, Peter-Wohl S, et al. Evidence-Based Updates on the First Week of Exclusive Breastfeeding Among Infants >/=35 Weeks. Pediatrics 2020;145.

2.         Puapornpong P, Raungrongmorakot K, Mahasitthiwat V, Ketsuwan S. Comparisons of the latching on between newborns with tongue-tie and normal newborns. J Med Assoc Thai 2014;97:255-9.

แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)