รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
จำนวนของมารดาที่มีการใช้ยาระหว่างการตั้งครรภ์และให้นมบุตรมีจำนวนมาก1 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการรักษาโรคเนื่องจากการหยุดการใช้ยาหรือหยุดให้นมลูกจากการกลัวอันตรายจากการใช้ยาจะเกิดขึ้นกับลูก ในทางตรงกันข้ามมารดาอาจมีการใช้โดยไม่ทราบว่าอาจเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่ได้ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องทันสมัยจะช่วยให้มารดาสามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสม ในประเทศไทย การเข้าถึงข้อมูลยังมีความจำกัด เนื่องจากมีข้อจำกัดของความรู้ของมารดา ข้อจำกัดในเรื่องความเข้าใจเนื้อหา ศัพท์เทคนิค ภาษาอังกฤษ และการเข้าถึงข้อมูลในสื่อออนไลน์ การสื่อสารให้มารดาตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ให้มารดาและบุคลากรทางการแพทย์มีการตื่นตัว แจ้งหรือซักถามสตรีในวัยเจริญพันธุ์ทุกครั้งเมื่อมีการใช้หรือสั่งจ่ายยาให้กับมารดาจะช่วยในการลดปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาให้มารดามีศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลด้วยตนเองได้ ร่วมกับการพัฒนาสื่อให้สามารถมีความง่ายในการใช้งานและเข้าใจ จะส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลและปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
1. Heitmann K, Schjott J. SafeMotherMedicine: Aiming to
Increase Women’s Empowerment in Use of Medications During Pregnancy and
Breastfeeding. Matern Child Health J 2020.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดจะมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเป็นหนึ่งในกระบวนการข้อหนึ่งในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของบันไดสิบขั้นสู่ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งทั้งองค์การอนามัยโลกและองค์กรยูนิเซฟให้ความสำคัญโดยถือเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่จะนำไปสู่การเพิ่มของอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดจะมีความสัมพันธ์กับข้อมูลพื้นฐานของมารดา ได้แก่ มารดาที่มีการศึกษาสูง เศรษฐานะดี สถานภาพสมรส และเป็นมารดาที่เคยมีบุตรมาก่อน1 ดังนั้น หากมารดามีข้อมูลพื้นฐานที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับข้อมูลเหล่านี้ บุคลากรทางการแพทย์อาจจะถือว่าควรต้องมีการเอาใจใส่ ติดตาม และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้มารดาได้เริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วและทำให้มีความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงขึ้น
เอกสารอ้างอิง
1. Habtewold TD, Mohammed SH, Endalamaw A, et al. Higher
educational and economic status are key factors for the timely initiation of
breastfeeding in Ethiopia: a review and meta-analysis. Acta Paediatr 2020.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มารดาครรภ์แรกถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการจะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมารดาขาดประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และมีโอกาสที่จะขาดความเชื่อมั่นในการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาโดยการจัดมารดาอาสาที่เป็นพี่เลี้ยงและให้การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แก่มารดาครรภ์แรกผ่านเว็บไซด์พบว่า การจัดมารดาอาสาช่วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในลักษณะนี้สามารถเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกในมารดาครรภ์แรกได้ถึง 3 เท่า1 ดังนั้น การเอาใจใส่และจัดรูปแบบการสนับสนุนในมารดาครรภ์แรกที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
เอกสารอ้างอิง
1. Gonzalez-Darias A, Diaz-Gomez NM, Rodriguez-Martin S,
Hernandez-Perez C, Aguirre-Jaime A. ‘Supporting a first-time mother’:
Assessment of success of a breastfeeding promotion programme. Midwifery 2020;85:102687.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
มารดาที่มีความเชื่อมั่นว่าสามารถจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้มากกว่า การที่มารดาที่ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อาจเกิดจากการที่มารดามีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาก่อน หรือมารดาได้รับการอบรมและฝึกทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนเกิดความมั่นใจว่าสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ โดยความเชื่อมั่นจะทำให้มารดามุ่งมั่นและฝ่าฟันอุปสรรคที่พบจนประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในทางกลับกัน มารดาที่ขาดความเชื่อมั่นในการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยกว่า ซึ่งอาจพิจารณาว่ามารดาเหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร ดังนั้น จึงอาจนำปัจจัยเรื่องการขาดความเชื่อมั่นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาใช้ในการคัดกรองความเสี่ยงของการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร1 และทำการนัดติดตามมารดากลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษาที่เหมาะสมและช่วยให้มารดามีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่นานขึ้น
เอกสารอ้างอิง
1. Gonzales AM, Jr. Breastfeeding Self-Efficacy of Early
Postpartum Mothers in an Urban Municipality in the Philippines. Asian Pac Isl
Nurs J 2020;4:135-43.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มีการศึกษาพบว่า มารดาที่สูบบุหรี่ระหว่างการตั้งครรภ์จะมีการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยกว่า และมีระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สั้นกว่ามารดาที่ไม่ได้สูบบุหรี่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดผลนี้ นอกจากจะมีสาเหตุจากความกังวลเรื่องผลเสียของการสูบบุหรี่แล้ว ยังพบว่ายังอาจมีสาเหตุมาจากมารดาที่สูบบุหรี่ระหว่างการตั้งครรภ์มักมีอายุที่น้อยกว่าและมีระดับการศึกษาที่น้อยกว่า1 โดยปัจจัยเหล่านี้ จะสัมพันธ์กับการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยและมีระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สั้นด้วย การให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหานี้ที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ควรละเลย
เอกสารอ้างอิง
1. Godleski SA, Shisler S, Eiden RD, Schuetze P. Maternal
Smoking and Psychosocial Functioning: Impact on Subsequent Breastfeeding
Practices. Breastfeed Med 2020.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)