รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
สูตินรีแพทย์เป็นแพทย์ที่มีความใกล้ชิดกับมารดาและครอบครัวตั้งแต่ในระยะฝากครรภ์
ระยะคลอด และในระยะหลังคลอด ดังนั้นมารดาและครอบครัวจึงมักมีความใกล้ชิดและเชื่อมั่นในการให้คำปรึกษาจากสูตินรีแพทย์
อย่างไรก็ตาม สูตินรีแพทย์มักขาดความรู้ หรือมีความรู้ที่ไม่เพียงพอ และขาดความเชื่อมั่นในการที่จะให้คำปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แก่มารดาและครอบครัว
ซึ่งมีการศึกษาโดยการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้แก่สูตินรีแพทย์พบว่า
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่หกเดือนก่อนและหลังการจัดหลักสูตรพบว่า
อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนหลังการจัดหลักสูตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ1 ดังนั้น การสนับสนุนให้สูตินรีแพทย์มีความรู้ที่เพียงพอในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยให้แพทย์ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยความมั่นใจและช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่หกเดือนได้
เอกสารอ้างอิง
1. Qureshey E, Louis-Jacques AF,
Abunamous Y, Curet S, Quinones J. Impact of a Formal Lactation Curriculum for
Residents on Breastfeeding Rates Among Low-Income Women. J Perinat Educ
2020;29:83-9.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดจะช่วยในอัตราและระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ดังนั้น การสนับสนุนให้มารดาได้เริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วจึงเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อจะช่วยในการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
นอกจากนี้ มีการศึกษาถึงผลของกระบวนการให้คำปรึกษาเรื่องการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แก่มารดาตั้งแต่ในระยะฝากครรภ์ต่อการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดพบว่า
มารดาที่ได้รับการให้คำปรึกษาในเรื่องการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกมากกว่ามารดาที่ไม่ได้มีการให้คำปรึกษาอย่างมีนัยสำคัญ1 นี่อาจแสดงให้เห็นว่า หากมารดารับทราบเหตุผลและประโยชน์ของการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วจะมีผลต่อการปฏิบัติซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เอกสารอ้างอิง
1. Qurat ul A, Mehmood H, Maroof S,
Madiha. Effect of antenatal counselling on early initiation of breastfeeding,
an interventional study at two Federal Hospitals, Islamabad Pakistan. J Pak Med
Assoc 2020;70:70-3.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีต่อทั้งสุขภาพมารดาและทารก
แม้ว่าจะมีความคุ้มค่าในการลงทุนทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขที่มีผลการศึกษาจากในหลาย
ๆ ประเทศ1 แต่ยังขาดการส่งเสริมและสนับสนุนที่ชัดเจนในนโยบายของประเทศ
การประเมินและการติดตามผลของความสำเร็จของการลงทุนเพื่อมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมุมมองความคุ้มค่าในการลงทุนนี้ ควรมีในสำนึกของผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ
โดยสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนถึงคุณภาพของบุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนั้น ๆ
รวมทั้งสะท้อนพื้นฐานของการความรู้ในเรื่องการพัฒนาของประชากรทั่วไปในสังคมด้วย
ซึ่งการพัฒนาให้เกิดคุณภาพของบุคลากรและประชากรในสังคมจะต้องอาศัยพื้นฐานของการพัฒนาระบบการศึกษาและการสอนให้บุคลากรและประชากรมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยหากมองย้อนไปที่จุดเริ่มต้น
จะพบว่าการเริ่มต้นของการสร้างคุณภาพที่ดีของประชากรก็คือ
การเริ่มต้นให้ลูกได้กินนมแม่นั่นเอง
เอกสารอ้างอิง
1. Quesada JA, Mendez I, Martin-Gil R.
The economic benefits of increasing breastfeeding rates in Spain. Int
Breastfeed J 2020;15:34.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
อาหารทารกแรกเกิดมีผลต่อการเกิดโรคอ้วน มีการศึกษาพบว่า
การกินนมแม่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วนในวัยเด็กที่อายุ 2-6 ปี
โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากกลไกการกินนมแม่ที่ทารกจะต้องออกแรงดูดนมเมื่อหิวและต้องการที่จะกินนม
ซึ่งจะสร้างให้ทารกมีการควบคุมการกินอาหารได้ด้วยตนเอง
ทำให้ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน นอกจากนี้ ยังพบว่า
ยิ่งทารกมีช่วงระยะเวลาการกินนมแม่ยิ่งนาน
ยิ่งจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนในทารกมากขึ้น1 โดยในปัจจุบัน ประชากรของโลกพบมีคนที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ซึ่งจะมีความเสี่ยงในเรื่องสุขภาพ
และความเจ็บป่วยเรื้อรังที่พบเป็นสาเหตุการตายที่เป็นอันดับต้น ๆ ของในทุกประเทศ
ดังนั้น
การส่งเสริมและสนับสนุนให้ทารกได้กินนมแม่จึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงหรืออันตรายที่จะเกิดจากโรคนี้
เอกสารอ้างอิง
1. Qiao J, Dai LJ, Zhang Q, Ouyang YQ.
A meta-analysis of the association between breastfeeding and early childhood
obesity. J Pediatr Nurs 2020;53:57-66.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
เมื่อราว 70 ปีก่อน ก่อนหน้าที่จะมีการแนะนำให้มารดาโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดนั้น
มีการสังเกตว่าการแยกลูกของแกะหรือแพะจากแม่หลังคลอดแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ 1-2 ชั่วโมง จะมีผลเสียต่อพฤติกรรมของแม่ที่มีต่อลูก
โดยมีการปฏิเสธลูกและมีการดูแลลูกน้อยลง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการฝังใจที่เกิดขึ้นและสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูก
ต่อมาราว 50 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการศึกษาในมนุษย์ พบว่าการให้มารดาโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดจะทำให้มารดามีความใส่ใจในการดูแลทารกเมื่อทารกร้องไห้และใช้เวลาในการดูแลทารกมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานขึ้นด้วย1 ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การโอบกอดทารกเนื้อแนบเนื้อตั้งแต่ระยะแรกหลังคลอด
จะช่วยให้เกิดการเริ่มการกินนมแม่ได้เร็ว
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งการเพิ่มอัตราและระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ดังนั้นกระบวนการนี้จึงควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปฏิบัติที่เป็นขั้นตอนประจำในการดูแลมารดาหลังคลอดทุกราย
เอกสารอ้างอิง
1. Puri BK. Breastfeeding following
Kangaroo Mother Care. Rev Recent Clin Trials 2020;15:3-4.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)