
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? การนัดมารดาและทารกมาติดตามดูแลใน 4 เดือนหลังคลอด จะเป็นการติดตามดูการให้นมลูกของมารดาและสอบถามถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับในช่วงระยะ 1-2 เดือน แนะนำการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของทารก และคัดกรองมารดาที่มีภาวะซึมเศร้า ในระยะนี้ มีข้อแนะนำแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลมารดาและทารก ดังนี้
การประเมินการกินนมแม่
- ลักษณะการกินนมของทารกเป็นอย่างไร
- ทารกได้รับการให้นมแม่ตามความต้องการหรือไม่
- ทารกได้รับอาหารอื่นใดเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือไม่
- ทารกหลับในเวลากลางคืนนานไหม
- มารดารู้สึกอย่างไรในการให้นมแม่
- มารดาคิดว่าน้ำนมของตนเองเป็นอย่างไร
- ลักษณะการกินอาหารของมารดาเป็นอย่างไร
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การตรวจมารดาและทารก
- คำนวณน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงจากตั้งแต่เกิด การชั่งก่อนหน้านี้ และการชั่งน้ำหนักในครั้งนี้
- ทารกควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 140-200 กรัมต่อสัปดาห์
- สังเกตมารดาขณะให้นมลูก หากทารกมีน้ำหนักขึ้นไม่เหมาะสมหรือดูดนมได้ไม่ดี
- ตรวจร่างกายทารกโดยทั่วไป
- ควรมีการตรวจคัดกรองอาการซึมเศร้าในมารดา
คำแนะนำที่ให้
- อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด
- แนะนำให้มารดาให้นมทารก 6-12 ครั้งต่อวัน และตามความต้องการของทารก
- การให้นมแม่ในช่วงกลางคืน ปกติควรให้ 1-2 ครั้ง
- อธิบายถึงจำนวนครั้งของอุจจาระปกติของทารกที่อาจจะลดลง
- พูดคุยกับมารดาการรับประทานธาตุเหล็กเสริม
- พูดคุยกับมารดาในกรณีทารกมีฟันขึ้น
- พูดคุยกับมารดาว่าทารกอาจจะมีความสนใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น และอาจถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าให้ไปสนใจในระหว่างการกินนมได้
- แนะนำเรื่องอาหารสำหรับมารดา
- พูดคุยกับมารดาถึงแผนการกลับไปทำงานของมารดาว่า จะเริ่มเมื่อไร สามารถให้นมทารกขณะทำงานได้หรือไม่ หรืออาจต้องใช้วิธีการบีบเก็บน้ำนม
- แนะนำเรื่องการใช้ยาเบื้องต้นที่มักมีการใช้บ่อยๆ ซึ่งยาเหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาบรรเทาอาการหวัด
การให้การดูแล
- หากมีสาเหตุที่ทำให้น้ำนมไม่เพียงพอ พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- หากมีปัญหาต่อเนื่องที่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พิจารณาส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนมารดาและทารกกลับบ้าน
- ชื่นชมมารดากับความสำเร็จในการให้ลูกกินนมแม่
- แทรกหรือเสริมข้อมูลให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- ให้กำลังใจให้มารดาให้นมแม่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? การนัดมารดาและทารกมาติดตามดูแลใน 2 เดือนหลังคลอด จะเป็นการติดตามดูการให้นมลูกของมารดาและสอบถามถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับในช่วงระยะ 1 เดือน และเตรียมมารดาบางคนที่จะกลับไปทำงานให้มีความพร้อมในการคงให้นมลูก ในระยะนี้ มีข้อแนะนำแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลมารดาและทารก ดังนี้
??????????????? การประเมินการกินนมแม่
- ลักษณะการกินนมของทารกเป็นอย่างไร
- ทารกได้รับการให้นมแม่ตามความต้องการหรือไม่
- ทารกได้รับอาหารอื่นใดเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือไม่
- มารดารู้สึกอย่างไรในการให้นมแม่
- มารดาคิดว่าน้ำนมของตนเองเป็นอย่างไร
- ลักษณะการกินอาหารของมารดาเป็นอย่างไร
- มารดาได้งดอาหารใดระหว่างการให้นมบุตรหรือไม่
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
? ? ? ? ? ? ? ? การตรวจมารดาและทารก
- คำนวณน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงจากตั้งแต่เกิด การชั่งก่อนหน้านี้ และการชั่งน้ำหนักในครั้งนี้
- ทารกควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 140-200 กรัมต่อสัปดาห์
- สังเกตมารดาขณะให้นมลูก หากทารกมีน้ำหนักขึ้นไม่เหมาะสมหรือดูดนมได้ไม่ดี
- ตรวจร่างกายทารกโดยทั่วไป
? ? ? ? ? ? ? ? ?คำแนะนำที่ให้
- อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด
- แนะนำให้มารดาให้นมทารก 8-12 ครั้งต่อวัน และตามความต้องการของทารก
- การให้นมแม่ในช่วงกลางคืน ปกติควรให้ 1-2 ครั้ง
- อธิบายถึงจำนวนครั้งของอุจจาระปกติของทารกที่อาจจะลดลง
- พูดคุยกับมารดาในกรณีที่ทารกมีฟันขึ้น
- อธิบายถึงความเสี่ยงของการใช้จุกนมหลอกและควรหลีกเลี่ยงการใช้จุกนมหลอก
- แนะนำเรื่องอาหารสำหรับมารดา
- พูดคุยกับมารดาถึงแผนการกลับไปทำงานของมารดาว่า จะเริ่มเมื่อไร สามารถให้นมทารกขณะทำงานได้หรือไม่ หรืออาจต้องใช้วิธีการบีบเก็บน้ำนม
- แนะนำเรื่องการใช้ยาเบื้องต้นที่มักมีการใช้บ่อยๆ ซึ่งยาเหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาบรรเทาอาการหวัด
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?การให้การดูแล
- หากมีสาเหตุที่ทำให้น้ำนมไม่เพียงพอ พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- หากมีปัญหาต่อเนื่องที่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พิจารณาส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
? ? ? ? ? ? ? ? ?ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนมารดาและทารกกลับบ้าน
- ชื่นชมมารดากับความสำเร็จในการให้ลูกกินนมแม่
- แทรกหรือเสริมข้อมูลให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- ให้กำลังใจให้มารดาให้นมแม่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
คำแนะนำที่ให้
- อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วงหกเดือนแรกหลังคลอด
- แนะนำให้มารดาให้นมทารก 8-12 ครั้งต่อวัน ?
- การให้นมแม่ในช่วงกลางคืน ปกติควรให้ 1-2 ครั้ง
- อธิบายลักษณะของอุจจาระปกติของทารกที่มีการเปลี่ยนแปลง
- อธิบายถึงความเสี่ยงของการใช้จุกนมหลอกและควรหลีกเลี่ยงการใช้จุกนมหลอก
- แนะนำเรื่องอาหารสำหรับมารดา
- พูดคุยกับมารดาถึงแผนการกลับไปทำงานของมารดาว่า จะเริ่มเมื่อไร สามารถให้นมทารกขณะทำงานได้หรือไม่ หรืออาจต้องใช้วิธีการบีบเก็บน้ำนม
- อธิบายวิธีการบีบน้ำนมเก็บและการเก็บรักษาน้ำนม
- แนะนำการเสริมวิตามินดีวันละ 400 ยูนิตแก่ทารก (ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ โดยพิจารณาจากการขาดวิตามินดีในมารดและทารก)
- แนะนำเรื่องการใช้ยาเบื้องต้นที่มักมีการใช้บ่อยๆ ซึ่งยาเหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาบรรเทาอาการหวัด
การให้การดูแล
- หากมีสาเหตุที่ทำให้น้ำนมไม่เพียงพอ พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- หากมีปัญหาต่อเนื่องที่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พิจารณาส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนมารดาและทารกกลับบ้าน
- ชื่นชมมารดากับความสำเร็จในการให้ลูกกินนมแม่
- แทรกหรือเสริมข้อมูลให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- ให้กำลังใจให้มารดาให้นมแม่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? การนัดมารดาและทารกมาติดตามดูแลใน 1 เดือนหลังคลอด จะเป็นการติดตามดูการให้นมลูกของมารดาและสอบถามถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การที่มารดาคิดว่าตนเองมีน้ำนมไม่เพียงพอ มารดาป่วยต้องรับประทานยาจึงหยุดให้นมลูก หรือการที่มารดาบางคนเริ่มเตรียมตัวที่จะกลับไปทำงาน เป็นต้น ในระยะนี้ จึงมีข้อแนะนำแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลมารดาและทารก ดังนี้
??????????????? การประเมินการกินนมแม่
- ลักษณะการกินนมของทารกเป็นอย่างไร
- มารดาให้ทารกกินนมกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ทารกได้รับการให้นมแม่ตามความต้องการหรือไม่
- ทารกได้รับการเปลี่ยนผ้าอ้อมและถ่ายอุจจาระกี่ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- ทารกได้รับอาหารอื่นใดเสริมนอกเหนือจากนมแม่หรือไม่
- มารดารู้สึกอย่างไรในการให้นมแม่
- มารดาคิดว่าน้ำนมของตนเองเป็นอย่างไร
- ลักษณะการกินอาหารของมารดาเป็นอย่างไร
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
? ? ? ? ? ? ? การตรวจมารดาและทารก
- คำนวณน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงจากตั้งแต่เกิด การชั่งก่อนหน้านี้ และการชั่งน้ำหนักในครั้งนี้
- ทารกควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 140-200 กรัมต่อสัปดาห์
- สังเกตมารดาขณะให้นมลูก หากทารกมีน้ำหนักขึ้นไม่เหมาะสมหรือดูดนมได้ไม่ดี
- ตรวจร่างกายทารกโดยทั่วไป
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การให้การดูแล
- หากมีสาเหตุให้น้ำนมมาช้า พยายามแก้ไขสาเหตุก่อนการให้อาหารเสริมอื่นๆ
- หากมีปัญหาต่อเนื่องที่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พิจารณาส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
- ให้การสนับสนุนให้จัดตั้งกลุ่มช่วยเหลือนมแม่ อาจเป็นกลุ่มมารดา มารดาที่มีประสบการณ์ ร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์
ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนมารดาและทารกกลับบ้าน
- ยินดีกับมารดาและทารกที่ตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และระยะเวลาที่ต้องการให้นมลูก
- แทรกหรือเสริมข้อมูลให้มารดาทราบถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- เตือนมารดาในเรื่องการรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบห้าหมู่ และควรดื่มน้ำเมื่อมีอาการกระหาย
- นัดติดตามมารดาและทารกที่คลินิกนมแม่ คลินิกหลังคลอด หรือคลินิกเด็กดีตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องติดตามปัญหาและอุปสรรคที่พบในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาและทารกในแต่ละคู่
เอกสารอ้างอิง
- The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physicians. 2nd edition. 2014.
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)