คลังเก็บหมวดหมู่: คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย

ลูกดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพจะรู้ได้อย่างไร

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

โดยทั่วไป มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จได้โดยอาจจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งหมด แต่รายละเอียดเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ หากมารดากำลังประสบปัญหาในการให้นมแม่หรือหากทารกน้ำหนักไม่ขึ้นหรือกินนมบ่อยมาก บ่อยครั้งคำอธิบายที่ให้คือ การดูดนมของทารกที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการแก้ไขมักทำได้ง่าย ต่อไปนี้เป็นลักษณะของการดูดนมที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่

  • ตอนเริ่มกินนม ทารกจะดูดนมอย่างรวดเร็วสองสามครั้งโดยไม่มีการกลืนนม ซึ่งจะกระตุ้นการหลั่งออกซิโตซินและการไหลของน้ำนม ขั้นตอนนี้เป็น “การดูดนมเพื่อเรียกน้ำนม (call-up suckling)”
  • ต่อมาจะเป็น “การดูดนมที่ทารกจะได้รับน้ำนม (nutritive suckling)” ทารกจะดูดลึกและมีจังหวะที่ช้าลง (จังหวะของการดูดนมต่อการกลืนนมจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง) โดยช่วงหยุดสั้น ๆ เมื่อน้ำนมเริ่มไหล
  • ได้ยินเสียงกลืนนม เสียงดัง “โกวะฮ์ (cuh)” แสดงว่าทารกได้รับน้ำนมจากเต้านมมารดา
  • มีลักษณะที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ชัดเจน 3 ถึง 4 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
  • มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 25 – 30 กรัมต่อวันหลังจากนมมาแล้ว

หมายเหตุ ในกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์จะประเมินการให้นมลูก “ต้องมั่นใจว่าได้ทำการสังเกตการให้นมลูกของมารดาเสมอ” ก่อนที่จะชี้ว่ามีปัญหาและให้คำแนะนำใด ๆ  การเข้าไปแทรกแซงหรือให้มารดาเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติต่าง ๆ ควรทำเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาจริง ๆ เท่านั้น1

เอกสารอ้างอิง

1.            Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W, ed.2014.

ความแตกต่างระหว่างการกินนมแม่และการกินนมขวด

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

ลักษณะของการดูดนมจากขวดนมและการดูดนมแม่จากเต้ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของการดูดนม การกลืน การหายใจและเคลื่อนไหวของลิ้นที่เหมาะสม แต่สำหรับการดูดนมจากจุกนมเทียมของขวดนม กลไกการดูดนมจะให้ความรู้สึกและมีกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน โดยที่น้ำนมที่ไหลออกจากขวดจะเกิดจากแรงในการดูดนมโดยตรง การออกแรงบีบกดจุกนมเทียม และแรงโน้มถ่วง และเนื่องจากกลไกการดูดนมที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการให้ทารกดูดจุกนมเทียมรวมทั้งจุกนมหลอกจนกว่าทารกจะคุ้นเคยกับการดูดนมแม่ สามารถดูดนมแม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมารดามีการสร้างน้ำนมในปริมาณที่เพียงพอ จนกระทั่งทารกมีความชำนาญในการดูดนมแม่จากเต้าแล้ว ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ การให้ทารกดูดนมจากเต้าสลับกับการดูดนมจากขวดอาจสามารถทำได้1

เอกสารอ้างอิง

1.        Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W, ed.2014.

ทารกดูดนมไม่มีประสิทธิภาพและข้อควรระวังในการช่วยจัดท่าทารก

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การสังเกตการดูดนมที่ไม่มีประสิทธิภาพ1 สังเกตได้จาก

  • ไม่ได้ยินเสียงกลืนนมของทารก
  • การดูดนมของทารกจะมีลักษณะที่ขยับถี่ ๆ คือจะสั้นและเร็ว
  • แม่อาจรู้สึกเจ็บปวด

สำหรับข้อควรระวัง หากมีผู้ช่วยที่จะช่วยมารดาในการเข้าเต้ามือของผู้ช่วยควรประคองศีรษะ คอและไหล่ ในลักษณะที่อยู่ใต้ท้ายทอยของทารก เพราะหากอยู่เหนือท้ายทอย เวลาเคลื่อนทารกเข้าเต้า แรงที่เคลื่อนทารกจะไปกดศีรษะให้ก้ม ทำให้การเข้าเต้าที่เหมาะสมของทารกทำได้ยาก1

เอกสารอ้างอิง

1.        Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W, ed.2014.

จะสังเกตได้อย่างไรว่าทารกเข้าเต้าไม่เหมาะสม

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

หากทารกเข้าเต้าได้ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม1 จะสังเกตเห็น

  • ริมฝีปากของทารกเม้มแน่น
  • จะพบช่องว่างระหว่างคางทารกกับเต้านมมารดา
  • จะพบช่องว่างระหว่างจมูกของทารกและเต้านมมารดา
  • ริมฝีปากล่างของทารกจะม้วนเข้าด้านใน
  • แม่อาจรู้สึกเจ็บปวด
  • หัวนมมารดาจะแบนลงหลังจากให้นม
  • อาจพบหัวนมมารดาถลอกหรือแตก

เอกสารอ้างอิง

1.        Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W, ed.2014.

จะสังเกตได้อย่างไรว่าทารกเข้าเต้าได้ดี

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

หากทารกมีการเข้าเต้าได้ดีหรือถูกต้อง1 จะสังเกตเห็น

  • ริมฝีปากของทารกจะปลิ้นออก
  • ปากของทารกจะอ้ากว้าง
  • คางของทารกจะชิดเต้านม
  • มองเห็นลานนมของมารดาเหนือริมฝีปากบนมากกว่าด้านล่างของริมฝีปากล่างหากมารดามีลานนมขนาดใหญ่ โดยลักษณะการเข้าเต้าลักษณะนี้จะเรียกว่า “การเข้าเต้าแบบไม่สมมาตร (asymmetrical latch)”

เอกสารอ้างอิง

1.        Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W, ed.2014.