รศ. นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
เป็นที่ทราบกันดีว่า
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยสร้างความรักความผูกพันระหว่างมารดาและทารก แต่ตัวแปรที่ใช้ทำนายความผูกพันระหว่างมารดาและทารกมีอะไรบ้าง
ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง มีการศึกษาถึงเรื่องนี้ในประเทศจอร์แดนในกลุ่มตัวอย่าง
222 ราย พบว่า ตัวแปรที่ใช้ทำนายความผูกพันระหว่างมารดาและทารกได้แก่
การศึกษาของมารดา การที่มารดามีผู้ที่ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูทารกหรือไม่ สถานภาพในการสมรสของมารดา
เพศของทารก และการวางแผนจะมีการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป1 การที่บุคลากรทางการแพทย์เข้าใจถึงเรื่องนี้ จะทำการให้คำปรึกษาแก่มารดาและครอบครัวทำได้อย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
1. Abuhammad
S. Predictors of maternal attachment among breastfeeding mothers in Jordan.
Nurs Open 2021;8:123-9.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
แผนภาพแรกเป็นแนวทางในการซักประวัติและตรวจร่างกายในมารดาที่มีปัญหาเจ็บหัวนมหลังคลอด
แผนภาพที่สองเป็นแนวทางในการวินิจฉัยสาเหตุที่พบบ่อยของการเจ็บหัวนมของมารดา
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ข้อควรระวังในระหว่างการดูแลรักษาการเจ็บหัวนม ได้แก่
มารดาไม่ควรหยุดการให้นมเพื่อพักหัวนม
เพราะการหยุดให้นมจะทำให้เต้านมคัด
ทำให้ลานนมและหัวนมแข็งซึ่งจะยากในการเข้าเต้ามากขึ้น นอกจากนี้ การที่มารดาหยุดให้ลูกดูดนมจะทำให้การสร้างน้ำนมลดลงด้วย
ไม่ควรจำกัดความถี่ในการให้นมและระยะเวลาการให้นมในแต่ละครั้ง
เพราะการจำกัดการให้นมจะไม่ช่วยลดการเจ็บหัวนม
หากปัญหาหรือสาเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข การที่เพิ่มระยะเวลาของการให้นมแต่ละครั้งห่างออกไปจะสัมพันธ์การที่มารดามีน้ำนมลดลง22
และการดูดเพียงหนึ่งนาทีของการเข้าเต้าที่ไม่เหมาะสม จะสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือผลเสียต่อหัวนมและเต้านมได้
ซึ่งจะต่างจากการดูดนาน 20
นาทีของการเข้าเต้าที่เหมาะสม จะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อหัวนมและเต้านมเลย ไม่ควรใช้ครีมบำรุงผิว
หรือสารหล่อลื่นใด ๆ ที่หัวนม เพราะทารกจะดูดกลืนเข้าไปและเกิดอันตรายได้
นอกจากนี้ผิวบริเวณหัวนมจะมีความไวต่อสารต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มการเจ็บหัวนมขึ้นได้
ขณะที่การทาน้ำมันหล่อลื่นที่หัวนมไม่ได้ช่วยให้การเข้าเต้าดีขึ้น9 การใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนม
(nipple
shield) หากจะใช้ควรใช้ชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะบางครั้งการใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนมที่เป็นประจำในระยะยาว
อาจทำให้กระตุ้นการสร้างน้ำนมของเต้านมได้น้อยลง ทำให้น้ำนมไหลน้อยลงด้วย
ซึ่งการที่น้ำนมไหลน้อยลงอาจมีผลต่อการดูดของทารกโดยอาจทำให้ทารกดูดนมแรงขึ้น
ขบหรือมีการกัดหัวนม ทำให้มารดากลับมาเจ็บหัวนมเพิ่มขึ้นอีกได้ นอกจากนี้ การใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนมยังต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดและการปนเปื้อนเชื้อที่อุปกรณ์ที่ป้องกันหัวนม
หากทำความสะอาดได้ไม่เหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
9. Morland-Schultz K, Hill PD. Prevention of and therapies for nipple pain: a systematic review. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2005;34:428-37.
22. McClellan HL, Hepworth AR, Kent JC, et
al. Breastfeeding frequency, milk volume, and duration in mother-infant dyads
with persistent nipple pain. Breastfeed Med 2012;7:275-81.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษฺ์
วิธีการปฏิบัติที่จะช่วยลดอาการเจ็บหัวนม ทำให้มารดารู้สึกสบายขึ้นขณะทำการแก้ไขสาเหตุหลัก และหัวนมที่เจ็บกำลังจะหาย ได้แก่
ทาน้ำนมที่บีบออกมาจากเต้านมที่หัวนม ซึ่งจะช่วยหล่อลื่น ทำให้หัวนมชุ่มชื้นขึ้น ช่วยเคลือบรักษาสภาพผิวหนังบริเวณหัวนมและลานนม และลดการเสียดสี ประคบอุ่นที่เต้านมก่อนการป้อนนมเพื่อกระตุ้นการไหลของน้ำนม แนะนำให้มารดาเริ่มให้นมลูกจากเต้านมที่เจ็บน้อยกว่าก่อน หากทารกง่วงนอนขณะให้นมและดูดนมได้ไม่ดีแต่ทารกยังอมหัวนมและลานนมอยู่ ควรนำทารกออกจากเต้านมเพื่อกระตุ้นให้ทารกตื่นตัว โดยทำการใส่นิ้วเข้าไปข้างปากทารกเพื่อลดแรงดูด แล้วจึงนำทารกออกจากเต้านมอย่างนุ่มนวล การล้างหัวนม ควรทำวันละ 1-2 ครั้งตามการอาบน้ำหรือทำความสะอาดร่างกายตามปกติ ไม่จำเป็นต้องล้างหัวนมทุกครั้งที่ให้นม และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ซึ่งจะทำลายน้ำมันที่ปกคลุมหัวนมตามธรรมชาติ
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
ส าเหตุจากผิวหนังอักเสบ หรือเป็นโรคอื่นบริเวณผิวหนัง การรักษาควรตามแต่ละสาเหตุ โดยหากสาเหตุเป็นจากการแพ้ การรักษาทำโดยใช้ยาทาเฉพาะที่ที่มีตัวยาสเตียรอยด์ แต่ควรเช็ดยาทาออกจากหัวนมโดยใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวก่อนให้ทารกกินนม และควรทายาซ้ำหลังจากทารกกินนมเสร็จแล้ว ไม่ควรล้างยาออกด้วยน้ำสบู่ เพราะอาจทำให้ผิวหนังบริเวณหัวนมแห้ง และอาจมีการเจ็บหัวนมได้เมื่อมีการเสียดสีในระหว่างที่ทารกดูดนม
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)