คลังเก็บหมวดหมู่: ความรู้สำหรับนักศึกษา

ความรู้สำหรับนักศึกษา

การใช้วิดีโอสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอด

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

การสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอดเป็นสิ่งที่จำเป็นและควรจัดทำเป็นหนึ่งในมาตรฐานงานประจำที่ต้องปฏิบัติในระยะหลังคลอดขณะที่มารดาและทารกยังอยู่ที่โรงพยาบาล การสอนมารดาหลังคลอดจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการสอนการเข้าเต้า กากรจัดท่าให้นมลูกที่เหมาะสม และการบีบน้ำมด้วยมือ ซึ่งหากผู้ที่ทำการสอนขาดทักษะ มีความไม่มั่นใจ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสอน ทำให้มีความแตกต่างกันระหว่างผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญกับผู้สอนที่ขาดประสบการณ์ การใช้วิดีโอในการสอนจึงเป็นหนทางหนึ่งของความพยายามที่จะจัดให้มารดาได้รับการสอนที่มีมาตรฐานเดียวกันโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งพบว่าช่วยให้มารดามีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ดีขึ้น1 อย่างไรก็ตาม การใช้วิดีโอสอนไม่พบว่าช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะการมีทักษะที่จะให้นมลูกได้ไม่ได้เป็นปัจจัยอย่างเดียวที่จะทำให้มารดาเลือกและประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่พบบ่อย ได้แก่ การเจ็บหัวนม การกลับไปทำงานของมารดา ดังนั้น การติดตามและให้คำปรึกษาที่เป็นระบบจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ช่วยในความต่อเนื่องของการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวด้วย

เอกสารอ้างอิง

1.        Marmet J, Schmiesing A, Scheuer J, Osborn C, Lunos SA, Pitt MB. Prescribing Video-Based Patient Education in the Hospital Setting: Can Bedside Breastfeeding Videos Affect Exclusive Breastfeeding at Postpartum Discharge? Hosp Pediatr 2020;10:266-71.

ปัจจัยที่สำคัญต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาที่เป็นเบาหวาน

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

มารดาที่เป็นเบาหวานจะมีความเสี่ยงในการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช้าที่จะมีผลต่ออัตราและระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่หลังคลอดสามเดือนของมารดาที่เป็นเบาหวาน ผลจากการศึกษาพบว่า ความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ1 ดังนั้น การให้ความรู้แก่มารดาอย่างเหมาะสมและการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจและความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่จะเป็นผลดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของมารดาที่เป็นเบาหวาน

เอกสารอ้างอิง

1.            Rasmussen B, Nankervis A, Skouteris H, et al. Factors associated with breastfeeding to 3 months postpartum among women with type 1 and type 2 diabetes mellitus: An exploratory study. Women Birth 2020;33:e274-e9.

ปัจจัยระหว่างการคลอดที่เป็นอุปสรรคต่อการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

 เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า หากสามารถเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด จะเป็นผลดีต่ออัตราและระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีคำถามว่า ปัจจัยอะไรระหว่างการคลอดที่เป็นอุปสรรคต่อการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีการศึกษาวิจัยที่ตอบคำถามนี้ โดยพบว่า การใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มมอร์ฟีนให้แก่มารดาในระหว่างการคลอด จะลดการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดลงร้อยละ 22 การใช้หัตถการในการช่วยคลอดทางช่องคลอด ได้แก่ การใช้เครื่องดูดสุญญากาศ และการใช้คีมช่วยคลอด จะลดการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดลงร้อยละ 26 ขณะที่การผ่าตัดคลอดจะลดการเริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายในหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอดลงร้อยละ 701 ดังนั้น จะเห็นว่าการผ่าตัดคลอดเป็นปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อการเริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากที่สุด การลดการผ่าตัดคลอดที่ไม่จำเป็นจึงเป็นสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ควรร่วมมือรณรงค์ เพราะนอกจากจะมีส่วนช่วยในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับมารดาและทารก และลดการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ที่ขาดความคุ้มค่าลงด้วย

เอกสารอ้างอิง     

1.        Fan HSL, Wong JYH, Fong DYT, Lok KYW, Tarrant M. Association Between Intrapartum Factors and the Time to Breastfeeding Initiation. Breastfeed Med 2020.

การที่มารดามีภาวะเครียดจากการที่ทารกต้องนอนโรงพยาบาลนานทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลง

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

ภาวะเครียดจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของมารดาซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของสมองส่วนไฮโปธาลามัส โดยจะมีปฏิกิริยาผ่านการหลั่งออกซิโตซินที่จะมีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ดังนั้น เมื่อมารดามีภาวะเครียดจะส่งผลทำให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลง มีการศึกษาว่า หากทารกนอนโรงพยาบาลนานหรือต้องนอนอยู่ที่หอทารกป่วยวิกฤตจะส่งผลต่อภาวะเครียดของมารดาและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า มารดาที่มีทารกนอนโรงพยาบาลนานหรือต้องนอนอยู่ที่หอทารกป่วยวิกฤตจะมีภาวะเครียดสูงกว่ามารดาหลังคลอดปกติ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลดลง1 ดังนั้น การให้การดูแลทางด้านจิตใจแก่มารดาและครอบครัวที่มีทารกนอนโรงพยาบาลนานหรือต้องนอนอยู่ที่หอทารกป่วยวิกฤตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยให้มารดาลดภาวะเครียดที่จะส่งผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้

เอกสารอ้างอิง          

1.        Foligno S, Finocchi A, Brindisi G, et al. Evaluation of Mother’s Stress during Hospitalization Can Influence the Breastfeeding Rate. Experience in Intensive and Non Intensive Departments. Int J Environ Res Public Health 2020;17.

อารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีของมารดาระหว่างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

แม้ว่าในระหว่างการให้นมลูกมารดาจะมีความรู้สึกที่ดีต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยจากการศึกษาพบร้อยละ 62 ซึ่งจะมีอารมณ์ความรู้สึกของการเป็นแม่ มีความรู้สึกรักและผูกพันระหว่างมารดาและทารก แต่ในรายที่มีความยากลำบากในระหว่างการให้นมลูกจะพบอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นได้ โดยพบความรู้สึกเจ็บหัวนมร้อยละ 8 ความรู้สึกเป็นภาระที่ต้องดูแลทารกร้อยละ 6 ความรู้สึกว่าล้มเหลวในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร้อยละ 11 ซึ่งในรายเหล่านี้ จะมีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนไปเลี้ยงลูกด้วยนมผงดัดแปลงสำหรับทารกสูงขึ้น1 ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ควรจะดูแลและติดตามมารดากลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มให้มารดามีการคงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ดีขึ้น       

เอกสารอ้างอิง

1.        Gianni ML, Lanzani M, Consales A, et al. Exploring the Emotional Breastfeeding Experience of First-Time Mothers: Implications for Healthcare Support. Front Pediatr 2020;8:199.