??????????????? รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
???????? ในสมัยก่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาศัยการสังเกตจากมารดา คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน คนในระแวกใกล้เคียงหรือในชุมชนเดียวกัน ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือเป็นเรื่องปกติที่มารดาทุกคนจำเป็นต้องให้นมแม่กับทารกแรกเกิด ความรู้ในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะถูกถ่ายทอดผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยความใกล้ชิดของสภาพสังคมและการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในปัจจุบัน สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ความห่างเหินและการใช้ชีวิตแบบครอบครัวเดี่ยวเริ่มมีมากขึ้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการอบรม หรือมีการจัดสอนให้มารดามีทักษะในการปฏิบัติในการให้นมลูกได้ สิ่งหนึ่งในกระบวนการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีความสำคัญ คือ ท่าในการให้นมลูก
????????? ในโรงพยาบาลที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะมีการสอนมารดาให้มีทักษะในการให้นมบุตรในช่วงระหว่างหลังคลอด โดยจะมีการสอนท่าต่างๆ ในการให้นมบุตร ท่าที่นิยมในการสอนมักมี 4 ท่า ได้แก่ ท่าอุ้มขวางตัก ท่าอุ้มขวางตักประยุกต์ ท่าฟุตบอล ท่านอนตะแคง แต่ในระยะหลังมีการศึกษาถึงท่าเอนหลัง (laid-back) ซึ่งเป็นท่าที่จะช่วยกระตุ้นกลไกพื้นฐานของพัฒนาการของทารกได้ดี และยังมีการศึกษาถึงท่าให้นมบุตรที่มารดาปฏิบัติได้ก่อนกลับบ้าน โดยหากมารดาให้นมบุตรได้มากกว่าสองท่าขึ้นไปมีความสัมพันธ์กับอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะหกเดือนสูงขึ้น1
เอกสารอ้างอิง
- Puapornpong P, Raungrongmorakot K, Manolerdtewan W, Ketsuwan S, Wongin S. The number of infant feeding positions and the 6-month exclusive breastfeeding rates. J Med Assoc Thai 2015;98 (in press)