รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
โดยทั่วไป
มารดาจะมีปริมาณไขมันในนมและปริมาณน้ำนมรวมที่ผันแปรตลอดทั้งวัน ขณะที่ทารกอาจจะมีระยะเวลาในการกินนมในแต่ละครั้งที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ยังพบว่า รูปแบบการดูดนมของทารกและการไหลของน้ำนมของมารดายังมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคู่ด้วย
ดังนั้น ในกรณีที่พบว่าทารกกินนมนานหรือสั้นมากอาจบ่งบอกถึงปัญหาและควรได้รับการประเมิน
โดยวิธีที่ดีที่สุดในการประเมินประสิทธิภาพของการดูดนมของทารกคือ “การสังเกตการให้นม”
ซึ่งต้องดูว่าทารกเข้าเต้าและดูดนมเป็นอย่างไร
ฟังเสียงการกลืนนมของทารก และประเมินว่ามารดารู้สึกสบายเต้าตลอดเวลาที่ให้นมและทารกรู้สึกอิ่มเอมหลังจากป้อนนม1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
รูปแบบของการกินนมของทารกจะมีความหลากหลายและแตกต่างกันมาก
ทารกบางคนจะดูดนมเร็วและบางคนจะดูดนมช้า แต่สิ่งสำคัญคือ ทารกต้องดูดนมนานพอที่จะได้รับน้ำนมส่วนหลัง
ซึ่งน้ำนมจะมีปริมาณไขมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกครั้งที่ทารกดูดนม มีน้ำนมไหล
หรือมีน้ำนมพุ่ง
เมื่อทารกกินนมจนอิ่ม มักจะส่งสัญญาณโดยปล่อยหรือคายเต้านมเองตามธรรมชาติจากการประกบอมหัวนมและลานนมจนแน่นขณะกินนม หรืออาจสังเกตเห็นทารกหลับโดยอมหัวนมไว้ในปาก หรือพบว่าทารกหยุดการดูดและกลืนน้ำนมเมื่อกินนมจนเกลี้ยงเต้า สำหรับในกรณีที่ต้องการดูว่าทารกกินนมจนเกลี้ยงเต้าแล้ว ทารกจะสนใจกินนมจากเต้านมอีกข้างหรือไม่ ทำโดยการจับให้ทารกเรอเพื่อช่วยระบายลมที่ทารกดูดไปพร้อมกับการกินนมก่อน แล้วเสนอให้ทารกดูดนมจากเต้านมอีกข้าง ซึ่งบางครั้งทารกอาจดูดนมจากเต้านมข้างเดียวก็เพียงพอแล้ว และเมื่อทารกกินนมจนเกลี้ยงเต้าจากการดูดนมในครั้งก่อน ควรสลับการให้นมเป็นเต้านมอีกข้างในการเริ่มต้นการให้นมในครั้งต่อไป1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
การให้นมลูกควรทำในลักษณะที่ “ให้ทารกนำ”คือ การให้นมทารกจะให้เมื่อทารกมีอาการหิว และจะหยุดให้นมทารกเมื่อทารกอิ่ม การให้นมแม่ “ตามความต้องการ” ทำให้มารดาต้องมีการสังเกตว่า ลักษณะอย่างไรหรือเมื่อใดที่ทารกหิว การร้องไห้เป็นแม้จะเป็นสัญญาณของความหิว แต่จะเป็นสิ่งที่บอกถึงอาการหิวเมื่อทารกเกิดอาการหิวมากแล้ว แนะนำให้มารดาเริ่มการให้นมแม่เพื่อตอบสนองต่ออาการหิวของทารกตั้งแต่ในระยะแรก โดยไม่ควรรอจนทารกร้องไห้
สิ่งที่จะบ่งบอกอาการหิวของทารกตั้งแต่ในระยะแรก1
ได้แก่
- ทารกมีอาการตื่นตัว
- การที่ทารกเอามือหรือนิ้วเข้าปาก
- การที่ทารกจะมีปฏิกิริยาตองสนองอัตโนมัติต่อการกระตุ้นริมฝีปากบน
โดยการอ้าปากและหันหน้าหาเต้านม
- การที่ทารกมีการขยับหรือมีการเคลื่อนไหวของปาก
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
โดยทั่วไป
มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จได้โดยอาจจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งหมด
แต่รายละเอียดเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ หากมารดากำลังประสบปัญหาในการให้นมแม่หรือหากทารกน้ำหนักไม่ขึ้นหรือกินนมบ่อยมาก
บ่อยครั้งคำอธิบายที่ให้คือ การดูดนมของทารกที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการแก้ไขมักทำได้ง่าย
ต่อไปนี้เป็นลักษณะของการดูดนมที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
- ตอนเริ่มกินนม ทารกจะดูดนมอย่างรวดเร็วสองสามครั้งโดยไม่มีการกลืนนม
ซึ่งจะกระตุ้นการหลั่งออกซิโตซินและการไหลของน้ำนม ขั้นตอนนี้เป็น “การดูดนมเพื่อเรียกน้ำนม
(call-up
suckling)”
- ต่อมาจะเป็น
“การดูดนมที่ทารกจะได้รับน้ำนม (nutritive suckling)” ทารกจะดูดลึกและมีจังหวะที่ช้าลง (จังหวะของการดูดนมต่อการกลืนนมจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง)
โดยช่วงหยุดสั้น ๆ เมื่อน้ำนมเริ่มไหล
- ได้ยินเสียงกลืนนม
เสียงดัง “โกวะฮ์ (cuh)” แสดงว่าทารกได้รับน้ำนมจากเต้านมมารดา
- มีลักษณะที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ชัดเจน
3 ถึง 4 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
- มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
25 – 30 กรัมต่อวันหลังจากนมมาแล้ว
หมายเหตุ
ในกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์จะประเมินการให้นมลูก “ต้องมั่นใจว่าได้ทำการสังเกตการให้นมลูกของมารดาเสมอ”
ก่อนที่จะชี้ว่ามีปัญหาและให้คำแนะนำใด ๆ การเข้าไปแทรกแซงหรือให้มารดาเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติต่าง
ๆ ควรทำเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาจริง ๆ เท่านั้น1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation
management self-study modules, level 1, fourth edition. In: International W,
ed.2014.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
ลักษณะของการดูดนมจากขวดนมและการดูดนมแม่จากเต้ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของการดูดนม การกลืน การหายใจและเคลื่อนไหวของลิ้นที่เหมาะสม
แต่สำหรับการดูดนมจากจุกนมเทียมของขวดนม กลไกการดูดนมจะให้ความรู้สึกและมีกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน
โดยที่น้ำนมที่ไหลออกจากขวดจะเกิดจากแรงในการดูดนมโดยตรง การออกแรงบีบกดจุกนมเทียม
และแรงโน้มถ่วง และเนื่องจากกลไกการดูดนมที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการให้ทารกดูดจุกนมเทียมรวมทั้งจุกนมหลอกจนกว่าทารกจะคุ้นเคยกับการดูดนมแม่
สามารถดูดนมแม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมารดามีการสร้างน้ำนมในปริมาณที่เพียงพอ จนกระทั่งทารกมีความชำนาญในการดูดนมแม่จากเต้าแล้ว
ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ การให้ทารกดูดนมจากเต้าสลับกับการดูดนมจากขวดอาจสามารถทำได้1
เอกสารอ้างอิง
1. Naylor AJ, Wester RA. Lactation management self-study
modules, level 1,
fourth edition. In: International
W, ed.2014.
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)