คลังเก็บหมวดหมู่: การดูแลการคลอดโดยใช้ข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์

การดูแลการคลอดโดยใช้ข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์

ลานนม การเตรียมความพร้อมสำหรับการให้นมลูก

20140709_breastfeeding_mothers_6

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ?ลานนมมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอด โดยมีสีคล้ำหรือเข้มขึ้น เพื่อช่วยให้ทารกมองเห็นลานนมและหัวนมชัดเจน เมื่อทารกจะคืบคลานมาหาหัวนมและลานนมเพื่อดูดนม กลิ่นที่จำเพาะของลานนมจากต่อมมอนต์โกเมอรี่ก็มีส่วนช่วยให้ทารกจดจำหัวนมและลานนมได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของลานนมที่สูงขึ้น ความเป็นกรดด่าง (pH) สูงขึ้น และความยืดหยุ่นของลานนมยังมีการเปลี่ยนแปลงที่พบได้ในวันแรกหลังคลอด1 เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับการให้นมลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติช่วยสร้างมาสำหรับมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เอกสารอ้างอิง

  1. Zanardo V, Straface G. The higher temperature in the areola supports the natural progression of the birth to breastfeeding continuum. PLoS One 2015;10:e0118774.

 

 

 

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดทำให้มารดาหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

bf30

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลดการเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จากการมีการหลั่งฮอร์โมนแห่งความรักหรือออกซิโตซินที่ให้มารดามีความผูกพันกับบุตร อย่างไรก็ตาม หากมารดามีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จะมีความวิตกกังวลเรื่องรูปร่างของมารดาที่เปลี่ยนแปลงไป และหยุดให้นมแม่ได้เร็ว1 ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ ควรสนับสนุนให้สามีและครอบครัวช่วยกันประคับประคองการเปลี่ยนแปลงที่มีมากมายของมารดาหลังคลอด อันจะทำให้มารดาผ่านประสบการณ์การคลอดและการเลี้ยงลูกหลังคลอดไปด้วยดี การเกิดวิกฤตการณ์ซึมเศร้าหลังคลอดลดลง การหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เร็วก็ลดลงด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อมารดาและทารก

เอกสารอ้างอิง

  1. Zanardo V, Volpe F, Giustardi A, Canella A, Straface G, Soldera G. Body image in breastfeeding women with depressive symptoms: a prospective study. J Matern Fetal Neonatal Med 2015:1-5.

 

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลดความดันโลหิตสูงและเบาหวาน

bf22

 

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีประโยชน์หลายอย่างต่อมารดาและทารก แต่มีการศึกษาสตรี 9128 คนที่ปักกิ่ง ประเทศจีนถึงความสัมพันธ์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กับภาวะความดันโลหิตสูงและเบาหวานพบว่า สตรีที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่พบมีความเสี่ยงในการมีภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่าสตรีที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 1.18 เท่า (95%CI 1.05-1.32) และพบเบาหวานมากกว่าสตรีที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 1.3 เท่า (95%CI 1.11-1.53)1 โดยในสตรีที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยิ่งนาน ความเสี่ยงยิ่งลดลง ดังนั้น ดูเหมือนว่า โรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ในสตรี ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งต้นเหตุส่วนใหญ่มาจากความดันโลหิตสูงและเบาหวาน และมะเร็งเต้านม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถจะลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

เอกสารอ้างอิง

  1. Zhang BZ, Zhang HY, Liu HH, Li HJ, Wang JS. Breastfeeding and maternal hypertension and diabetes: a population-based cross-sectional study. Breastfeed Med 2015;10:163-7.

 

การลดการเป็นสาวเร็วโดยให้ทารกกินนมแม่

รูปภาพ28

รศ.นพ. ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? การเข้าสู่วัยรุ่นหรือเป็นสาวเร็วมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวและการกินอาหาร มีการศึกษาเปรียบเทียบทารกที่กินนมแม่และทารกที่กินนมผสมพบว่า ทารกที่กินนมแม่จะมีพัฒนาของเต้านมที่เข้าสู่วัยสาวช้ากว่าทารกที่กินนมผสม โดยมีความสัมพันธ์กับระยะเวลาที่กินนมแม่ด้วย1 ดังนั้นทารกที่กินนมแม่น่าจะน่าจะลดการเป็นสาวเร็วซึ่งในปัจจุบันพบเพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านอื่นๆ ด้วย และน่าจะส่งผลต่อการลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้ อันเป็นการทำให้ปัญหานี้บรรเทาลงจากการกลับสู่พื้นฐานการเริ่มต้นกินแม่อย่างเดียวอย่างน้อยหกเดือนแรก และกินอาหารตามวัยร่วมกับนมแม่ต่อเนื่องนาน 2 ปีหรือมากกว่านั้น ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตที่เหมาะสมและสุขภาพของทารก

เอกสารอ้างอิง

  1. Kale A, Deardorff J, Lahiff M, et al. Breastfeeding versus formula-feeding and girls’ pubertal development. Matern Child Health J 2015;19:519-27.

 

 

 

 

การเริ่มการให้นมแม่ตั้งแต่ในระยะแรกในมารดาที่มีภาวะอ้วนกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว

รูปภาพ25

 

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

? ? ? ? ? ? ? ? ?การเริ่มให้นมแม่ การเริ่มให้นมแม่ตั้งแต่ในระยะแรกหลังคลอดจะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนโปรแลคตินที่มีผลต่อการสร้างน้ำนมได้ดี และยังกระตุ้นออกซิโตซินที่จะช่วยในการหลั่งของน้ำนม การหดรัดตัวของมดลูกซึ่งลดการเสียเลือดหลังคลอด หากมีการเริ่มให้นมลูกช้ากว่า 6 ชั่วโมงแรกหลังคลอดจะมีผลลบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่(1) ดังนั้นการกระตุ้นให้มีการเริ่มให้นมแม่ตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้น้ำนมมาเร็ว
? ? ? ? ? ? ? ?สำหรับมารดาที่มีดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์สูงมีผลลบต่อระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่(2) และในมารดาที่ดัชนีมวลกายต่ำกว่าเกณฑ์หรืออยู่ในเกณฑ์อ้วนยังมีอัตราการเริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำกว่าในมารดาที่มีดัชนีมวลกายปกติ(3) ในมารดาที่มีภาวะอ้วนหรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากระหว่างการตั้งครรภ์ที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่ำกว่า อาจเนื่องจากส่วนหนึ่งมารดาเหล่านี้จะมีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอดและการติดเชื้อหลังคลอดสูงกว่าด้วย(4-6) ซึ่งการมีการผ่าตัดคลอดมารดาจะเริ่มให้นมลูกได้ช้ากว่า หรือมีการเคลื่อนไหวหลังคลอดได้น้อยกว่าเนื่องจากในระหว่างการผ่าตัดคลอดมักได้รับยาระงับความรู้สึกเข้าไขสันหลัง นอกจากนี้ในมารดาที่มีภาวะอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดการหยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวสูงกว่า(7-9) โดยมีความเสี่ยงมากกว่ามารดาน้ำหนักปกติถึง 1.38 เท่า [adjusted Odds ratio เท่ากับ 1.38 (95%CI 1.10-1.73](10) และมีการเริ่มต้นในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ต่ำกว่า(11) ร่วมกับมีการสร้างน้ำนมช้ากว่า(12,13) จึงส่งผลต่อระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่สั้นกว่า(14-16) ดังนั้นหากบุคลากรทางการแพทย์ช่วยเหลือมารดาให้เริ่มให้นมลูกได้เร็วตั้งแต่ในระยะแรก อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในมารดาที่มีภาวะอ้วน น่าจะดีขึ้น

เอกสารอ้างอิง
1. Chaves RG, Lamounier JA, Cesar CC. Factors associated with duration of breastfeeding. J Pediatr (Rio J) 2007;83:241-6.
2. Zhu P, Hao J, Jiang X, Huang K, Tao F. New Insight into Onset of Lactation: Mediating the Negative Effect of Multiple Perinatal Biopsychosocial Stress on Breastfeeding Duration. Breastfeed Med 2012.
3. Thompson LA, Zhang S, Black E, et al. The Association of Maternal Pre-pregnancy Body Mass Index with Breastfeeding Initiation. Matern Child Health J 2012.
4. Al-Kubaisy W, Al-Rubaey M, Al-Naggar RA, Karim B, Mohd Noor NA. Maternal obesity and its relation with the cesarean section: a hospital based cross sectional study in Iraq. BMC Pregnancy Childbirth 2014;14:235.
5. Graham LE, Brunner Huber LR, Thompson ME, Ersek JL. Does amount of weight gain during pregnancy modify the association between obesity and cesarean section delivery? Birth 2014;41:93-9.
6. Leth RA, Uldbjerg N, Norgaard M, Moller JK, Thomsen RW. Obesity, diabetes, and the risk of infections diagnosed in hospital and post-discharge infections after cesarean section: a prospective cohort study. Acta Obstet Gynecol Scand 2011;90:501-9.
7. Hauff LE, Leonard SA, Rasmussen KM. Associations of maternal obesity and psychosocial factors with breastfeeding intention, initiation, and duration. Am J Clin Nutr 2014;99:524-34.
8. Kronborg H, Vaeth M, Rasmussen KM. Obesity and early cessation of breastfeeding in Denmark. Eur J Public Health 2013;23:316-22.
9. Donath SM, Amir LH. Does maternal obesity adversely affect breastfeeding initiation and duration? J Paediatr Child Health 2000;36:482-6.
10. Donath SM, Amir LH. Maternal obesity and initiation and duration of breastfeeding: data from the longitudinal study of Australian children. Matern Child Nutr 2008;4:163-70.
11. Mehta UJ, Siega-Riz AM, Herring AH, Adair LS, Bentley ME. Maternal obesity, psychological factors, and breastfeeding initiation. Breastfeed Med 2011;6:369-76.
12. Amir LH, Donath S. A systematic review of maternal obesity and breastfeeding intention, initiation and duration. BMC Pregnancy Childbirth 2007;7:9.
13. Nommsen-Rivers LA, Chantry CJ, Peerson JM, Cohen RJ, Dewey KG. Delayed onset of lactogenesis among first-time mothers is related to maternal obesity and factors associated with ineffective breastfeeding. Am J Clin Nutr 2010;92:574-84.
14. Oddy WH, Li J, Landsborough L, Kendall GE, Henderson S, Downie J. The association of maternal overweight and obesity with breastfeeding duration. J Pediatr 2006;149:185-91.
15. Kitsantas P, Pawloski LR. Maternal obesity, health status during pregnancy, and breastfeeding initiation and duration. J Matern Fetal Neonatal Med 2010;23:135-41.
16. Kugyelka JG, Rasmussen KM, Frongillo EA. Maternal obesity is negatively associated with breastfeeding success among Hispanic but not Black women. J Nutr 2004;134:1746-53.