รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
สัญชาตญาณหรือความรู้สึกพื้นฐานของมารดาที่ให้กำเนิดลูกมักมีความต้องการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง ยิ่งมารดายิ่งได้ทราบถึงประโยชน์และความสำคัญของการให้ลูกได้กินนมแม่แล้ว หากไม่สามารถให้นมลูกด้วยตนเองได้ อาจมีความวิตกกังวล หดหู่ รู้สึกผิด หรือมีอาการซึมเศร้าได้ มีการศึกษาที่พบว่า การให้ลูกได้กินนมแม่ยิ่งนานพบว่าจะยิ่งช่วยลดความวิตกกังวลของมารดาลงได้1 ซึ่งเป็นไปได้ว่า การที่มารดาสามารถให้ลูกกินนมแม่ได้จะสามารถตอบสนองต่อสัญชาตญาณหรือความรู้สึกพื้นฐานของการเป็นมารดา ซึ่งทำให้ลดความวิตกกังวลลงได้ ในการศึกษาเดียวกัน ยังพบอีกว่ามารดาที่ให้ลูกกินนมแม่จะพบอาการซึมเศร้าหลังคลอดน้อยกว่ามารดาที่ไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่ด้วย ดังนั้น “การปฏิบัติตามธรรมชาติของการพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยป้องกันและลดการเกิดภาวะตึงเครียดและซึมเศร้าในระยะหลังคลอดของมารดาลงได้ ”
1. Miksic S, Uglesic B, Jakab J,
Holik D, Milostic Srb A, Degmecic D. Positive Effect of Breastfeeding on Child
Development, Anxiety, and Postpartum Depression. Int J Environ Res Public
Health 2020;17.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
อาหารที่เหมาะสมสำหรับทารกในหกเดือนแรก คือ นมแม่ ซึ่งการให้นมแม่เพียงอย่างเดียวเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต พัฒนาการ และการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารก อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนในประเทศไทยที่มีรายงานในปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 23.1 ซึ่งยังเป็นอัตราที่ต่ำ การสนับสนุนให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวหกเดือนแรก พื้นฐานการศึกษา ความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์และความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนั้น การส่งเสริมให้ทารกที่ป่วยได้รับนมแม่ยังช่วยในการฟื้นตัวและลดการนอนโรงพยาบาลของทารก การใช้นมบริจาคจากธนาคารนมแม่สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวได้1 {Merjaneh, 2020 #172810} อย่างไรก็ตาม หากมารดาสามารถบีบเก็บน้ำนมให้ลูกของตนเองได้จะดีที่สุด “เพราะน้ำนมมารดาคนใดที่ให้กำเนิดลูกก็จะมีความจำเพาะและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกของมารดาคนนั้น”
เอกสารอ้างอิง
1. Merjaneh N, Williams P, Inman S,
et al. The impact on the exclusive breastfeeding rate at 6 months of life of
introducing supplementary donor milk into the level 1 newborn nursery. J
Perinatol 2020.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
มารดาที่ให้ลูกกินนมแม่จะมีผลดีหลายอย่าง
ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุการตายที่พบบ่อยในปัจจุบัน ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่
รวมทั้งกลุ่มโรคเมตาบอลิก โดยมีการศึกษาในประเทศเกาหลีในมารดา 1983 รายที่อยู่ในวัยทองพบว่า
หากมารดามีประวัติที่ให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 3
เดือนจะป้องกันการเกิดกลุ่มโรคเมตาบอลิกได้ถึงครึ่งหนึ่ง1 ดังนั้น หากพิจารณาประโยชน์ของนมแม่ในด้านเหล่านี้ จะเห็นว่า
การที่มารดาให้ลูกได้กินนมแม่น่าจะทำให้มารดามีอายุที่ยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการลดการเกิดโรคข้างต้น
ซึ่งการลงทุนทางด้านสุขภาพแก่มารดาโดยการให้ลูกกินนมแม่นับเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่มีความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข
เอกสารอ้างอิง
1. Ra JS, Kim SO. Beneficial effects of
breastfeeding on the prevention of metabolic syndrome among postmenopausal
women. Asian Nurs Res (Korean Soc Nurs Sci) 2020.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ทารกกินนมแม่อย่างเดือนหกเดือนแรก หลังจากนั้นกินนมแม่ร่วมกับอาหารเสริมตามวัยจนกระทั่งครบสองปีหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของมารดาและทารก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การกินนมแม่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของทารก ทารกที่กินนมแม่จะมีการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และการติดเชื้ออักเสบของหูส่วนกลางน้อยกว่า สำหรับการติดเชื้อในทางเดินหายใจมีการศึกษาพบว่า ทารกที่กินนมแม่เต็มที่ตามคำแนะนำจะพบมาการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจน้อยกว่า1 ซึ่งแสดงถึงการพบภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมในทางเดินหายใจพบน้อยกว่า ทำให้การหายจากโรคหรือความรุนแรงของโรคน่าจะน้อยกว่า ดังนั้น การสนับสนุนให้ทารกได้กินนมแม่เต็มที่จะช่วยปกป้องลดความรุนแรงของการติดเชื้อทางเดินหายใจ และลดค่าใช้จ่ายจากภาวะแทรกซ้อนที่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. Parizkova P, Dankova N, Fruhauf P, Jireckova J, Zeman
J, Magner M. Associations between breastfeeding rates and infant disease: A
survey of 2338
Czech children. Nutr Diet 2020;77:310-4.
รศ.นพ.ภาวิน
พัวพรพงษ์
หลังการคลอดช่วงที่มารดาให้นมลูก มารดาบางคนอาจมีความจำเป็นต้องใช้ยา ซึ่งการจะเลือกใช้ยาของมารดาในระหว่างการให้นมลูกอาจมีผลทั้งต่อการเลือกชนิดของยาที่เหมาะสมที่จะไม่เป็นอันตรายต่อทารก อย่างไรก็ตาม มารดาบางคนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับผลของการใช้ยาจนทำให้เกิดการหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ดังนั้น การจัดทำข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาในระหว่างการให้นมลูกจึงมีความจำเป็น ซึ่งจะมีส่วนในการช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์มีความรู้ที่ทันสมัยและให้คำปรึกษามารดาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการให้ความรู้แก่มารดาในกรณีที่มีความลำบากในการเข้าถึงโรงพยาบาล คลินิก สถานพยาบาล หรือร้านขายยาที่มีเภสัชกร ในประเทศไทยยังขาดการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกใช้ยาในระหว่างการให้ลูก สำหรับในต่างประเทศทที่มีการรวบรวมข้อมูลการใช้ยาในระหว่างการให้นมลูกโดยจัดทำข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ออนไลน์พบว่า สองในสามของคนที่เข้ามาหาข้อมูลเป็นมารดาหรือบิดา หนึ่งในสามเป็นบุคลากรทางการแพทย์ การเข้าถึงส่วนใหญ่ผ่านอุปกรณ์มือถือร้อยละ 73 สำหรับกลุ่มของยาที่คนเข้ามาค้นข้อมูลมากที่สุด ได้แก่ ยากลุ่มยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดลดอาการอักเสบ โดยตัวยา ibuprofen เป็นยาที่มีคนเมาหาข้อมูลมากที่สุด1 จะให้ว่า การจัดทำข้อมูลการใช้ยาในระหว่างการให้นมลูกนอกจากจะเป็นช่องทางที่จะให้ความรู้แก่ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ การนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้ยาในระหว่างการให้นมลูกมาวิเคราะห์ จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมถึงปัญหาของการใช้ยาในระหว่างการให้นมลูกของมารดาได้
เอกสารอ้างอิง
1. Paricio-Talayero JM, Mena-Tudela D, Cervera-Gasch A,
et al. Is it compatible with breastfeeding? www.e-lactancia.org :
Analysis of visits, user profile and most visited products. Int J Med Inform 2020;141:104199.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)