รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? ทารกแต่ละคนจะมีลักษณะหรือรูปแบบการกินนมที่แตกต่างกัน ซึ่งตัวอย่างรูปแบบการกินนมของทารกอาจแบ่งในรายละเอียด ได้ดังนี้
แบบจริงจัง (Barracuda) ทารกที่กินนมในลักษณะนี้จะอมหัวนมและลานนมพร้อมกับการดูดนมอย่างเต็มที่ 10-20 นาที
แบบขี้หงุดหงิด (Excited) ทารกจะตื่นตัวและควานหาเต้านม แต่จะหงุดหงิด กระวนกระวาย ร้องไห้ เมื่อไม่มีน้ำนม
แบบใจเย็น (Procrastinator) ทารกจะคอยจนกระทั่งมีน้ำนมเริ่มไหลมา จึงจะเริ่มดูด แต่เมื่อเริ่มดูดแล้วก็จะดูดได้ดี
แบบนักชิม (Gourmet) ทารกลักษณะนี้จะใช้ลิ้นตวัดเลียหยดน้ำนมจากหัวนมก่อน แล้วจึงค่อยๆ เริ่มการดูดนม การเร่งเร้าให้ทารกเข้าเต้าและดูดนมอาจทำให้ทารกต่อต้านได้
แบบช่างพัก (Rester) ทารกจะกินนมสองสามนาที แล้วพักอีกสองสามนาที จึงใช้เวลาในการกินนมนมกว่าทารกปกติทั่วไป
? ? ? ? ? ?จากตัวอย่างที่กล่าวมา จะเห็นว่า หากมารดาทราบลักษณะนิสัยของทารกและจัดการให้นมให้สอดคล้องกับรูปแบบการกินของทารก การให้นมก็จะประสบความสำเร็จด้วยดี
เอกสารอ้างอิง
The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? Hunger cues คือลักษณะอาการที่บ่งบอกว่าทารกหิว ในการให้ลูกกินนมแม่ มารดามักเข้าใจโดยทั่วไปว่า เมื่อลูกร้องคือลูกรู้สึกหิว แต่การร้องเป็นอาการที่บ่งบอกว่าทารกหิวในระยะท้าย ซึ่งหากรอให้ทารกร้อง การทำให้ทารกสงบหรือจะนำทารกเข้าเต้าเพื่อการดูดนมจะทำด้วยความลำบากมากขึ้น การที่ให้มารดาอยู่ร่วมกับทารกตลอด 24 ชั่วโมงจะทำให้มารดาได้มีโอกาสสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าทารกหิวในระยะแรกได้ ได้แก่ การที่ทารกตื่นตัวมากขึ้น ขยับงอแขนขา ขยับปากและลิ้น ส่งเสียงอ้อแอ้ เอามือหรือนิ้วเข้าปาก ดูดมือหรือนิ้ว ซึ่งการนำทารกเข้าเต้าก่อนที่ทารกร้องไห้ จะทำได้ง่ายกว่า ซึ่งทารกจะควบคุมการกินนม โดยหากกินนมเพียงพอแล้ว ทารกอาจจะอมหรือคาบหัวนมและลานนมเฉยๆ ทิ้งระยะนานโดยไม่ดูดนม ผ่อนคลาย และอาจสังเกตเห็นทารกง่วงหลับ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอาการที่ทารกได้รับนมเพียงพอหรืออิ่ม โดยที่มารดาจะสังเกตได้เช่นกันเมื่อได้ให้นมและอยู่ร่วมกันตลอดเวลา
เอกสารอ้างอิง
The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
คำถามที่มารดามักมาปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการให้นมลูก ได้แก่ ลักษณะการกินนมของลูกอย่างไรจึงจะเป็นปกติ หรือการให้นมของแม่แก่ลูกที่ปกติเป็นอย่างไร การที่จะอธิบายให้มารดาและครอบครัวเข้าใจจำเป็นต้องทราบหลักการสำคัญในการให้นมแก่ทารก คือ การให้นมตามความต้องการของทารกและให้ทารกกระตุ้นดูดนมให้มีการสร้างน้ำนมที่เพียงพอ
??????????? การให้นมแม่ตามความต้องการของทารก ในช่วงวันแรกถึงวันที่สองหลังคลอด ขนาดกระเพาะทารกยังมีขนาดเล็กความจุใกล้เคียงกับขนาดลูกปิงปอง และค่อยๆ ปรับตัวขยายขนาดเพื่อรับปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ในระยะแรกการที่มารดามีหัวน้ำนมที่มีปริมาณน้อยก็จะสอดคล้องกับความจุของกระเพาะอาหารของทารก จากนั้นเมื่อถึงวันที่สามหลังคลอดน้ำนมของมารดาจะมากขึ้น มีอาการตึงคัดเต้านม ความต้องการน้ำนมของทารกเพิ่มขึ้น ทารกจะดูดนมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทั่วไปนมแม่จะย่อยและดูดซึมได้ง่าย การกินนมของทารกจึงมักกินบ่อยราว 8-12 ครั้งต่อวัน โดยการกินนมในแต่ละเต้าใช้เวลาราว 10-15 นาที อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งและระยะเวลาในการดูดนมของทารกนั้นไม่ได้จำกัดว่าจำเป็นต้องได้ตามกำหนดอย่างนี้ จะขึ้นอยู่กับปริมาณและการไหลของน้ำนมมารดาและการดูดนมทารกในแต่ละคู่มากกว่า ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เริ่มดูดนมข้างที่ดูดไว้ในครั้งก่อนหน้านี้ให้เกลี้ยงเต้าก่อนการเปลี่ยนไปดูดนมจากอีกเต้าหนึ่ง ซึ่งการดูดนมให้เกลี้ยงเต้านี้เป็นกลไกสำหรับในการกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนมที่เพียงพอสำหรับทารก
เอกสารอ้างอิง
1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????????????? ในการให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากบุคลากรทางการแพทย์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องปัจจัยเสี่ยงของมารดาที่จะส่งผลต่อการให้นมลูกแล้ว ยังจำเป็นต้องทราบปัจจัยเสี่ยงของทารกที่มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย เพื่อการพิจารณาเลือกการให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รายละเอียดของปัจจัยเสี่ยงของทารก มีดังนี้
????????? ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน กายวิภาคและสรีรวิทยา
???????? ?? ? ทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือมีน้ำหนักตัวน้อย
??????????? ? ทารกครรภ์แฝด
??????????? ? ทารกที่เข้าเต้าลำบากในเต้านมข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
??????????? ? ทารกที่ดูดนมไม่ต่อเนื่องหรือดูดนมไม่มีประสิทธิภาพ
??????????? ? ทารกที่มีความผิดปกติของกายวิภาคในช่องปาก เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ คางเล็ก ลิ้นใหญ่
?????????? ? ทารกที่มีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ตัวเหลือง น้ำตาลต่ำ หายใจเร็ว หรือมีการติดเชื้อ
?????????? ? ทารกที่มีปัญหาทางระบบประสาท ได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือกล้ามเนื้อเกร็งตัว
?????????? ? ทารกที่ง่วงนอนอย่างต่อเนื่อง
?????????? ? ทารกที่น้ำหนักตัวลดมากหรือรุนแรง
??????? ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม
????????? ? การป้อนนมผงดัดแปลงสำหรับทารกแรกเกิด
????????? ? ทารกที่ยังกินนมได้ไม่ดีขณะที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
????????? ? ทารกและมารดาที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเร็วเกินไป
????????? ? ทารกที่ใช้จุกนมหลอกตั้งแต่ในระยะแรก
เอกสารอ้างอิง
1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.
รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์
??????? ปัจจัยทางด้านกายวิภาคและสรีรวิทยา
???????????? ? มารดาที่ไม่มีการขยายขนาดของเต้านมระหว่างการตั้งครรภ์
???????????? ? มารดาที่มีหัวนมบอดหรือหัวนมแบน
???????????? ? มารดาที่มีลักษณะของเต้านมที่ผิดปกติ ได้แก่ เต้านมแตกต่างกันมากระหว่างสองเต้า เต้านมขาดการพัฒนาการสำหรับการให้นมที่เหมาะสมคือ เต้านมที่ไม่มีเนื้อของต่อมน้ำนมหรือต่อมน้ำนมน้อย (hypoplastic breast) หรือเต้านมเป็นทรงท่อ (tubular breast)
??????????? ? มารดาที่มีการผ่าตัดเต้านมที่มีการตัดหรือไปรบกวนท่อน้ำนมหรือปลายประสาทที่รับความรู้สึกที่หัวนม
??????????? ? มารดาที่มีการผ่าตัดเต้านมเพื่อการแก้ไขลักษณะที่ผิดปกติหรือการเจริญเติบโตที่บกพร่องของเต้านม
????????? ? ? มารดาที่เคยเป็นฝีที่เต้านมมาก่อน
???????? ?? ? มารดาที่มีอาการเจ็บหัวนมมากหรือมีอาการเจ็บหัวนมเรื้อรัง
???????? ?? ? มารดาที่เต้านมขาดการพัฒนาการสร้างน้ำนมในระยะที่ 2 (failure of lactogenesis stage 2)
??????? ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
??????????? ? มารดาที่จำเป็นต้องแยกจากทารกหลังคลอด
เอกสารอ้างอิง
1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.
เรื่องนำทาง
แหล่งความรู้ เกี่ยวกับสูติ-นรีเวช (Obstetrics-Gynecology)