คลังเก็บหมวดหมู่: การดูแลสุขภาพหลังคลอด

การดูแลสุขภาพหลังคลอด

การใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนในสตรีตั้งครรภ์

IMG_9466

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? เมื่อสตรีตั้งครรภ์มักมีอาการแพ้ในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งอาการในมารดาแต่ละคนมีมากน้อยไม่เท่ากัน ในมารดาที่มีอาการน้อย อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารโดยกินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น จะช่วยให้มารดาสามารถรับประทานอาหารได้ การกินน้ำหวานจะช่วยลดอาการอ่อนเพลียในมารดาที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก นอกจากนี้ การใช้การแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ยังสามารถลดการใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้ ได้แก่ การดื่มน้ำขิง การฝังเข็ม แต่ในมารดาบางคนที่มีอาการมาก การเริ่มต้นใช้ยาอาจมีความจำเป็น ยาที่ใช้เป็นทางเลือกแรก ได้แก่ วิตามินบีหก ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น อาจให้ dimenhydramine ร่วมด้วย ยานี้อาจทำให้มารดาง่วงนอนได้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยา ondansetron ซึ่งจากข้อมูลในปัจจุบันพบว่าประโยชน์ของการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงในการใช้ยา อย่างไรก็ตาม มีรายงานบางการศึกษาพบว่า การใช้ยานี้อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดความผิดปกติของหัวใจโดยเฉพาะที่ลิ้นหัวใจ1 ดังนั้น แม้สมาคมสูตินรีแพทย์ของอเมริกาจะแนะนำให้ใช้ได้โดยมีความเสี่ยงต่ำ แต่การใช้ควรมีการเฝ้าระวังและติดตามรายงานผลด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Carstairs SD. Ondansetron Use in Pregnancy and Birth Defects: A Systematic Review. Obstet Gynecol 2016;127:878-83.

การวางแผนการคลอดสำหรับมารดาที่มีความดันโลหิตสูง

IMG_9761

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? มารดาที่มีเป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อตั้งครรภ์และมาฝากครรภ์โดยมีประวัติฝากครรภ์ดี การวางแผนการกำหนดคลอดที่มารดาอายุครรภ์ 38-39 สัปดาห์น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากหากวางแผนให้คลอดก่อน 37 สัปดาห์ โอกาสที่จะพบภาวะแทรกซ้อนในทารกหลังคลอดจะเพิ่มมากขึ้น แต่หากวางแผนให้คลอดหลังมารดาอายุครรภ์ 39 สัปดาห์ โอกาสที่มารดาจะมีภาวะครรภ์เป็นพิษสูงขึ้น1 อย่างไรก็ตาม ควรวิเคราะห์ข้อมูลของมารดาในแต่ละรายโดยดูความเสี่ยงอื่นๆ ร่วมในการพิจารณาการกำหนดการคลอดด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Harper LM, Biggio JR, Anderson S, Tita AT. Gestational Age of Delivery in Pregnancies Complicated by Chronic Hypertension. Obstet Gynecol 2016.

การขับถ่ายของทารก สิ่งที่สะท้อนการกินนมของทารก

S__38208141

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? ใน 3-4 วันแรกหลังคลอด ทารกจะขับถ่ายน้ำออกจากร่างกายมากกว่าที่กินนมเข้าไป เนื่องจากในระยะแรกหลังคลอดทารกมีน้ำอยู่ในช่องว่างระหว่างเซลล์ในร่างกายมาก และจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปหลังคลอด ดังนั้น การติดตามการขับถ่ายของทารกจะสะท้อนถึงการกินนมได้ดีหลังจาก 3-4 วันแรก การจดบันทึกการกินนม การปัสสาวะ และการถ่ายอุจจาระอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์แรก จะมีประโยชน์ในการประเมินการกินนมของทารก โดยในปลายสัปดาห์แรก ทารกจะปัสสาวะอย่างน้อย 6 ครั้งต่อวัน สำหรับการถ่ายอุจจาระ ในช่วงแรก ทารกจะถ่ายขี้เทาเป็นสีเขียวเข้มและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในปลายสัปดาห์แรก โดยจะมีการถ่ายอุจจาระในช่วงนี้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน การขับถ่ายที่น้อยกว่าปกติ อาจแสดงถึงการได้รับนมที่ไม่พอเพียงได้

เอกสารอ้างอิง

  1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.

น้ำหนักทารกที่ลดลงหลังคลอด เรื่องที่มารดาวิตกกังวล

S__38208113

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? หลังคลอดเมื่อมีการชั่งประเมินน้ำหนักทารกในแต่ละวัน โดยทั่วไปจะพบว่าทารกมีน้ำหนักลดลง เนื่องจากในขณะเกิด การชั่งน้ำหนักทารกหลังคลอด ทารกได้แช่อยู่ในน้ำคร่ำก่อนการชั่ง สัดส่วนน้ำในร่างกายต่อน้ำหนักจะมาก ต่อมาเมื่อมีการระเหยของน้ำจากผิวหนังของทารก และการขับถ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้น้ำหนักทารกลดลง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นปกติใน 2-4 วันแรกหลังคลอด จากนั้นน้ำหนักทารกจึงเริ่มเพิ่มขึ้น และจะเริ่มน้ำหนักเกินน้ำหนักแรกคลอดในวันที่ 10-14 หลังคลอด ดังนั้น หากไม่มีการเตรียมให้มารดาและครอบครัวมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหนักของทารกที่ลดลงหลังคลอด มารดาอาจถูกกดดันหรือมีความเครียดจากการที่ทารกมีน้ำหนักลดและนำไปสู่การเลือกใช้นมผงดัดแปลงสำหรับทารก สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมมารดาตั้งแต่ก่อนการคลอดและทบทวนอีกครั้งในระยะหลังคลอด อย่างไรก็ตาม หากทารกยังมีน้ำหนักต่ำกว่าน้ำหนักแรกเกิดหลังคลอดสองสัปดาห์ ควรมีการดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด

เอกสารอ้างอิง

  1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.

 

การดูแลสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอด

S__38208154

รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์

??????????????? มีคำถามว่า บุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้าไปดูแลสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอดตั้งแต่เมื่อไร คำตอบคือ ต้องเริ่มทันทีหลังคลอด โดยเริ่มการให้ลูกดูดนมแม่ภายในครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงแรก ร่วมกับการโอบกอดลูกเนื้อแนบเนื้อต่อเนื่องกันอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยมีหลักการที่สำคัญที่ควรต้องปฏิบัติดังนี้

  • กระบวนการใดของการดูแลที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรสนับสนุนและกระบวนการหรือขั้นตอนใดที่ขัดขวางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรหลีกเลี่ยง
  • คัดแยกมารดาที่มีปัญหาน้ำนมไม่พอ เพื่อการให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุ
  • คงให้มารดามีการสร้างน้ำนมอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นต้องแยกทารกจากมารดา
  • ในกรณีที่มารดาและทารกมีปัญหาต่อเนื่อง ควรพิจารณาส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญ

? ? ? ? ? ? ? ?หลักที่สำคัญของการสนับสนุนหลังคลอด คือ เน้นให้เริ่มต้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่ในระยะแรก และสนับสนุนให้มารดามีน้ำนมเพียงพอและต่อเนื่อง

เอกสารอ้างอิง

  1. The American of Obstetricians and Gynecologist, American Academy of Pediatrics. Breastfeeding handbook for physician. 2nd edition. 2014.